ราชวงศ์เทียนลิ่ง
ณ ศาลบรรพชนแห่งราชวงศ์
ภายในตำหนักหลวงอันทรงพลังเคร่งขรึม กลิ่นคาวเลือดค่อยๆ กระจายคละคลุ้งไปทั่วอาณาบริเวณ
กรงเหล็กสีเงินตั้งตระหง่านกลางวิหาร และมีสตรีนางหนึ่งถูกขังอยู่ข้างใน
นางล้มกองกับพื้น ขดตัวเป็นก้อน ร่างกายสั่นเทิ้มเล็กน้อย อาภรณ์สวยหรูดั่งคนในวังสวมใส่อาบย้อมไปด้วยคราบเลือด ชายกระโปรงว่างเปล่าอย่างน่าแปลกประหลาด…นางถูกตัดขาทั้งสองข้างทั้งเป็น!
เสียงฝีเท้าดังขึ้น ซั่งกวนเยว่ เงยหน้าขึ้นไปเพราะทนดูไม่ได้
ใบหน้าที่คุ้นเคย มาปรากฏอยู่ในสายตา
นางสั่นไหวไปด้วยหัวใจแห่งความเคียดแค้น เพราะคนที่เข้ามายืนตรงหน้านางคือ เจียงอวี่เฉิง…คู่หมั้นของนางที่กำลังจะเข้าร่วมพิธีอภิเษกที่ยิ่งใหญ่ด้วยกันในไม่ช้า!
“ซั่งกวนเยว่ พลังของเจ้าได้สลายไปแล้ว ความรู้สึกเหมือนเป็นคนไร้ประโยชน์ เป็นเยี่ยงไรบ้างเล่า”
ซั่งกวนเยว่มองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
“เจ้า…นี่เอง!”
เจียงอวี่เฉิงหัวเราะเบาๆ
“ตลอดสามปีที่ผ่านมา ตอนที่ข้าชงชาหิมะให้เจ้าทุกวัน ข้าแอบใส่ยาให้เจ้าดื่ม เป็นไงรสชาติดีหรือไม่”
ซั่วกวนเยว่อึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะยิ้มอย่างเศร้าโศก
เหอะ ตอนแรกคิดว่าเป็นน้ำใจของคนรัก แต่กลับไม่รู้ว่าเขาต้องการเอาชีวิตนางตั้งแต่เริ่มต้นอยู่แล้ว!
สีหน้าของนางค่อยๆ เย็นชา
“เจียงอวี่เฉิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าสังหารองค์หญิง ต้องได้รับโทษอย่างไร!”
เจียงอวี่เฉิงยิ้มแต่ไม่เอ่ยสิ่งใด จากนั้นก็มีเสียงสตรีอีกนางหนึ่งดังขึ้นในตำหนักหลวง
“เสด็จพี่ จนป่านนี้แล้ว ท่านยังคิดว่าตัวเองยังเป็นองค์หญิงสูงศักดิ์อยู่อีกหรือ”
ซั่งกวนเยว่หันหน้าไปมองทันที แล้วก็เห็นว่ามีสตรีนางหนึ่งเดินเยื้องกรายเข้ามา
นางคือ…ซั่งกวนหว่าน น้องสาวคนที่สามที่นางรักมากที่สุดหากแต่เป็นเมื่อครั้งเก่าก่อน
ใบหน้าอ่อนโยนที่มักขี้อายเสมอดั่งเมื่อก่อน แต่บัดนี้กลับดูสะใจเปิดเผยมิอาจปิดได้มิดเลยสักนิด!
“หนึ่งวัน หนึ่งคืน เลือดของเสด็จพี่ไหลจนจะหมดตัวอยู่แล้ว ยังจะมีใครที่สามารถมาช่วยเสด็จพี่ได้อีกเล่า เสด็จพ่อที่ป่วยหนักหรือทหารองครักษ์สิบสามนายของพี่ที่อยู่ชายแดนห่างไกลนั่นดีล่ะ”
หัวใจของซั่งกวนเยว่เย็นเฉียบราวกับธารน้ำแข็ง
“ที่เสด็จพ่อป่วยหนัก…เป็นฝีมือของเจ้าหรือ!”
เกรงว่าพวกเขาจงใจส่งองครักษ์สิบสามนายของนางให้ออกไปให้พ้นตา
ซั่งกวนหว่านกะพริบตา ตบหน้าอกเบาๆ แล้วหันไปมองเจียงอวี่เฉิงด้วยท่าทางหงุดหงิด
“เจียงเฉิง เสด็จพี่ดุจังเลย หว่านเอ๋อร์กลัว”
เจียงอวี่เฉิงยิ้มและบีบเอวของนาง
“กลัวอะไร ตอนนี้นางไม่ต่างอะไรกับคนพิการ เพียงแค่ใช้โลหิตของนางหล่อเลี้ยงชีพจรเดิมของเจ้า วันข้างหน้าพรสวรรค์ของเจ้าก็จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อถึงตอนนั้นทุกอย่างก็จะเป็นของเจ้าแล้วมิใช่หรือ”
ซั่งกวนหว่านมองนางด้วยความเกลียดแค้น
“เสด็จพี่ พี่เกิดมาก็มีชีพจรเทียนจิง ฟ้าลิขิตให้เป็นองค์หญิงสูงศักดิ์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดล้วนเป็นของเสด็จพี่! แต่…มีสิทธิ์อะไร! หรือว่าเพราะเสด็จแม่ของพี่คือฮองเฮา ส่วนเสด็จแม่ของข้าเป็นเพียงนางสนมใช่หรือไม่!”
นางไม่พอใจ ดังนั้นนางจึงต้องการแย่งทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของซั่งกวนเยว่!
“เสด็จพี่สบายได้ ต่อแต่นี้ไป ไม่ว่าจะเป็นชายคนที่พี่รักที่สุด หรือตำแหน่งของพี่ ข้าในฐานะน้องสาวจะช่วยพี่ดูแลให้เอง!”
ราวกับมีอะไรมาจุกอยู่ที่อกของซั่งกวนเยว่ ร่างของนางแทบแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ!
คนที่นางไว้ใจมากที่สุดสองคน แต่กลับทรยศหักหลังนางทั้งหมด
ซั่งกวนหว่านชื่นชมสีหน้าเจ็บปวดของนาง แต่ดูเหมือนนางจะยังไม่สาแก่ใจ จึงเอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “จริงสิเสด็จพี่ เห็นแก่เสด็จพี่ดูแลน้องมาตั้งหลายปี น้องจะส่งเสด็จสู่สุคติแน่นอน หวังว่าพี่จะได้ไปอยู่กับเสด็จแม่และน้องชายอายุสั้นในเร็ววันนะเพคะ…”
ทุกถ้อยคำของนางดั่งสายฟ้าฟาดลงมาข้างหูของซั่งกวนเยว่!
หรือว่า ที่เสด็จแม่และน้องชายเยาว์วัยของนางสิ้นพระชนม์ที่ทะเลสาบน้ำแข็งจะไม่ใช่อุบัติเหตุ
“พี่ไม่รู้หรือ ว่าตอนที่น้องเจ็ดกำลังจะตาย ยังส่งเสียงร้องเรียกเสด็จพี่อยู่เลยล่ะ…”
“ซั่งกวนหว่าน!”
ซั่งกวนเยว่ตวาดลั่น
กล้าลงมือกับเสด็จพ่อ ทรยศนาง ตัดขาทั้งสองข้างของนาง ขังนางเอาไว้ที่แห่งนี้ ช่างเป็นความแค้นฝังลึกยิ่งนัก!
ยิ่งไปกว่านั้น นางคิดไม่ถึงเลยว่า มารดาที่นางเคารพและน้องชายที่นางรักที่สุดก็ตายอยู่ในเงื้อมมือของพวกเขา!
นัยน์ตาแดงก่ำของนางจ้องไปที่สองคนนั้นเขม็งราวกับผีร้ายที่มาจากขุมนรก วินาทีต่อมา เปลวเพลิงสีแดงบ้าคลั่งก็แผดเผา!
ซั่งกวนเยว่กระตุ้นชีพจรเทียนจิงในร่างกายให้เผาไหม้!
ทันใดนั้นลูกไฟขนาดใหญ่ราวกับเนตรมังกรก็ลอยออกไปแล้วทะลุผ่านตำแหน่งตันเถียน[1]ของซั่งกวนหว่าน
ซั่งกวนหว่านรู้สึกได้ทันทีว่าจุดชีพจรของตนเองกำลังถูกเผาไหม้ นางทั้งตื่นตกใจและกรีดร้องออกมา…
“ชีพจรของข้า!”
แม้เจียงอวี่เฉิงจะหลีกเลี่ยงอันตราย แต่แขนข้างขวาของเขากลับถูกตัดออกไปครึ่งหนึ่ง
“หากชาติหน้ามีจริง…แค้นนี้…ต้องชำระ!”
ทุกถ้อยทุกคำของนางราวกับคำสาปแช่ง
โดยที่ไม่มีใครได้ทันมองเห็นว่า ทันใดนั้นได้มีอักขระแปลกประหลาดปรากฏขึ้นที่รอยเลือดบนโต๊ะตัวนั้น ก่อนที่มันจะเลือนหายวับไปกับตา
ราชวงศ์เทียนจิน ในปี 1653 องค์หญิงซั่งกวนเยว่สิ้นพระชนม์ เพราะธาตุไฟเข้าแทรกระหว่างฝึกบำเพ็ญ
…
เจ็บ!
เจ็บไปถึงกระดูก!
ราวกับเลือดเนื้อถูกฉีกเป็นชิ้น เปลวไฟร้อนลวกกำลังแผดเผา!
ทันใดนั้นเสียงอันเลือนรางก็แว่วเข้ามาในหู
“แหะๆ พี่ใหญ่ แม้สาวน้อยผู้นี้จะผอมแห้งราวกับฟืน แต่ใบหน้ากลับสวยงามเยี่ยงนี้ เราฆ่านางให้ตายเสียดีกว่า คงขาดทุนเกินไปหน่อยหรือไม่”
“นั่นน่ะสิ! พี่ใหญ่ จะว่าไปนางก็เป็นถึงคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่ หากเล่นตุกติกขึ้นมา ต้องไม่เหมือนกันแน่นอน!”
“เหอะ คุณหนูใหญ่อะไรกัน! แม้กระทั่งชีพจรยังพิการไร้ประโยชน์ ขนาดทุกคนในตระกูลฉู่ยังมองว่านางเป็นจุดด่างพร้อยของตระกูลเลย!”
“พี่ใหญ่ ถึงอย่างไรคุณหนูสามบอกเพียงแค่ว่าทำเยี่ยงไรก็ได้ให้นางหายไปตลอดกาลก็พอ หลังจากพวกเราทำงานเสร็จ เผานางเสียก็สิ้นเรื่องแล้วมิใช่หรือ ยังจะมีใครจากตระกูลฉู่ตามหานางพบได้อีก”
ไฟหรือ
ไฟ!
ซั่งกวนเยว่รู้สึกเจ็บจี๊ดที่สมอง ทันใดนั้นนางก็เบิกตาโพลง
ภายใต้แสงแดดอันเจิดจ้า ใบหน้าของชายกักขฬะคนหนึ่งกำลังยื่นมือมาที่หน้าอกของนาง
“รนหาที่ตาย!”
ซั่งกวนเยว่ตวาดลั่น แต่ทันใดนั้นก็พบว่าน้ำเสียงของตนเองไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว!
ลำคอแห้งผากราวกับกระหายน้ำมาเป็นเวลานาน แต่น้ำเสียงไม่ได้ย่ำแย่ น้ำเสียงเหมือนเด็กสาวอายุไม่เกินสิบสองสิบสามก็มิปาน!
แต่นางไม่มีเวลาคิดให้ละเอียดรอบคอบ นางก็จับหักข้อมือของชายผู้นั้นทันที ในขณะเดียวกันก็ยกเท้าถีบออกไป
“อ๊ากก!”
เสียงร้องเจ็บปวดโหยหวนดังลั่นก้องป่า
ชายคนนั้นประมาทไปครู่หนึ่ง เมื่อถูกถีบจนถอยไปกะทันหัน และมือข้างนั้นของเขาก็มีลักษณะที่ผิดรูปแปลกไป…เพราะเขาถูกหักข้อมือ
“พี่ใหญ่!”
ชายหนุ่มอีกสองคนที่อยู่ข้างหลังของเขาเกิดอาการตกตะลึงแล้วรีบไปประคองเขา เมื่อเห็นเขาบาดเจ็บต่างก็พากันตื่นตระหนก แล้วหันไปมองเด็กสาวผู้นั้น
เกิดอะไรขึ้น!
ฉู่หลิวเยว่เป็นคนไร้ค่าของตระกูลฉู่ที่รู้จักกันเป็นอย่างดี นางไม่มีพลังต่อสู้เลยสักนิด มิฉะนั้นคงไม่โดนพวกเขาตีจนสลบและพาเข้ามาในป่าหมอกทึบอย่างง่ายดายเช่นนี้หรอก
แต่ทว่าตอนนี้…คิดไม่ถึงว่านางจะสามารถหักข้อมือพี่ใหญ่ได้!
“นังเด็กสารเลว กล้าลงมือกับข้า…ซ่งเหลียนอย่างนั้นหรือ เจ้าต่างหากที่รนหาที่ตาย น้องสองน้องสามไปจับนางมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
“ขอรับ!”
แม้กำลังมึนงง แต่พวกเขาก็ไม่คิดอะไรมากแล้ววิ่งตามไปทันที…
พวกเขาทั้งสามล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สอง แค่ฉู่หลิวเยว่ตัวเล็กๆ คนหนึ่ง จะมาเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้อย่างไร เมื่อครู่นี้ต้องเห็นผีแน่นอน!
เมื่อเห็นชายหนุ่มสองคนเข้ามาล้อมรอบเพื่อโจมตีตนเอง ซั่งกวนเยว่ก็หรี่ตาลงเล็กน้อย และมีแสงมืดสลัววาบผ่านนัยน์ตาของนาง
จากนั้นนางก็กระโจนเข้าใส่สองคนนั้น
ในขณะที่ที่ทั้งสามคนกำลังเผชิญหน้ากัน ชายหนุ่มสองคนก็รีบชักดาบออกมา
แต่ดูเหมือนว่าซั่งกวนเยว่คาดการณ์เอาไว้อยู่แล้ว นางจึงโน้มเอวหลบทันที แล้วรีบวิ่งไปที่ด้านหน้าชายหนุ่มหนึ่งในนั้น
ในระยะเฉียดฉิว!
จากนั้นนางก็คว้าข้อมือของชายหนุ่มคนนั้นได้อย่างง่ายดาย แล้วจับเขากดลงไปตรงที่ใดสักแห่งอย่างรุนแรง
ทันใดนั้นก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรงบริเวณข้อมือ ดาบของชายคนนั้นก็มาหยุดอยู่เหนือศีรษะของนาง
แววตาของซั่งกวนเยว่เย็นเฉียบ เพียงแค่หมุนร่าง ดาบนั้นก็เปลี่ยนทิศทางกลับไปตัดหัวของชายคนนั้นทันที!
เลือดอุ่นเหม็นคาวกระเด็นเปื้อนใบหน้าของนาง แต่นางกลับไม่แม้แต่กะพริบตา
ตึง!
นางปล่อยมือด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ชายคนนั้นที่ศีรษะผิดรูปแปลกประหลาดก็ล้มตึงลงกับพื้นทันที
ลมหนาวเย็นยะเยือกพัดวูบมาจากข้างหลัง
นางตวัดเอาคืนโดยไม่หันหลังกลับไป
ชายหนุ่มที่เคยคิดโจมตีเบิกตาโพลง ดาบของเขายังไม่ทันร่วงลงพื้น แต่เอาเขาก็ถูกฟันจนขาดสะบั้นเสียแล้ว!
ตึง!
รอยแผลเรียบกริบตรงช่วงเอวทำให้คนกลัวจนตัวสั่น
ซ่งเหลียนมองทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยความตกตะลึงและเต็มไปด้วยความสยดสยอง…
เกิดอะไรขึ้น
ช่วงเวลาพริบตาเดียว ฉู่หลิวเยว่ก็ฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองตายถึงสองคน!
“ฉู่…ฉู่หลิวเยว่! เจ้าบ้าไปแล้วหรือ!”
เพราะความหวาดกลัว น้ำเสียงของซ่งเหลียนจึงหวีดแหลมมากขึ้น
ซั่งกวนเยว่หันตัวกลับมามองไปยังชายหนุ่มที่เคยคิดสังหารนาง แล้วขมวดคิ้ว
นางไม่รู้จักสามคนนี้ อีกทั้งสามคนนี้ยังอ่อนแอเกินไป
อยากจะฆ่านางให้ตาย อย่างน้อยต้องส่งผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดมา แต่ทว่าตอนนี้…
ไม่สิ!
นางตายแล้วมิใช่หรือ
นางถูกเจียงอวี่เฉิงและซั่งกวนเยว่ร่วมมือกันทำร้ายที่ศาลบรรพชนราชวงศ์
แล้วตอนนี้…
ทันใดนั้นนางก็ก้มศีรษะมองมือของตนเองที่ถือดาบไว้อยู่
มือเรียวผอมบางคู่นี้ เพราะทำงานตรากตรำมาหลายปีจึงสัมผัสได้ถึงความหยาบกร้านไม่น้อยเลยทีเดียว
นี่ไม่ใช่มือของนาง!
เมื่อครู่นี้ชายคนนั้นตะโกนเรียกชื่อนางว่า…ฉู่หลิวเยว่!
แววตาของนางเปลี่ยนไปเฉียบพลัน จากนั้นนางจึงเชื่อมโยงปะติดปะต่อทั้งเรื่องก่อนหน้าและตอนนี้อย่างรวดเร็ว
“คุณหนูสามส่งพวกเจ้ามาฆ่าข้าอย่างนั้นหรือ”
ซ่งเหลียนคิดต่อสู้เพื่อหาโอกาสฆ่าฉู่หลิวเยว่ แต่การตายอย่างสยดสยองของสองคนก่อนหน้านี้ แม้เขาไม่ทราบนัดว่าผีอะไรเข้าสิงฉู่หลิวเยว่ แต่ตอนนี้เขาไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามวู่วาม
เมื่อความคิดเปลี่ยนผัน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปด้วย จากนั้นเขาก็คุกเข่าลงคร่ำครวญ
“ใช่ๆ! ทุกอย่างเป็นคำสั่งของคุณหนูสาม นางใช้ให้พวกเราฉวยโอกาสตอนท่านออกไปซื้อของลักพาตัวท่านไป นางบอกว่าขอแค่ให้ท่านหายสาบสูญไม่เห็นแม้แต่ศพ ก็จะให้เงินพวกเราหกร้อยตำลึง คุณหนูใหญ่ ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย ข้าก็แค่เลอะเลือนไปชั่ววูบเองขอรับ คุณหนูใหญ่!”
คุณหนูใหญ่หรือ
หลังจากได้ยินประโยคนี้ อยู่ๆ ซั่งกวนเยว่ก็รู้สึกปวดหัวจี๊ด ราวกับว่ามีบางสิ่งหมุนเวียนอย่างบ้าคลั่ง
ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้นางเซถอยหลังไปหนึ่งก้าว และใบหน้าของนางก็ซีดเผือดไม่มีสิ่งใดเปรียบ
ซ่งเหลียนมองนางแวบหนึ่ง ทันใดนั้นสายตาก็พลันเปลี่ยนเป็นดุร้าย
ถ้าไม่ทำก็ไม่ทำ พอได้ทำก็ทำถึงที่สุด ตอนนี้นี้แหละ!
“ตายซะ!”
ด้วยเสียงตะโกนลั่น และทันใดนั้น เขาก็ลุกขึ้นมาฆ่าซั่งกวนเยว่อย่างรวดเร็ว
พลังในร่างกายของเขาแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก!
…ที่แท้ เขาเลื่อนขั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สามแล้ว!
จากนั้น ในขณะที่เขากำลังกระโจนเข้ามาด้านหน้าซั่งกวนเยว่ แต่กลับมีดาบเล่มหนึ่งแทงทะลุไปที่หน้าอกของเขาเสียก่อน!
ซึ่งก็คือดาบเล่มนั้นที่อยู่ในมือของซั่งกวนเยว่!
ซ่งเหลียนก้มหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ
เป็นไปได้อย่างไร…ฉู่หลิวเยว่…แข็งแกร่งขึ้นถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน
เขาไม่มีวันรู้คำตอบนี้อีกแล้ว
ปัง!
คนสุดท้ายก็ถูกฆ่าตายจนได้!
ภายในผืนป่าอันเงียบสงัด
หากไม่ใช่เพราะสามศพที่กองบนพื้น ใครก็คิดไม่ถึงว่า เด็กสาวที่มีร่างกายอ่อนแอ กลับมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวเยี่ยงนี้!
ซั่งกวนเยว่ยืนพิงต้นไม้ รอจนกว่าความเจ็บปวดเจียนตายนั้นค่อยๆ หายไป นางจึงพบว่าตอนนี้ยังมีความทรงจำของคนอีกผู้หนึ่งอยู่ภายในหัวสมอง
หลังจากจัดการทุกอย่างแล้ว นางจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นและถอนหายใจออกมาเสียงแผ่วเบา
ที่แท้ นางก็กลับชาติมาเกิดใหม่ในร่างของเด็กสาวที่ชื่อว่าฉู่หลิวเยว่ผู้นี้นี่เอง
ฉู่หลิวเยว่ คือคุณหนูใหญ่ของตระกูลฉู่…หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้นเย่าเฉิน
ปากบอกว่าคือคุณหนูใหญ่ แต่กลับใช้ชีวิตเยี่ยงสาวใช้ก็มิปาน เพราะชีพจรแต่กำเนิดไม่สมบูรณ์ มิสามารถฝึกบำเพ็ญเพียรได้ จึงถูกตราหน้าว่าเป็นความน่าอับอายของตระกูลฉู่
มารดาของฉู่หลิวเยว่จากไปตั้งแต่นางยังเด็ก ฉู่หนิงหยวนผู้เป็นบิดาคือผู้คัดเลือกที่ดีที่สุดที่จะได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลฉู่คนต่อไป แต่ปีก่อนได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทำให้ตำแหน่งของตระกูลฉู่ก็ลดทอนลงไปด้วยเช่นกัน
ดังนั้น ไม่ยากที่จะจินตนาการว่าฉู่หลิวเยว่เจอคนรังแกมามากมายเท่าใด
คุณหนูสามคนนั้นที่ต้องการฆ่านางให้ตาย ก็เป็นบุตรสาวของฉู่เย่าท่านอาชายคนรองนามว่า…ฉู่เซียนหมิ่น
และเหตุผลที่นางต้องการฆ่าฉู่หลิวเยว่ให้ถึงตาย ก็เพราะฉู่หลิวเยว่มีสัญญาอภิเษก
สัญญาอภิเษกสมรสกับรัชทายาทองค์ปัจจุบันแห่งแคว้นเย่าเฉิน…สัญญาอภิเษกกับ…หรงจิ้น
อีกหนึ่งเดือนฉู่หลิวเยว่ก็จะมีอายุครบสิบสี่ปีบริบูรณ์ เมื่อถึงคราวนั้น พิธีหมั้นจะจัดขึ้นอย่างเป็นทางการในไม่ช้านี้!
อันที่จริง ไม่ใช่แค่ฉู่เซียนหมิ่นเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายคนที่แอบหมายมาดเอาชีวิตของนาง!
ซั่งกวนเยว่ลุกขึ้น มุมริมฝีปากอันขาวซีดของนางค่อยๆ เหยียดยกยิ้ม
ถ้านางจำไม่ผิดล่ะก็ แคว้นเย่าเฉินคือหนึ่งในแคว้นประเทศราชของราชวงศ์เทียนลิ่ง
สวรรค์ยังเมตตานาง!
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นางคือฉู่หลิวเยว่!
ความแค้นในอดีตชาติ ชาตินี้จะต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่า!
[1] ตำแหน่งตันเถียน ชื่อตำแหน่งบนร่างกายบริเวณท้องน้อยใต้สะดือสามนิ้ว โดยในลัทธิเต๋าได้กำหนดตำแหน่งตันเถียนในร่างกายไว้ 3 แห่ง ได้แก่ ตันเถียนบนอยู่บริเวณหว่างคิ้ว ตันเถียน กลางอยู่บริเวณใต้หัวใจ และตันเถียนล่างอยู่บริเวณใต้สะดือ