บทที่ 1 โชคชะตา

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 1

โชคชะตา

“โอ๊ย มันเจ็บมากๆเลย เอวข้า!”

บนถนนหลวงที่กว้างขวาง มีสาวงามผู้หนึ่งที่น้ำตาคลอเบ้าและทรุดตัวอย่างน่าสงสารอยู่ข้างๆรถม้า ด้านหลังของนางมีเด็กน้อยที่เหมือนกับตุ๊กตาหยกขาวอยู่ และใบหน้าของนางที่อ่อนเยาว์ดูค่อนข้างผิดธรรมชาตินัก

คิดว่าถ้าได้ลงจากเขามาพร้อมกับท่านแม่แล้ว จะได้กินเที่ยวสนุกสนานแต่ไม่นึกเลยว่าจะดันมาหลงทางไปเมืองหลวง และยังหารถม้าไม่ได้อีกต่างหาก แล้วยังต้องมาเจอกับพิษของแสงแดดระหว่างเดินทางอีก ซึ่งมันเป็นสิ่งที่แย่มากสำหรับท่านแม่ที่ขาวกว่าหิมะ แม้แต่เครื่องลายครามก็ยังต้องอาย

ด้วยความงดงามของสาวงามผู้นี้ทำให้เป็นที่ดึงดูดสายตาของผู้คนหมู่มากทันที และต่างก็พากันสงสารนาง แต่ทว่ารถม้าคันนั้นหาได้หยุดตามที่หลินซีเหยียนคิดไม่

“นี่ พวกเจ้าไม่คิดที่จะรับผิดชอบตอนบังคับรถม้าชนใครบ้างรึอย่างไร?” หลินซีเหยียนลุกขึ้นยืนแล้วจากนั้นก็เดินไล่ตามรถม้าและชูไม้ชูมือพูดต่อว่า “นี่พวกเจ้าชนข้าก็ควรที่จะรับผิดชอบกันบ้างสิ ไม่ต้องหาคนมารักษาเอวของข้าก็ได้ แต่ช่วยพาข้าไปส่งเมืองหลวงที”

แล้วผู้คนโดยรอบเมื่อได้ฟังต่างก็ผงกหัว เงื่อนไขที่สาวงามผู้นี้บอกฟังดูมีเหตุผล

แล้วรถม้าที่ชนเข้ากับหลินซีเหยียนก็ได้จอด จากนั้นก็ปรากฏชายในชุดสีดำดูลึกลับลงมาจากรถม้าแล้วพูดด้วยเสียงอันดัง “นี่เจ้ากล้าหยุดรถม้าขององค์ชายรัตติกาลอย่างนั้นรึ?”

เมื่อผู้คนได้ยินเข้า ต่างก็รีบก้มหัวให้อย่างเร็วไว เพราะไม่มีใครที่ไม่รู้จักเทพสงครามไร้พ่ายองค์ชายเย่ จึงไม่มีใครที่กล้าไปล่วงเกิน

“เป็นองค์ชายแล้วจะมาชนคนโดยไม่รับผิดชอบเช่นนี้ได้งั้นเหรอ?” หลินซีเหยียนพูดคล่องแคล่ว และคอยกะพริบตาส่งสัญญาณให้ลูกชายของนางหลินเทียนชื่อหลังจากที่พูดจบ

ซึ่งองค์ชายเย่นั้นนอกจากจะมีความสามารถแล้วยังหล่อเหลามากอีกต่างหาก หากใครได้พบกับองค์ชายเย่แล้วก็จะต้องหลงใหล แต่น่าเสียดายที่สวรรค์นั้นอิจฉาในความสามารถของเขา ในสงครามครั้งหนึ่งได้ทำให้รูปโฉมอันงดงามขององค์ชายเย่ได้ถูกทำลายไปและขาทั้งสองข้างของเขาก็ต้องพิการ แต่ต่อให้องค์ชายเย่นั้นตกต่ำลง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีใครที่ไปต่อล้อต่อเถียงเช่นนั้นได้ เกรงว่าหญิงสาวคนนั้นคงจะแย่แน่แล้ว

“ขอแม่นางอย่างได้มาก่อกวนไปมากกว่านี้แล้วรีบไปจากที่นี่โดยไว ไม่อย่างนั้นจะหาว่าข้าอันอี้คนนี้ไม่สุภาพไม่ได้” อันอี้คิ้วขมวดแล้วกล่าว

“ท่านลุง ท่านจะต้องพาข้าขึ้นรถไปด้วย แม่ของข้าเจ็บเอวอย่างมากและเดินไม่ได้ อีกอย่างรถม้านั้นปกติไม่ได้ค่อยวิ่งผ่านที่นี่ ถ้าพวกท่านไม่สนใจพวกเรา แล้วท่านแม่ของข้าตายขึ้นมาจะทำอย่างไรขอรับ?” แล้ววายร้ายตัวน้อยก็ได้กล่าวด้วยตาที่แดงและทำท่าเหมือนจะร้องไห้

หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่เทียนเอ๋อที่กำลังทำท่าสะอื้น ทำให้มุมปากของนางกระตุกขึ้นมา หน็อยเจ้าเด็กเวรบังอาจมาพูดแช่งนาง คอยดูนะหลังจากจบเรื่องนี้จะมาจัดการกับเขาทีหลัง

มองดูเด็กที่น่าสงสารที่ร้องไห้อยู่ตรงหน้าเขา ทำให้น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนลงมาแต่ท่าทีของเขายังคงขึงขังอยู่ “อาการบาดเจ็บขององค์ชายของเรากำเริบขึ้นมา จึงเป็นเหตุให้พวกเราต้องรีบกลับเมืองหลวงโดยด่วน ดังนั้นแม่นางได้โปรดหลีกทางให้พวกเราด้วย”

หลินซีเหยียนที่ได้ยินเข้าก็รู้สึกสนใจขึ้นมาในทันที “องค์ชายป่วยหนักเช่นนั้นเหรอ?”

ชายชุดดำก็ได้ผงกหัว “แม่นางได้โปรดหลีกทางโดยไวด้วย ไม่อย่างนั้นจะหาว่าข้าไม่สุภาพไม่ได้”

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ควรจะพาข้าไปด้วยมากกว่าเดิมอีก ข้าได้เรียนวิชาหมอมาบ้าง และข้าขอรับรองเลยว่าหากไม่มีข้า องค์ชายของพวกเจ้าคงจะได้หมดลมหายใจก่อนจะถึงเมืองหลวงเป็นแน่” หลินซีเหยียนมองไปที่ชายชุดดำด้วยสายที่จริงใจ

ลูกตาดำของชายคนนั้นเบิกกว้าง ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขานี้กล้าแช่งองค์ชายอย่างนั้นเหรอ เขาจึงได้รีบพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “ได้โปรดระวังคำพูดของเจ้าด้วย ไม่มีใครเลยที่สามารถรักษาอาการขององค์ชายได้ และข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายได้โปรดหลีกทางด้วย”

หลังจากที่พูดจบ อันอี้ก็ได้เอามือไปวางที่ดาบบนเอวของเขา ราวกับว่าหากหลินซีเหยียนนั้นยังกล้าขวางทางอีก เขาจะทำให้นางต้องเลือดสาด ณ ตรงนั้นเสีย

ในขณะที่ทั้งสองคนมีท่าทีไม่มีใครยอมใครอยู่นั้น ก็ได้มีการเคลื่อนไหวบางอย่างในรถม้า เขาจึงได้แอบถามข้างในอย่างเป็นกังวล “นายท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหมขอรับ?”

รออยู่พักหนึ่ง เมื่อไม่มีเสียงอันใดตอบกลับมาและไม่มีคำตอบจากองค์ชาย อันอี้ก็เข้าใจได้ทันทีว่าพิษขององค์ชายมาถึง 80% แล้วเมื่อใดที่องค์ชายโดนพิษเต็มที่ก็จะตาย จำเป็นต้องพาเขากลับเมืองหลวงโดยไว

“รีบออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าเจ้าโดยไม่ปรานี”

หลินซีเหยียนก็ได้ถอยออกมาและทำท่าทีเป็นกลัว แล้วในขณะที่อันอี้คิดว่าหลินซีเหยียนนั้นยอมแพ้แล้วนั้นเอง ด้วยความคล่องแคล่วของหลินซีเหยียนก็ได้รีบพุ่งผ่านเขาไปแล้วเข้าไปในรถม้าทันที

แต่อันอี้นั้นเก่งในเรื่องวิทยายุทธมาก เขาจึงได้ตอบสนองและรีบคว้าหลินซีเหยียน ซึ่งในขณะที่อันอี้กำลังจะคว้า หลินซีเหยียนนั้น หลินซีเหยียนหาได้ตกใจไม่และพูดบางอย่างที่ทำให้อันอี้รู้สึกลังเล

เสียงที่เหมือนกับกระดิ่งลมได้ดังก้องเข้ามาในหูของเขา “เข่าขวาของเจ้าได้รับบาดเจ็บ และจะมีอาการคันเป็นครั้งคราวกับมีอาการเจ็บปวดอย่างช่วยไม่ได้”

ไม่มีใครเลยที่รู้ถึงอาการแผลเก่าที่ขาขวาของเขามาก่อน แม้แต่หมอหลวงอวี้ที่เป็นหมอเทวดาในพระราชวังก็ยังไม่อาจวินิจฉัยได้ ในเวลานี้ต่อให้เขารีบเร่งเพียงใด ก็คงไม่อาจไปถึงเมืองหลวงได้ทันการแน่ บางที….บางทีถ้าเป็นผู้หญิงคนนี้แล้วอาจจะทำได้ก็ได้ อย่างไรก็ดีเขาก็จะต้องจับตาดูการเคลื่อนไหวของนางไว้ให้ดี จะต้องไม่ปล่อยให้ใครทำร้ายองค์ชายได้

หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่อันอี้ที่ตอนนี้ไม่ได้ห้ามนางอีกต่อไป นางเผยรอยยิ้มแห่งความสำเร็จออกมาที่มุมปากของนาง แต่ไม่นานนักรอยยิ้มนั้นก็ได้หายไป ราวกับมีใครมาหยิกแก้มของนาง

เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมา นางก็พบดวงตาสีดำที่กระหายเลือดคู่นั้น ดวงตาของเขานั้นดำราวกับเป็นหลุมที่ไม่มีก้นบ่อซึ่งทำให้ผู้คนต้องหวาดกลัว นอกจากนี้ชายที่อยู่ตรงหน้านางนี้มีผิวที่ไร้ที่ติและจมูกที่โด่งสูง ริมฝีปากที่บางซีด ดวงตาดุจหงส์ไฟ โดยเฉพาะหยาดน้ำตาที่หางตาของเขา ทั้งหมดคือสิ่งที่บ่งบอกถึงความงดงามของผู้ที่อยู่ตรงหน้านาง ถ้าไม่ใช่ว่าเขาเป็นมนุษย์แล้วก็คงจะเป็นเซียนที่มาจากสวรรค์ชั้นเก้า

องค์ชายเย่ก็รู้สึกได้ถึงดวงตาของผู้ที่อยู่ตรงหน้าเขา ก็ได้จับนางกดด้วยมือที่แข็งแกร่งของเขา ทำให้หลินซีเหยียนรู้สึกหายใจไม่ออกขึ้นมา

“เจ้ามีจุดประสงค์อะไรกันแน่?” องค์ชายเย่พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้งมากราวกับว่าพยายามฝืนอาการเจ็บปวดอยู่

หลินซีเหยียนก็ได้จ้องไปที่เขาด้วยสายตาที่เย็นชา นางนั้นเกลียดความรู้สึกการถูกควบคุมโชคชะตาของนางเป็นที่สุด มันทำให้นางอดไม่ได้ที่จะนึกถึงความไร้พลังของเจ้าของร่างที่ต้องถูกรังแกโดยผู้ชายสารเลวอย่างนายน้อยเฮอ นางจึงได้พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “เจ้ากำลังโดนพิษและไม่เพียงแค่ชนิดเดียว แต่เป็นการผสมกันของพิษที่ทำให้เจ้ารู้สึกหนาวๆร้อนๆและไม่สบายเนื้อสบายตัว”

องค์ชายเย่ก็ได้จ้องเขม็ง ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขานี้รู้อย่างมากก่อนที่จะจับชีพจรเขาเสียอีก เป็นไปได้ว่า…….

ในชั่วขณะที่เขากำลังตกใจอยู่นั้น ก็ได้มีแสงสีขาวลอยออกมาจากแขนเสื้อของหลินซีเหยียน แล้วองค์ชายเย่ก็ได้ถอยห่างออกจากหลินซีเหยียนเพื่อหลบแสงสีขาวที่พุ่งมาหาเขา แต่กลับโดนเข็มเงินในมือหลินซีเหยียนปักเข้าไปแทน องค์ชายเย่ที่ถูกฝังเข็มก็ไม่สามารถขยับได้ “แม่นาง เจ้าต้องการจะทำอะไรกันแน่?”

“ทำอะไรงั้นเหรอ? ก็เอาคืนท่านเมื่อสักครู่ยังไงล่ะ ตอนแรกข้าตั้งใจจะใช้พิษทำให้ท่านตาย แต่ข้าจะยกโทษให้เห็นแก่ใบหน้างดงามของท่าน” หลังจากที่พูดจบนางก็ได้หยิบเอาขวดเครื่องลายครามออกมาจากแขนเสื้อของนางแล้วเปิดออกมา ในชั่วขณะที่ขวดนั้นได้ถูกเปิดออก ในรถม้านั้นก็ได้เต็มไปด้วยกลิ่นของยาขึ้นมาทันที

องค์ชายเย่ก็ได้คิ้วขมวด “นี่มันยาเห็ดโลหิต?”

“องค์ชายเย่สายตาช่างแหลมคม ในเมื่อท่านรู้อยู่แล้วว่าสิ่งนี้คืออะไร เจ้าก็คงรู้ว่าเจ้าสิ่งนี้มันแพงมากแค่ไหน แต่ข้าจะไม่ให้ท่านได้รับฟรีๆหรอกนะ แต่เห็นแก่การรู้จักกันของพวกเรา ข้าจะลดราคาให้เป็นพิเศษ ขอแค่ท่านยอมตกลงจ่าย 1,000 ตำลึงทอง และข้าต้องการให้ท่านพาข้ากับลูกชายเข้าไปในเมืองหลวงด้วย แล้วข้าจะมอบมันให้แก่ท่าน” หลินซีเหยียนนั้นคาดหวังอย่างมาก ในความคิดของนางนั้นองค์ชายจะต้องร่ำรวยมากๆแน่ หากนางสามารถบีบคั้นเขาได้ นางก็จะได้อยู่อย่างสบายๆในอนาคตแล้ว