บทที่ 1 รักสลาย + บทที่ 2 เริ่มต้นชีวิตใหม่ Ink Stone_Romance
บทที่ 1 รักสลาย
“เมื่อครู่นี้ท่านว่าอย่างไรนะ พูดใหม่อีกครั้งได้หรือไม่” หนิงเมิ่งเหยาจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยดวงตาเบิกกว้าง เนื้อตัวสั่นเทิ้ม สายตาบ่งบอกถึงความแคลงใจ
หลิงหลัวมองหญิงสาวผู้แสดงท่าทีว่าไม่อยากเชื่อ ก่อนจะอ้าปากเพื่อเตรียมเอื้อนเอ่ย แต่ทว่าท้ายที่สุดแล้ว คำพูดต่างๆ กลับติดอยู่ตรงปลายลิ้น จนไม่อาจเปล่งเสียงใดๆ ออกมาได้
ผู้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มสะกิดเขาเบาๆ อย่างสุภาพนอบน้อม หลิงหลัวผงกศีรษะ ก่อนจะพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “เหยาเอ๋อร์ เจ้าก็รู้ถึงสถานการณ์ของข้าดี ว่าข้าจำเป็นต้องแต่งงานกับเซียวจื่อเซวียนเพื่อสืบทอดตำแหน่งทายาทของตระกูล นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า…ที่ว่า…”
หนิงเมิ่งเหยาหัวเราะทั้งน้ำตาขณะมองหลิงหลัวอึกอัก ก่อนจะพูดจบประโยคให้กับอีกฝ่ายแทนว่า “นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ท่านต้องการให้ข้าเป็นอนุภรรยาของท่านเช่นนั้นน่ะหรือ”
หลิงหลัวส่ายศีรษะปฏิเสธในทันที “ไม่…ไม่ใช่อนุภรรยาเสียหน่อย แต่เป็นผิงชี[1]ต่างหาก”
“ฮ่า ฮ่า ผิงชีรึ” ร่างของหญิงสาวซวนเซไปด้านหลัง ดวงตาจับจ้องอีกฝ่ายนิ่ง “ดูเหมือนว่าท่านจะยังรู้จักข้าไม่ดีพอนะ”
หนิงเมิ่งเหยาเป็นคนอย่างไรกัน นางจะเต็มใจแบ่งชายคนรักร่วมกับหญิงอื่น และยอมพัวพันกับคนอีกสองชีวิตเช่นนั้นน่ะหรือ
หญิงสาวกับหลิงหลัวเป็นคนรักกันในยุคปัจจุบัน ทั้งคู่กำลังจะแต่งงานกัน แต่กลับประสบอุบัติเหตุเสียก่อนจนทะลุมิติมายังยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคย ณ ที่แห่งนี้ เขาคือนายน้อยแห่งจวนขุนนางหลิงยุน ทำให้ได้รับการปรนนิบัติเลี้ยงดูอย่างดี แต่นางกลับเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง
หลังจากอุบัติเหตุครั้งนั้น ชายหนุ่มยังคงดีกับหญิงคนรักผู้นี้ โดยไม่สนใจตำแหน่งฐานะของตน หนิงเมิ่งเหยาจึงคิดว่าทุกอย่างจะเป็นเหมือนกับยุคสมัยที่พวกเขาจากมา ขอเพียงแค่ยังคงรักกันอยู่เช่นนี้
ทั้งสองใช้ชีวิตในยุคอันไม่คุ้นเคยนี้มาหกปีแล้ว โดยหญิงสาวยังคงเหมือนเดิม แต่ชายหนุ่มกลับเปลี่ยนไป เขาต้องการแต่งงานกับผู้หญิงอีกคนที่ไม่ใช่นาง เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจและตำแหน่งใหญ่โต
หนิงเมิ่งเหยาพลาดอะไรไปตั้งแต่เมื่อไรกัน
“เหยาเอ๋อร์ ฟังข้าก่อน ข้ารักเจ้านะ แต่ว่า…” หลิงหลัวเห็นว่าแววตาของหญิงสาวค่อยๆ เย็นชา จึงเดินเข้าไปจับมือนางอย่างกังวลและพยายามจะอธิบาย
“รักงั้นรึ คนที่ไม่สมควรจะพูดเรื่องความรักมากที่สุด ก็คือหลิงหลัว ท่านเองนั่นแหละ ท่านบอกรักข้า แต่จริงๆ แล้วท่านรักในอำนาจหน้าที่เหนือสิ่งอื่นใดต่างหากเล่า ท่านไม่รู้จักข้าดีพอด้วยซ้ำ ถึงกล้าขอให้ข้ายอมแบ่งปันชายคนรักกับหญิงอีกคน มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ข้าเองก็มีศักดิ์ศรีเช่นกัน” หนิงเมิ่งเหยาดึงมือกลับและเอ่ยอย่างเยือกเย็น
หลิงหลัวมองตามมือของหญิงสาวที่สะบัดหนี ร่างกายของเขาแข็งทื่อ “เหยาเอ๋อร์ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้เล่า ที่นี่มีภรรยาสาม อนุสี่เป็นเรื่องปกตินะ”
รูม่านตาของหนิงเมิ่งเหยาหดเล็กลงขณะจ้องมองชายหนุ่ม “การมีภรรยามากกว่าหนึ่งคนถือเป็นเรื่องปกติเช่นนั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นท่านจงใช้ชีวิตที่คิดว่าปกติต่อไปเถิด อย่ามาวุ่นวายกับข้าอีกเลย”
หลังจากเอ่ยวาจาเหล่านั้นออกมา หญิงสาวก็คิดว่าตนเองนั้นจะเข้มแข็งและไม่รู้สึกเศร้าเสียใจ แต่พอได้ยินถ้อยคำที่ตนเองเปล่งออกมาเสียงดังแล้วนั้น หัวใจของนางก็เจ็บปวดรวดร้าวจนหายใจติดขัด
หนิงเมิ่งเหยาผู้โชคร้ายไม่รู้เลยว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คนรักของตนกลายเป็นชายหนุ่มจอมยโสโอหังของยุคสมัยนี้ไป
“เหยาเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าจึงไม่เข้าใจข้าบ้างเลย ข้าทำเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราทั้งคู่นะ” หลิงหลัวมองเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวซึ่งดูเฉยชายิ่งกว่าเก่า ทำให้ตัวเขาเองเริ่มหงุดหงิด จนเริ่มตะคอกใส่อย่างมีโทสะ
ชั่วขณะนั้นเอง หนิงเมิ่งเหยาย่างเท้าก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะตบหน้าชายหนุ่มอย่างแรงสองที “ดีที่สุดสำหรับพวกเราอย่างนั้นรึ หลิงหลัว ท่านคิดถึงแต่ตัวเองเท่านั้นแหละ เพราะฉะนั้น นับตั้งแต่บัดนี้ เราไม่ใช่คนรักกันอีกต่อไป หากพบเจอกันอีกครา ก็จะเป็นเพียงคนแปลกหน้าต่อกันเท่านั้น”
หญิงสาวมองหลิงหลัวอย่างเย็นชาไร้ความรู้สึก โดยไม่มีวี่แววของความเสน่หาอีกต่อไป กระโปรงยาวทอจากผ้าฝ้ายสีขาวของนางสะบัดพริ้วกับสายลม ราวกับผีเสื้อโผบินมาเกาะบนผกามาศอย่างอ่อนโยน
ชายหนุ่มจับแก้มของตนขณะมองดูหนิงเมิ่งเหยาจากไป ไม่วิ่งตามหรือขอร้องให้อยู่ต่อ เขาไม่รู้เลยว่าการตัดสินใจปล่อยให้หญิงสาวจากไปในครั้งนี้ จะทำให้ทั้งคู่ห่างเหินกันตลอดกาล
หนิงเหมิงเหยาไม่รู้เลยว่าตนเองกลับถึงบ้านได้อย่างไร นางรู้สึกสิ้นหวัง ขณะมองลานบ้านขนาดเล็กแต่ตกแต่งอย่างประณีตของตน
หญิงสาวหัวเราะกับตัวเองเมื่อมองดูมัน พลางคิดว่าทุกครั้งที่ตนต้องการชายหนุ่ม เขาก็มักจะมาอยู่ข้างๆ เสมอ แต่ทว่าตอนนี้ความจริงอันโหดร้ายนั้นกำลังตบหน้านางเข้าอย่างจัง
…………………………………..
[1] ผิงชี 平妻 ตำแหน่งชายารองลำดับถัดไปในบ้านเดียวกัน สถานะต่ำกว่าชายาเอก ภายใต้สถานการณ์ที่สามีมีชายาเอกมากกว่าหนึ่งคน ผิงชีจะถือว่าเป็นชายาเอกเช่นเดียวกันกับชายาคนแรก มีฐานะตามกฎหมายและสังคมเทียบเท่ากัน พิธีการสู่ขอเจ้าสาวก็ใช้ระเบียบเหมือนกันกับการสู่ขอชายาเอก บุตรธิดาที่ให้กำเนิดโดยผิงชีจะมีฐานะเทียบเท่ากับบุตรธิดาของชายาคนแรก และมีสิทธิ์ในการเป็นซื่อจื่อ (ผู้สืบทอด) เท่ากัน
…………………………………..
บทที่ 2 เริ่มต้นชีวิตใหม่
หนิงเมิ่งเหยาพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อจะทำให้ตนเองนั้นคู่ควรกับชายหนุ่ม แต่สุดท้ายเขากลับเป็นฝ่ายปล่อยมือนางไปก่อน
หญิงสาวหลับตาลงช้าๆ เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ความรู้สึกหวั่นไหวต่างๆ ก็มลายสิ้น ทั้งยังมีความสงบเข้าแทนที่ จนแทบจะเป็นคนละคนกับผู้ที่เพิ่งใจสลายมาก่อนหน้านี้เลยก็ว่าได้
หนิงเมิ่งเหยาเดินเข้าไปในลานบ้านและค้นหากล่องใบหนึ่งซึ่งอยู่ใต้เตียงเก่าๆ ตรงกลางห้องนอนของตนเอง ก่อนจะหยิบจี้หยกสีเขียวใสที่มีตัวอักษรแกะสลักจารึกอยู่บนนั้น
หญิงสาวมองดูจี้หยกเม็ดนี้พร้อมยิ้มเยาะหยันให้กับตัวเองขณะวางมันคืนในกล่องเดิม ก่อนจะลั่นกุญแจเอาไว้
ข้างๆ ตู้ที่กล่องนั้นวางอยู่ มีกล่องอีกหนึ่งใบ หนิงเมิ่งเหยามองกล่องใบนั้นก่อนเอื้อมไปหยิบมันมาเปิด และพบว่ามีกระดาษปึกหนึ่งอยู่ภายใน หลังจากกวาดตาดูอย่างรวดเร็ว ก็ปิดมันลงโดยพลัน
หญิงสาวถือกล่องใบนั้นไปที่ร้านแลกเงิน พอนางเดินออกมา กล่องใบนั้นก็ได้หายไปแล้ว
หลังจากจัดการบางอย่างเสร็จสิ้น นางจึงมองดูถนนที่อึกทึกจอแจด้วยหัวใจที่ผ่อนคลายมากขึ้น
หนิงเมิ่งเหยาซื้อผักจากข้างถนนและกลับบ้านมาทำอาหาร เมื่อท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง นางก็นำน้ำมันที่เพิ่งซื้อมาราดตรงสี่มุมของตัวบ้าน ก่อนจะจุดไฟเผาสถานที่ที่ตนเองอยู่อาศัยมาตลอดหกปีในตอนกลางคืน
หญิงสาวมองดูเปลวเพลิงมอดไหม้ลานบ้านขนาดเล็กนั้น แล้วหมุนตัวจากไปในมือมีเพียงห่อผ้าเล็กๆ ห่อเดียวเท่านั้น
วันต่อมา หลิงหลัวพาบ่าวคนสนิทของตนมาหานางที่บ้าน ก่อนจะพบว่ามันถูกไฟไหม้จนเหลือแต่ซากไปแล้ว
ชายหนุ่มมองบ้านที่ถูกเผาตรงหน้าด้วยแววตาตื่นตระหนก “นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น”
บ่าวรับใช้ที่มาด้วยนั้นเดินวนรอบบ้านอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะกลับมายืนข้างๆ เขาอีกครั้ง “นายน้อยขอรับ ทุกมุมของบ้านหลังนี้ถูกราดด้วยน้ำมันขอรับ” นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวบ้านมอดไหม้ได้ขนาดนี้
ร่างกายของหลิงหลัวซวนเซไปด้านหลัง เมื่อรู้ว่าหญิงสาวตัดความสัมพันธ์ของพวกเขาขาดสะบั้นด้วยวิธีนี้ นางช่างเป็นคนที่ไร้ความปราณีดั่งเช่นที่เคยเป็นมาในอดีต
“นายน้อยขอรับ ท่าน…”
“ข้าไม่เป็นไร หมิงฟาง ทำไมนางถึงไม่ยอมเข้าใจข้าบ้าง” ท้ายประโยคชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง
เมื่อหมิงฟางเห็นท่าทีของหลิงหลัวแล้ว ก็ไม่รู้ว่าควรปลอบประโลมอย่างไร จึงเพียงพูดว่า “นายน้อยขอรับ ท่านน่าจะรู้จักแม่นางหนิงดีนะขอรับ”
ห้าปีก่อน นายน้อยทำดีกับหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง เขาเองก็ไม่รู้อะไรมากนักในตอนแรก แต่พอเวลาผ่านไป จึงรู้ว่าไม่ควรใช้ตำแหน่งหรือฐานะมาตัดสินนิสัยใจคอของหนิงเมิ่งเหยาได้ เพราะหญิงผู้นี้ช่างแตกต่างจากหญิงสาวคนอื่นๆ อย่างลิบลับ
มือของหลิงหลัวแข็งเกร็งไปเล็กน้อย ‘นั่นสินะ เขาควรเป็นคนที่รู้จักนางดียิ่งกว่าใครมิใช่หรือ หญิงสาวผู้นี้ยอมเสียเขาไปดีกว่าจะต้องมาเป็นผิงชี และตอนนี้นางก็เลือกที่จะยุติความสัมพันธ์กับเขาด้วยวิธีอันเด็ดเดี่ยว ทำให้ชีวิตของทั้งคู่ตัดขาดจากกันไปทั้งอย่างนี้’
ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งบนภูเขาอันห่างไกลจากตัวเมืองหลวงประมาณสามพันกว่าลี้ บริเวณเชิงเขาลูกนั้น มีกระท่อมไม้หลังหนึ่งที่ถูกล้อมรอบด้วยเถาวัลย์ยาวเฟื้อยและมีสวนผักต้นอ่อนสูงเท่านิ้วโป้งอยู่ตรงหน้ากระท่อม
ทันใดนั้น มีหญิงสาวคนหนึ่งเปิดประตูบานไม้ออกมาจากกระท่อมหลังนี้ นางสวมชุดยาวปักลายชมพูอ่อน พร้อมถือตะกร้าไม้ในมือ ทรวดทรงองเอวของนางนั้นช่างบอบบาง ทั้งยังใช้ปิ่นเก็บผมยาวสลวยไว้อย่างไม่เรียบร้อยนัก ทำให้เส้นผมบางส่วนด้านหลังยังคงหลุดลุ่ย หญิงสาวผู้นี้คือหนิงเมิ่งเหยาที่หายตัวไปจากเมืองหลวงนั่นเอง
ช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมานั้น หนิงเมิ่งเหยาเข้ามาในหมู่บ้านบนภูเขาแห่งนี้ โดยซื้อกระท่อมตรงเชิงเขาที่มีวิวอันงดงามหลังนี้เพื่ออยู่อาศัย
หลังจากเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่ในเวลาครึ่งเดือน จิตใจของหญิงสาวก็ค่อยๆ สงบลง เพราะนางได้ทำในสิ่งที่ตนเองอยากทำทุกๆ วัน เช่น ปลูกผัก ปักผ้าลายดอกไม้ หรือแม้แต่การเดินเล่นรอบๆ หมู่บ้าน ช่างเป็นชีวิตที่เรียบง่ายและสงบสุข
หนิงเมิ่งเหยาวางตะกร้าในมือลง แล้วหยิบถังไม้ใบหนึ่งไปยังลำธารใกล้ๆ เพื่อตักน้ำมารดสวนผักของตนจนทั่ว ก่อนจะเข้าครัวเพื่อเริ่มต้นเช้าวันใหม่
หลังจากทานข้าวเสร็จ หญิงสาวจึงหยิบสะดึงปักผ้าจากในบ้านออกมา นางเย็บงานชิ้นนี้เสร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง
หนิงเมิ่งเหยานั่งเย็บผ้าอยู่ในลานบ้านของตนได้ไม่นานนัก จู่ๆ ประตูบ้านก็ถูกผลักเปิดอออก ก่อนจะมีเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น