เล่มที่ 1 บทที่ 1 ข้ามมิติมาเป็นนางร้ายในนิยาย

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

ลมหนาวเย็นยะเยือกถึงกระดูกพัดผ่านเข้ามาทางบานหน้าต่างที่เปิดไว้ พัดมาตกกระทบบนใบหน้างามไร้ที่ติดุจหยกบนเตียง

เซี่ยยวี่หลัวที่หลับสบายมาตลอดขดตัวทีหนึ่ง ก่อนพลิกตัวด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย พร้อมบ่นพึมพำ “ลมมาจากไหนกัน”

ลม?

จู่ๆเซี่ยยวี่หลัวก็นึกขึ้นได้ ว่าเมื่อคืนตัวเองปิดหน้าต่างสนิทแล้ว ลมพัดเข้ามาไม่ได้!

ยิ่งไปกว่านั้น ลมยังเย็นถึงเพียงนี้ หนาวจนเย็นยะเยือกถึงกระดูก

ตอนนี้เป็นช่วงฤดูร้อน จะมีลมเย็นถึงเพียงนี้ได้อย่างไร

เซี่ยยวี่หลัวลืมตาอย่างฉับพลัน ดวงตาสีดำคู่โตดูมีชีวิตชีวาและสดใส นางกรอกตาวนไปมาหนึ่งรอบ

เมื่อสายตาคุ้นชินกับความมืด แม้ว่าภาพเบื้องหน้าจะดูพร่ามัว แต่ก็พอจะมองเห็นได้บ้าง

หลังคาเหนือศีรษะเป็นสีดำสนิท เซี่ยยวี่หลัวนิ่งอึ้งเล็กน้อย

หรือว่าเมื่อคืนนางอ่านหนังสือจนล้าเกินไป ใช้สายตามากเกินไปจนตาพร่ามัว?

เพดานห้องของนางควรจะเป็นสีชมพูอ่อน นางเป็นคนทาสีเอง ทั้งยังแขวนโคมไฟระย้าไว้เหนือศีรษะ นางเป็นคนเลือกเอง เมื่อลืมตาจะเห็นโคมไฟระย้าขาวบริสุทธิ์ดุจหยกและเพดานสีชมพู จะทำให้อารมณ์ดีเป็นพิเศษไปทั้งวัน

เซี่ยยวี่หลัวคิดว่าตัวเองนอนจนสับสนมึนงง จึงหลับตาอีกครั้ง สูดลมหายใจเข้าลึกสองครั้ง ก่อนลืมตาใหม่…

ภาพเบื้องหน้ายังคงเหมือนกับที่เห็นเมื่อครู่ไม่มีผิดเพี้ยน!

สภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นชินทำให้เซี่ยยวี่หลัวตกใจจนลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว

สวรรค์ นี่นางไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม

ทำไมหลับไปหนึ่งตื่น ถึงย้ายจากห้องตัวเองมาอยู่ในสถานที่บ้านี่ได้

ที่นี่มันที่ไหนกัน!

เมื่อออกจากผ้านวมแสนอบอุ่นก็รู้สึกหนาวจนตัวสั่น เซี่ยยวี่หลัวดึงผ้านวมมาห่มบนตัว สายตาสอดส่องมองไปรอบๆ จ้องมองสภาพแวดล้อมแปลกตาด้วยความรู้สึกตื่นตระหนก ภายในดวงตาสีดำแจ่มชัดเต็มไปด้วยความตื่นกลัวและตกใจ

ห้องนี้ไม่ใหญ่นัก เครื่องเรือนภายในก็เรียบง่าย

โต๊ะสี่เหลี่ยมหนึ่งตัว ตู้เสื้อผ้าหนึ่งตู้ โต๊ะตัวเล็กกับตู้เป็นแบบธรรมดาที่สุด ทำจากไม้ธรรมดา ไม่ได้ทาสีด้วยซ้ำ ส่วนผ้านวมที่ตนเองห่มอยู่ ด้านนอกเป็นผ้าฝ้ายสีฟ้าลายดอกไม้สีขาว นางยื่นมือไปลองบีบดู นั่นไม่ใช่ผ้านวมไหมอ่อนนุ่มเบาบางระบายอากาศได้ดีที่นางใช้ตามปกติ แต่เป็นผ้านวมฝ้ายแบบหนา

ภายในห้องไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าแม้แต่ชิ้นเดียว ไม่มีกระทั่งหลอดไฟธรรมดา บนโต๊ะมีเพียงตะเกียงน้ำมันหนึ่งอัน ในห้องเหมือนมีกลิ่นน้ำมันเผาไหม้ด้วย

เซี่ยยวี่หลัวตกใจจนเบิกตากว้าง ความคิดหนึ่งที่น่าสะพรึงกลัวพลันผุดขึ้นในใจ

ตัวเองนอนอยู่ในบ้าน โดนพวกค้ามนุษย์ลักพาตัวมาขายยังพื้นที่ห่างไกลที่ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง?

พอเซี่ยยวี่หลัวคิดว่าตัวเองโดนลักพาตัวมาขาย ก็ตกใจจนรู้สึกหนาวสะท้าน

หลังจากรู้สึกตื่นตกใจครู่หนึ่ง นางจึงสงบสติ รู้สึกว่าตัวเองคิดมากเกินไป

ห้องพักที่ตัวเองอาศัยอยู่เป็นห้องพักเดี่ยวระดับสูงที่ทางสถาบันเตรียมไว้ให้คณาจารย์ที่โดดเด่นโดยเฉพาะ หนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องโถง หนึ่งห้องครัว หนึ่งห้องน้ำ

ประตูทางเข้ามีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยปฏิบัติหน้าที่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง จะเข้าออกพื้นที่ต้องมีบัตรผ่าน ขึ้นลิฟต์ยังต้องยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมือ ประตูห้องของตัวเองมีระบบรักษาความปลอดภัยสองชั้นที่ต้องใช้ลายนิ้วมือกับกุญแจ พวกค้ามนุษย์แบบไหนกัน ที่จะสามารถผ่านระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา หลบเลี่ยงกล้องวงจรปิด ทั้งยังไม่ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรู้ตัว ลักพาตัวนางที่กำลังหลับสนิทออกจากห้องพักมาได้?

เซี่ยยวี่หลัวตรวจดูเครื่องเรือนต่างๆภายในห้องอีกครั้ง

ตู้เสื้อผ้า โต๊ะ ตะเกียงน้ำมัน ปลอกผ้านวมสีฟ้าลายดอกไม้สีขาว ผ้านวมฝ้าย การตกแต่งภายในห้องดูเก่าและโทรม นางรู้สึกเหมือนจะเคยเห็นมาก่อน

สมองครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว จู่ๆก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ นางหันขวับไปมองด้านหลังตัวเองอย่างฉับพลัน

บนเตียงมีโต๊ะเตี้ยหนึ่งตัว บนโต๊ะมีกระจกทองแดงหนึ่งอัน ด้านล่างกระจกมีกล่องเครื่องสำอางที่ดูราคาถูกวางอยู่จำนวนหนึ่ง ข้างกล่องมีกระดาษหนึ่งแผ่น

แปลกพิกล แต่กลับรู้สึกว่าทุกสิ่งช่างดูคุ้นตานัก

เซี่ยยวี่หลัวหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาด้วยอาการสั่นเทิ้ม หลังจากอ่านจบก็คอตกด้วยความรู้สึกห่อเหี่ยว

ในที่สุดนางก็รู้แล้วว่าตัวเองอยู่ที่ไหน

เมื่อวานเป็นวันหยุดของสถาบัน หลังจากนางทำการทดลองในห้องทดลองเสร็จจึงกลับห้องพัก ทำอาหารรสเลิศมื้อหนึ่ง อัพโหลดขึ้นบนเว็บเวยป๋อ สนทนากับแฟนคลับสักครู่ก็รู้สึกเบื่อ จึงหานิยายเล่มหนึ่งมาอ่าน

นิยายถูกแต่งอย่างส่งเดชไม่มีสาระ เซี่ยยวี่หลัวเพียงคิดว่าจะอ่านฆ่าเวลา แค่เพราะนางร้ายในเรื่องมีชื่อเหมือนตัวเอง จึงเปิดดูคร่าวๆ เมื่ออ่านถึงตอนที่นางร้ายตายอย่างอนาถ ก็เลิกอ่านแล้ว

ยังไม่ได้อ่านตอนจบด้วยซ้ำ ทว่า ใช้เส้นผมคิดยังรู้เลย ว่าเนื้อเรื่องหลังจากนั้น ตอนจบพระเอกและนางเอกต้องต่างฝ่ายต่างรักมั่น มีความสุขไปชั่วชีวิตแน่นอน

น่าสงสารที่นางร้ายผู้มีชื่อแซ่เหมือนนาง ต้องตายอย่างน่าเวทนา แต่ก็ถือว่าสมเหตุสมผล หญิงเนรคุณชั่วช้าเช่นนี้ สมควรจะโดนสวรรค์ลงทัณฑ์

ดีจริงๆ!

นางทะลุมิติมากลายเป็นนางร้ายในนิยายที่สมควรตายผู้นั้น!

เซี่ยยวี่หลัวเปิดดูกระดาษในมืออีกครั้ง ตัวหนังสือที่เขียนด้วยหมึกสีดำถูกขีดเขียนบนกระดาษสีขาว ลายมือหวัดแต่กลับดูทรงพลัง เขียนแรงจนหมึกทะลุถึงด้านหลังกระดาษ พอจะดูออกว่าขณะนั้นบุคคลที่เขียนจดหมายฉบับนี้ถูกเซี่ยยวี่หลัวทำให้โมโหถึงขีดสุด

ในหนังสือนิยาย ภายหลังเซียวยวี่ประสบความสำเร็จก็กลายเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิต เหลี่ยมจัดเลือดเย็น ดูจากตัวหนังสือเหล่านี้ ในภายภาคหน้าเขาต้องกลายเป็นคนแบบนั้นแน่นอน

จดหมายฉบับนี้ถูกเขียนจากด้านขวาไปด้านซ้าย ตัวอักษรสามตัวฝั่งขวาสุดช่างดูสะดุดตายิ่งนัก

หนัง สือ หย่า’

นี่น่าจะเป็นหนังสือหย่าตามที่เขียนไว้ในนิยาย นางร้ายร่ำไห้โวยวายทั้งคืน ในที่สุดก็ได้หนังสือหย่ามาจากพระเอก และยังเป็นหนังสือหย่าแบบมีเงื่อนไขด้วย

หากพระเอกสอบเป็นซิ่วไฉไม่ได้ หนังสือหย่าฉบับนี้ก็จะมีผล แต่หากสอบติด…

นี่คือเล่ห์เหลี่ยมของนางร้าย หากสอบติด ยังจะหย่าทำไมอีก ย่อมต้องเป็นฮูหยินซิ่วไฉต่อไป

หนังสือหย่าลงวันที่เป็นปีจิ่งเซวียนที่ห้าเดือนสอง หากเซี่ยยวี่หลัวจำไม่ผิด ปีที่พระเอกสอบติดซิ่วไฉจนชะตาพลิกผัน ความจริงเป็นปีจิ่งเซวียนที่หก

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ปีนี้พระเอกสอบเป็นซิ่วไฉไม่สำเร็จแน่นอน และหนังสือหย่าฉบับนี้ อีกไม่นานก็กำลังจะมีผลแล้ว

เซี่ยยวี่หลัวตื่นตกใจจนแทบจะแยกทิศเหนือใต้ออกตกไม่ได้

เรื่องราวในนิยาย นางเคยอ่านแล้ว และยังจดจำได้อย่างแม่นยำ ภายหลังนางร้ายแยกจากพระเอกก็เหมือนโดนคุณไสยอย่างไรอย่างนั้น พบพานแต่โชคร้าย ชะตาน่าอนาถเกินจะบรรยาย ผ่านไปไม่กี่ปีก็ชะตาขาด

หรือว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงไม่นานแล้ว?

นางไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนั้นโดยละเอียด เพียงเปิดอ่านแบบข้ามๆ แค่อ่านเรื่องราวของนางร้ายที่มีชื่อแซ่เหมือนตัวเอง ที่สุดท้ายก็ตายอย่างอนาถ

ดั่งคำกล่าวที่ว่า ผู้ที่ริอ่านเป็นปรปักษ์กับพระ-นาง ล้วนแล้วแต่มีชีวิตอยู่ไม่ถึงตอนจบ

หากเรื่องราวดำเนินไปตามที่เขียนไว้ในหนังสือ หนทางเดียวที่จะแก้ไขได้ก็คือ ห้ามล่วงเกินพระเอก ห้าม! เด็ด! ขาด!

แม้ไม่อาจได้ใจมาครอง ก็อย่าได้ทำร้ายกัน เมื่อมีสหายเพิ่มหนึ่งคน นั้นย่อมหมายถึงทางรอดที่มีเพิ่มขึ้น เมื่ออริคู่แค้นลดลงหนึ่งคน นั้นย่อมหมายถึงทางตันก็จะลดลงเช่นกัน หากไม่ล่วงเกินพระเอก ก็อาจรอดพ้นจากอันตรายได้

ข้อดีของการเป็นผู้มีสติปัญญาสูงคือ สามารถสงบจิตใจได้ในทุดที่ทุกสถานการณ์ ปรับตัวตามสภาพการณ์ที่เหลือเชื่อได้ทุกเมื่อ เซี่ยยวี่หลัวปรับสภาวะจิตใจตัวเองได้อย่างรวดเร็ว คิดวิธีแก้ไขออกแล้ว

ท้องฟ้าด้านนอกยังมีหมอกปกคลุม น้ำหมึกบนหนังสือหย่ายังไม่แห้งสนิทดี น่าจะเพิ่งเขียนเมื่อคืน เซี่ยยวี่หลัวรู้ว่า เช้าวันนี้พระเอกจะเข้าไปในตัวเมือง ต้องสอบจนถึงเดือนห้าจึงจะสามารถกลับมาได้

เมื่อวานโวยวายทั้งคืน คาดว่าพระเอกคงโมโหจนแทบคลั่ง หากตอนนี้ยังไม่โผล่หน้าไปทำตัวเป็นภรรยาผู้อ่อนโยนและรู้ความอีก เกรงว่าพระเอกกลับมาคงไล่ตนออกจากบ้านเป็นแน่

เซี่ยยวี่หลัวรีบลุกขึ้น เปิดตู้เสื้อผ้า

ภายในตู้มีเสื้อผ้าค่อนข้างเยอะ นางหยิบเสื้อนวมสองชั้นลายดอกไม้สีฟ้ามาสวม ไม่ทันรวบผมด้วยซ้ำ ก็สาวเท้าพุ่งออกไปทันที

สายลมหนาวเย็นโบกพัดเข้ามา เซี่ยยวี่หลัวหนาวจนตัวสั่น

นางวิ่งไปถึงหน้าห้องเซียวยวี่ เคาะประตู ไม่มีคนตอบ หลังจากผลักเปิดประตูห้องเข้าไป จึงเห็นว่าผ้านวมถูกพับไว้อย่างเป็นระเบียบ ดูท่าเขาคงไปแล้ว

ภายในห้องน้องชายน้องสาวของพระเอกก็ไม่มีคนอยู่เช่นกัน น่าจะไปส่งพี่ชายของพวกเขา

ตื่นสายเกินไป คนไปกันหมดแล้ว

เซี่ยยวี่หลัวร้อนใจจนกระทืบเท้า หรี่ตาทีหนึ่ง ยกกระโปรงขึ้น ก่อนสาวเท้าก้าวใหญ่วิ่งไปยังปากทางเข้าหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว

* ซิ่วไฉ คือผู้สอบผ่านบัณฑิตระดับท้องถิ่น (ตำบล/อำเภอ/จังหวัด)