ตอนที่ 1 วาสนาแห่งเซียน Ink Stone_Romance
“ท่านเซียน บุตรของข้าน้อยแซ่หลี่อยู่ที่นี่หมดแล้ว” หลี่หลินกล่าวกับชายหนุ่มที่กำลังนั่งอยู่อย่างนอบน้อม ลูกสาวห้าคน ลูกชายสามคนที่อยู่ด้านหลังของเขา มีนามว่าหลี่อิงลั่ว หลี่เยียนจือ หลี่โม่ลี่ หลี่อิงเถา หลี่หลิงหลง หลี่เจียงเทา หลี่เหลยถิง หลี่เหมิงหลง อายุนั้นแบ่งเป็นสิบสองปี สิบปี แปดปี เจ็ดปี ห้าปี สิบสามปี เก้าปี สามปี ตามลำดับและด้านหลังมีฮูหยินเว่ยของเขาและอนุภรรยาคนอื่นๆ
หวังหรงมองเด็กน้อยที่ยืนเรียงเป็นสองแถวไล่จากสูงมาเตี้ย จากนั้นจึงหยิบลูกแก้วโปร่งแสงดวงหนึ่งออกมา
“เมื่อหกปีก่อนเจ้าเคยช่วยชีวิตข้า ตัวข้านั้นได้ให้สัตย์สัญญาหากบรรดาบุตรของเจ้ามีชะตาแห่งเซียน ข้าจะพาเขาเข้าสู่วิถีแห่งเซียน เป็นการชำระผลกรรมระหว่างเจ้าและข้า พวกเจ้าทั้งแปดคนยกมือขึ้นมาแล้ววางลงตามลำดับ” ประโยคแรกเอ่ยกับหลี่หลิน ส่วนครึ่งหลังเอ่ยกับบรรดาเด็กน้อยที่อยากรู้อยากเห็น
“ขอรับ ขอบคุณท่านเซียนด้วย” หลี่หลินกล่าวอย่างนอบน้อม ปีนั้นตนได้ช่วยชีวิตเซียนผู้นี้ไว้ เซียนผู้นี้ได้ให้สัญญากับตนว่าหากบุตรสาวบุตรชายของตนมีชะตาแห่งเซียนก็จะนำพวกเขาเข้าสู่วิถีแห่งเซียน หกปีมานี้เขาพยายามอย่างมากที่จะมีบุตร หากแต่ว่าสามารถให้กำเนิดบุตรแต่มีแค่สองคนเท่านั้น ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะมีชะตาแห่งเซียน
ทั้งแปดคนลูบลูกแก้วโปร่งแสงนั่นทีละคนแต่ก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น หวังหรงเฝ้ามองอย่างสงบ มนุษย์ธรรมดาจะมีชะตาแห่งเซียนได้นั้นมีไม่ถึงหนึ่งในแสน
พันธะแห่งกรรมถือว่าถูกชำระแล้ว ตนจะได้กลับไปฝึกบำเพ็ญเพียรเสียที ตอนนั้นช่วงที่ตนกำลังบำเพ็ญเพียรให้แข็งแกร่ง เนื่องจากการเสาะหาดินแดนลับแห่งเล็กจึงทำให้ถูกไล่ฆ่าจนหนีไปยังโลกมนุษย์ และได้หลี่หลินช่วยไว้ได้ในฐานะจอมยุทธ์ที่บาดเจ็บ นี่ถือเป็นพันธะแห่งกรรมอย่างหนึ่ง ดังนั้นจึงได้แสดงตน วันนี้ดูแล้วพันธะแห่งกรรมครั้งนี้นับว่าสิ้นสุดกันเสียที
“เห็นเช่นนี้แล้วบรรดาบุตรของเจ้าคงหามีชะตาแห่งเซียนไม่ พันธะกรรมระหว่างเจ้ากับข้าเป็นอันสิ้นสุด” หวังหรงเอ่ยอย่างเยือกเย็น
หลี่หลินหลังจากได้ฟังก็เข้าใจว่าบุตรของตนล้วนไม่มีหวังแล้ว
หวังหรงเตรียมจะจากไป หากแต่พบว่าพันธะแห่งกรรมระหว่างตนและหลี่หลินยังไม่หมดสิ้น หวังหรงขมวดคิ้วและกล่าวกับหลี่หลินอย่างไม่พอใจ “เจ้ามีเจตนาใดกัน ก็เห็นอยู่ว่ามีบุตรสาวอีกหนึ่งคน เหตุใดจึงไม่นำนางออกมาด้วย”
หลี่หลินรู้สึกงงงวย ตนมีบุตรเพียงแปดคน บุตรสาวคนที่เก้ามากจากที่ใดกัน แต่สีหน้าฮูหยินเว่ยที่ยืนข้างๆกลับซีดเผือด
เมื่อเห็นว่าหลี่หลินไม่ได้มีท่าทางเสแสร้ง จากนั้นจึงมองไปยังภรรยาของเขา จึงเข้าใจได้ทันที
“หึ ข้าไม่สนใจการชิงดีของพวกมนุษย์ หลี่หลินเจ้าถามฮูหยินของเจ้าได้หรือไม่ว่านางอยู่ที่ใด”
“ฮูหยินเว่ย เจ้าบอกสิว่าบุตรสาวข้าผู้นั้นอยู่ที่ไหน?” เมื่อได้ยินหวังหรงกล่าว หลี่หลินก็กลับหลังหันไปมองฮูหยินของตนที่ยืนตัวสั่นเทิ้มใบหน้าซีดเผือด
ก็เข้าใจได้ในทันที ทั้งโกรธ ทั้งอับอาย
“เรียน…เรียนท่านพี่ ท่านเซียน ที่จริงท่านพี่ยังมีบุตรสาวอีกคนหนึ่ง ตอนนี้นางเป็นสาวใช้อยู่ในครัว นามว่าหลิวหลี” ฮูหยินเว่ยพูดเสียงสั่น
‘หลิวหลี’ หลี่หลินพึมพำ ในหัวเขายังนึกไม่ออกว่าเด็กสาวผู้นี้มาเป็นบุตรสาวตนได้อย่างไรกัน
“นางเป็นบุตรสาวของหลงซินเยว่อนุของท่าน” ฮูหยินเว่ยกัดฟันพูดต่อ
“เป็นบุตรสาวของเยว่เอ๋อร์ นางไม่ได้…”เมื่อนึกถึง หลี่หลินก็มีสีหน้าไม่สู้ดี เขาจำได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง เขาวางแผนที่จะรับเยว่เอ๋อร์ไว้เป็นภรรยาของตนอย่างถูกต้อง แต่ผลคือเยว่เอ๋อร์กลับเกิดภาวะคลอดบุตรยากและทำให้ทารกในครรภ์เสียชีวิตตามไปด้วย
“แค่ก ๆ” หวังหรงที่อดทนรอไม่ไหวไอกระแอมออกมาอย่างมีนัยยะ หลี่หลินเห็นท่าทีของหวังหรงก็รีบให้คนไปเรียกเด็กสาวที่ชื่อหลิวหลีมา
ไม่นานหลิวหลีก็มาถึง เป็นเด็กสาวตัวน้อยสวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบ ผมเผ้าถูกหวีอย่างเรียบร้อย หน้าตาเพิ่งล้างมา ดวงตาดูมีพลังเป็นพิเศษ เด็กสาวผู้นี้ทำความเคารพอย่างเก้ๆ กังๆ “คารวะนายท่าน นายหญิง นายน้อย คุณหนู และคุณชาย” หลิวหลียืนอยู่อย่างเงียบเชียบหลังจากโค้งคารวะเสร็จ แต่ภายในใจกลับรู้สึกว้าวุ่น นี่มันเรื่องใหญ่ระดับไหนกัน คิดไม่ถึงเลยว่านายท่านจะจำสาวใช้ต่ำต้อยอย่างนางได้ ไม่รู้ว่าหลังจากกลับไป แม่เหอทำกุ้งหยกเสร็จแล้วหรือยัง
“เจ้าคือหลิวหลีใช่หรือไม่” หลี่หลินเอ่ยถาม คงกลัวว่านางจะเสียมารยาท พอพ่อบ้านเห็นนางเข้า ก็จับนางไปล้างหน้าล้างตาก่อน ส่วนเสื้อผ้านั้นเปลี่ยนไม่ทัน
“เรียนนายท่าน ข้าน้อยคือหลิวหลี” หลิวหลีตอบอย่างนบน้อม
“เด็กดี มานี่เร็ว ให้ท่านเซียนดูหน่อย” หลี่หลินรู้ดีว่าไม่ใช่เวลาที่จะพูดเรื่องในอดีตอีก
“ท่านเซียนหรือ?” หลิวหลีถามอย่างสงสัย
“เจ้าชื่อหลิวหลีใช่หรือไม่ เด็กดี เจ้าวางฝ่ามือของเจ้าลงบนนี้ก็พอ” หวังหรงพยายามแสดงความเมตตาออกมาอย่างเปี่ยมล้น ไม่รู้เหตุใดตนถึงได้รู้สึกว่าเด็กคนนี้แตกต่าง นึกถึงคำทำนายของอาจารย์ หรือว่านี่จะเป็นสิ่งที่เขาจะเก็บเกี่ยวได้จากการเดินทางครั้งนี้
หลิวหลีมองที่หลี่หลิน หลังจากได้รับคำอนุญาตแล้วนางก็วางมือเล็กๆ ลงบนลูกแก้ววาวใสนั่น เพียงไม่นานก็มีแสงสีแดงสวยสดเปล่งประกายออกมาจากลูกแก้ว หวังหรงประหลาดใจจนพูดอะไรไม่ออก เด็กคนนี้คือผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศจำนวนหนึ่งในแสนคน
จากนั้นไม่นานประกายแสงสีแดงก็วาบหายไป หลี่หลินเอ่ยถามหวังหรงด้วยความประหลาดใจ “ท่านเซียน นี่มัน”
“ยินดีด้วยท่านหลี่ ลูกสาวเจ้าเป็นแกนวิญญาณอัคคี ส่วนคุณสมบัติของนางนั้นต้องกลับสำนักเพื่อทดสอบอย่างละเอียด ลูกแก้ววิเศษนี่ทำได้เพียงทดสอบว่ามีวิถีแห่งเซียนหรือไม่เท่านั้น” ในที่สุดรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของหวังหรง คิดว่าจะต้องมาเสียเที่ยว คิดไม่ถึงเลยผลจากการชำระหนี้กรรมจะเกินคาดเช่นนี้
“เช่นนั้นอย่ามัวรีรอ ข้าจะพาเจ้ากลับสำนัก” หวังหรงกล่าวอย่างดีใจ
“ช้าก่อนท่านเซียน” หลี่หลินปิติยินดีอย่างยิ่งแต่พอได้สติก็รีบตะโกนเรียก
“ยังมีเรื่องอันใดอีก” หวังหรงกล่าวพลางขมวดคิ้ว
“ท่านเซียน ตัวข้านั้นเพิ่งรู้ว่าหลิวหลีคือบุตรสาวของข้าและข้ายังไม่รู้จักนางดีนัก ทั้งยังต้องจัดการบางเรื่องให้เรียบร้อยเสียก่อน ข้าถึงจะมั่นใจ และปล่อยนางออกเดินทางไกล” หลี่หลินกล่าวตอบอย่างระมัดระวัง
ในคราแรกหวังหรงรู้สึกไม่พอใจนัก ผู้บำเพ็ญเพียรอย่างตนไม่ยี่หระกับเรื่องเหล่านี้ แต่พอมองไปที่เด็กสาวตัวน้อยที่กำลังงุนงงและดวงตาที่หลากหลายอารมณ์ของหลี่หลิน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่พอใจนัก…
“ก็ได้ อีกสามวันหลังจากนี้ ข้าจะพาหลิวหลีไป” พูดจบก็แปลงร่างเป็นฝนดาวตกหายตัวไป
“ขอบพระคุณท่านเซียน” หลี่หลินกล่าวอย่างซาบซึ้ง
……………………………………………..