ตอนที่ 1 องค์หญิงม่าย (1) / ตอนที่ 2 องค์หญิงม่าย (2)

เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา

ตอนที่ 1 องค์หญิงม่าย (1) 

 

 

“องค์หญิง เหตุใดท่านถึงคิดสั้นแบบนี้ คุณชายแห่งจวนท่านเสนาบดีหย่ากับท่าน ท่านไปขอความเป็นธรรมจากฝ่าบาทได้นี่ อย่างไรเสียฝ่าบาทไม่มีทางปล่อยให้ท่านต้องรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ แล้วไยท่านถึงทำแบบนี้ ฮือๆ ” 

 

 

… 

 

 

บนเตียงใหญ่ฉลุลวดลายงดงาม เฟิงหรูชิงนอนนิ่งเงียบ เสียงร้องกระซิกที่ข้างหูทำให้นางรู้สึกรำคาญ หว่างคิ้วขมวดเข้าหากันเบาๆ และอาจเป็นเพราะนางไม่ได้ดื่มน้ำมานาน เสียงจึงฟังดูแหบแห้ง 

 

 

“เงียบสักที ตกลงจะให้ข้านอนพักผ่อนไหม” 

 

 

สุ้มเสียงที่แม้จะแหบแห้งไปบ้าง แต่ยังคงไพเราะน่าฟังดังเช่นเสียงธารน้ำไหล ทำเอาเฟิงหรูชิงตกใจลุกขึ้นนั่งบนเตียงในทันที 

 

 

เส้นเสียงของนาง… 

 

 

เป็นไปได้อย่างไร ในปีนั้นเส้นเสียงของนางถูกพิษจนกลายเป็นใบ้ไปแล้วนี่ ชาตินี้ไม่มีทางจะกลับมาพูดได้อีกแล้ว 

 

 

แล้วทำไม…นางจึงเปล่งเสียงออกมาได้ 

 

 

เฟิงหรูชิงคลึงขมับที่ปวดตุบๆ ระหว่างที่นางยังไม่ทันตั้งสติได้ ที่ข้างเตียงแลไปเห็นสาวน้อยผู้หนึ่งยืนอยู่ด้วยทีท่าดีอกดีใจ 

 

 

สาวน้อยผู้นี้ใบหน้าสะสวย ผิวพรรณขาวผุดผ่อง ที่ขอบตารื้นด้วยน้ำตาซึ่งไม่ทันได้ปาดออก นัยน์ตาทั้งสองอันสดใสเต็มเปี่ยมไปด้วยความยินดี จ้องมองดูเฟิงหรูชิงที่ลืมตาขึ้นแล้วอย่างไม่กะพริบตา 

 

 

“องค์หญิง ท่านฟื้นแล้ว ฮือๆ ” 

 

 

องค์หญิง? 

 

 

คิ้วของเฟิงหรูชิงขมวดเป็นปม 

 

 

เดี๋ยวนะ! 

 

 

ถ้าจำไม่ผิด นางน่าจะอยู่ในสถานฟื้นฟูผู้ป่วยนี่ เหตุใดพอตื่นขึ้นแล้วจึงมาอยู่ที่นี่ได้ 

 

 

“เจ้าเป็นใครกัน” 

 

 

หลังจากนิ่งเงียบอยู่ชั่วอึดใจหนึ่ง เฟิงหรูชิงได้เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง 

 

 

สาวน้อยตาค้าง นางมองดูเฟิงหรูชิงด้วยท่าทีตกตะลึงจนลืมไปแล้วว่ากำลังร้องไห้อยู่ ใบหน้างดงามกลับซีดขาว แววตาเต็มไปด้วยความตกใจ 

 

 

“นี่ ท่าน…” 

 

 

ขณะที่เฟิงหรูชิงกำลังจะซักไซ้ต่อ ไม่มีใครรู้ว่าสาวน้อยผู้นั้นจะกลับหลังหันแล้ววิ่งออกประตูไปอย่างเร่งรีบ 

 

 

เฟิงหรูชิงเอื้อมมือหวังจะคว้าตัวนางเอาไว้ นิ้วมือที่ลากผ่านชายเสื้อ สายลมพัดพลิ้ว สาวน้อยผู้นั้นหายวับไปกับตา 

 

 

ความรู้สึกปวดจี๊ดที่ขมับกลับมาอีกครั้ง เฟิงหรูชิงกางนิ้วมือออก นวดคลึงที่ขมับของตนเบาๆ และในเสี้ยววินาทีนั้น เสียงดังฟับ ชุดความทรงจำจากสมองส่วนลึกก็พุ่งเป็นสาย ราวกับหัวจะระเบิดออก 

 

 

ชั่วขณะนั้น เป็นคราวที่เฟิงหรูชิงตกใจตาค้างบ้าง 

 

 

ทั้งๆ ที่หล่อนควรอยู่ในสถานฟื้นฟูผู้ป่วย แต่พอตื่นขึ้นมา หล่อนกลับมาอยู่ในทวีปชางเยว่แทนที่จะอยู่ที่หัวเซี่ย 

 

 

แถมยังกลายเป็นพระธิดาคนโตของฮ่องเต้แห่งแคว้นหลิวอวิ๋น มิหนำซ้ำยังเป็นหญิงม่ายที่ถูกสามีทิ้ง 

 

 

ใช่แล้ว แม้กายนี้คือองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ แต่กลับเป็นหญิงม่ายที่เพิ่งถูกหย่าไปไม่นาน 

 

 

เหตุผลไม่มีอะไรมาก เพราะองค์หญิงผู้นี้ได้รับความรักและการตามใจจากฮ่องเต้ แต่ไหนแต่ไรมาหาได้ยำเกรงสิ่งใดไม่ คิดจะทำอะไรก็ทำ นับแต่ได้พบกับหลิ่วอวี้เฉินคุณชายแห่งจวนเสนาบดีผู้มีวิชาเป็นเลิศเหนือบรรดาคู่แข่งในการประลองภูมิความรู้และวิทยายุทธจนเกิดเป็นรักแรกพบเมื่อหลายเดือนก่อน นางก็ตั้งสัตย์สาบานไว้ว่าจะไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้นถ้าไม่ใช่เขา 

 

 

ฮ่องเต้ตามใจพระธิดาองค์นี้เป็นที่สุด ราวกับว่าหากคว้าดาวและเดือนลงมาให้ได้ก็จะเอามาให้ 

 

 

ทุกสิ่งที่พระธิดาต้องการ มีหรือจะไม่สนองให้ 

 

 

จึงรีบมีพระราชโองการลงไป ให้หลิ่วอวี้เฉินแต่งงานกับองค์หญิง 

 

 

แต่หลิ่วอวี้เฉินกลับผูกสมัครรักใคร่กับถานซวงซวงบุตรสาวคนโตของตระกูลขุนนางไท่ฟู่ อยู่ก่อนแล้ว ด้วยเหตุที่ฮ่องเต้มีพระราชโองการจึงทำให้คู่รักคู่นี้ต้องแยกออกจากกัน 

 

 

เมื่อหลิ่วอวี้เฉินถูกบังคับให้ต้องแต่งงานกับองค์หญิงผู้มีชื่อเสียงฟอนเฟะผู้นั้น จะรู้สึกเต็มใจได้อย่างไร ด้วยเหตุนั้นหลายเดือนนับตั้งแต่แต่งงานกัน เขาไม่เคยกลับมาอยู่บ้าน ไม่ยอมมาพบหน้าเฟิงหรูชิงสักครั้ง นับประสาอะไรกับการอยู่ร่วมเรียงเคียงหมอน 

 

 

เดิมทีเป็นแบบนี้ ต่างฝ่ายต่างอยู่กันไม่มีปัญหาอะไร แต่ด้วยองค์หญิงมุทะลุเกินไป นางไม่เพียงตบตีถานซวงซวง แถมยังทำให้ฮูหยินของท่านเสนาบดีโมโหจนหน้ามืดเป็นลม หลิ่วอวี้เฉินรู้สึกโกรธจนไม่สนว่านางเป็นพระธิดาของฮ่องเต้ เขาร่างจดหมายหย่าเพื่อหย่าร้างกับองค์หญิงโดยทันที 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 2 องค์หญิงม่าย (2) 

 

 

องค์หญิงที่ยกหัวใจให้หลิ่วอวี้เฉินไปทั้งดวง มิอาจยอมรับความอับอายจากการถูกหย่าได้ จึงรีบเอาหัวพุ่งชนกำแพง จบชีวิตลงตรงนั้น 

 

 

… 

 

 

เฟิงหรูชิงเอ๋ยเฟิงหรูชิง เจ้าช่างโง่เสียจริง 

 

 

เฟิงหรูชิงใคร่ครวญภาพที่อยู่ในความทรงจำ นางถอนหายใจเบาๆ 

 

 

ในเมื่อเขาไม่รักเจ้า เหตุใดเจ้าต้องไปแยกคู่รักออกจากกันด้วย มิน่าล่ะเจ้าถึงต้องรับผลกรรมแบบนี้ 

 

 

สิ่งที่เฟิงหรูชิงเกลียดที่สุดคือพวกใช้อำนาจข่มเหงผู้อื่น แยกคนรักออกจากกัน แต่ใครจะรู้เล่าว่าวันหนึ่งหล่อนต้องกลายเป็นคนแบบนี้เสียเอง 

 

 

สำหรับองค์หญิงผู้นี้…ไม่รู้ด้วยความบังเอิญหรือเปล่าที่นางมีชื่อว่าเฟิงหรูชิงเหมือนกัน ก็ดีที่ไม่ต้องเปลี่ยนชื่อให้ยุ่งยากวุ่นวาย 

 

 

ก็แค่ไม่รู้ว่าร่างของเฟิงหรูชิงที่อยู่ที่หัวเซี่ยนั้นเป็นอย่างไรบ้าง 

 

 

ในเมื่อวิญญาณมาอยู่ที่ทวีปชางเยว่ นั่นหมายความว่า เฟิงหรูชิงที่อยู่ในหัวเซี่ยคงตายไปแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าน้องชายจะรับเรื่องราวนี้ได้หรือไม่ 

 

 

นัยน์ตาดูหม่นไปเล็กน้อย เฟิงหรูชิงเม้มปากไม่เอื้อนเอ่ยวาจา 

 

 

ที่หัวเซี่ย น้องชายเป็นญาติเพียงคนเดียวของเฟิงหรูชิง ตอนนั้น หลังจากนางถูกแม่บุญธรรมวางยาพิษจนกลายเป็นใบ้ น้องชายได้พานางออกจากบ้านหลังนั้นไปโดยไม่สนสิ่งใด ทั้งยังทำงานหาเงินอย่างสุดชีวิตเพื่อให้นางมีชีวิตที่สุขสบาย 

 

 

ภายหลังน้องชายทำได้สำเร็จ แต่สุขภาพของนางกลับแย่ลงทุกวัน จึงทำได้เพียงส่งตัวไปรักษาที่สถานฟื้นฟูผู้ป่วย ใครเลยจะรู้ว่าสุดท้ายนางจะทนต่อไปไม่ไหว… 

 

 

หลายปีที่ผ่านมา ข้ามีชีวิตที่แสนรันทด สวรรค์คงทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว จึงประทานชีวิตใหม่มาให้ข้า เพียงแต่ข้ายังไม่รู้ว่าองค์หญิงคนนี้หน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่ 

 

 

ผู้คนต่างว่าไว้ คนที่มีชีวิตอยู่อย่างบัดซบก็ยังมีหวังกว่าคนที่ตายไปแล้ว การทะลุมิติมาก็ยังดีกว่ากลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน 

 

 

โชคดีที่ในห้องมีคันฉ่องทองแดง นางเอื้อมมือหยิบมา แต่เมื่อแลเห็นเงาของคนที่อยู่ในคันฉ่อง เฟิงหรู-ชิงตกใจมือสั่น คันฉ่องร่วงหล่นลงบนตัวของนาง ใครพอบอกนางได้บ้างว่า เงาคนอ้วนที่อยู่ในคันฉ่องคือใครกัน เรือนร่างแสนงดงามแต่ก่อนของนางหายไปไหนแล้ว 

 

 

เฟิงหรูชิงอยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก ในที่สุดนางก็เข้าใจว่าเหตุใดหลิ่วอวี้เฉินถึงรังเกียจองค์หญิงเช่นนี้องค์หญิงผู้นี้ ไม่เพียงเป็นคนมุทะลุไร้เหตุผล ชื่อเสียงฟอนเฟะ ซ้ำร้ายยังอ้วนเหมือนหมูตอน ข้อดีเพียงข้อเดียวของนางคือ ผิวขาวราวกับเปล่งประกายออกมาเป็นแสงสว่างได้ น่าเสียดายที่แม้ความขาวจะเอาชนะข้อด้อยได้มากมาย แต่ความอ้วนกลับทำลายทุกสิ่ง! รูปร่างแบบนี้ ต่อให้นางผิวขาวแค่ไหนก็เอาชนะความน่าเกลียดไม่ได้! 

 

 

“ชิงเอ๋อร์” ในระหว่างที่สมองของเฟิงหรูชิงกำลังคิดหาวิธีลดความอ้วนอยู่นั้น เสียงแห่งความดีใจก็ดังเข้ามาจากด้านนอกประตู นางหันหน้าไปดูเห็นเป็นชายผู้หนึ่งในชุดมังกรสีเหลือง ก้าวเท้าเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ชายผู้นั้นรูปงามสง่า ใบหน้าคม คิ้วยาวเข้ม แววตาทั้งสองอ่อนโยนดุจสายน้ำ ราวกับแสงตะวันอันอบอุ่นที่สาดส่องเข้าไปในหัวใจของเฟิงหรูชิงในทันควัน 

 

 

“ชิงเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นไร ดีจริงๆ ที่เจ้าไม่เป็นไร ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าจริงๆ ข้า…จะมีหน้าไปพบแม่เจ้าที่ลาโลกนี้ไปแล้วได้อย่างไร” 

 

 

ชายชุดมังกรกุมมือเฟิงหรูชิงไว้แน่น เสียงของเขาสั่นเครือ 

 

 

เฟิงหรูชิงหันหน้าไปมองดูชายชุดมังกรตาไม่กะพริบ 

 

 

ชายคนนี้…คือเฟิงเทียนอวี้ ฮ่องเต้ผู้ให้กำเนิดกายนี้งั้นหรือ 

 

 

ถ้าไม่มีองค์หญิง ชายผู้นี้ก็นับว่าเป็นกษัตริย์ผู้ปรีชา แต่เขากลับรักและตามใจองค์หญิงจนไม่มีเขตไม่มีแดน ไม่แยกแยะถูกผิด 

 

 

“ฝ่าบาท หม่อมฉันเคยทูลแล้วเพคะ ว่าชิงเอ๋อร์ต้องไม่เป็นอะไร” 

 

 

เสียงที่นุ่มนวลน่าฟังดังลอยมาจากข้างๆ 

 

 

เมื่อได้ยินเสียงนี้ เฟิงหรูชิงจึงสังเกตเห็นหญิงผู้หนึ่งซึ่งอยู่ข้างกายของเฟิงเทียนอวี้ 

 

 

หญิงผู้นั้นสวมกระโปรงผ้าแพรโปร่งสีม่วงอ่อน ผมกลัดไว้ด้วยปิ่นหยก รูปพรรณสัณฐานดูงามสง่า หน้าตายิ้มแย้ม “ชิงเอ๋อร์ ต่อไปเจ้าห้ามทำตัวหุนหันพลันแล่นเช่นนี้อีกนะ แม่ รู้ว่าเจ้าฟื้นก็เลยสั่งคนไปทำขาหมูที่เจ้าชอบเตรียมไว้ อีกเดี๋ยวให้เขายกเข้ามา”