บทที่ 3 ความโกรธของหมอผี

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 3

ความโกรธของหมอผี

“ถึงแล้วขอรับองค์ชาย”

องค์ชายเย่ก็ได้ลืมตาขึ้นมา ซึ่งทำให้หลินซีเหยียนนั้นสายเกินไปที่จะถอนสายตากลับมา ทำให้ตาของทั้งคู่ประสานกัน แล้วหลินซีเหยียนก็ได้หลบสายตาไปก่อน

“ถึงแล้วล่ะ แม่นางหลิน” มองดูนางที่รีบถอยออกไป องค์ชายก็ได้ยกมุมปากของเขาขึ้นมา

“ว้าว ในที่สุดก็ถึงแล้ว” เจ้าลูกชิ้นตัวแสบที่ไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติของแม่ตัวเอง ก็ได้รีบลงจากรถม้าอย่างยินดี เขาพร้อมที่จะกินให้พุงกางแล้ว

หลินซีเหยียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ นางนั้นรับรองได้ว่านางไม่ได้เลี้ยงให้เขาอดอยากหรือว่าทำร้ายเจ้าเด็กแสบนี่เลยแม้แต่น้อย แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้เป็นคนตะกละเช่นนี้ หรือว่าวิธีการสอนของเราจะมีปัญหากันนะ?

ในขณะที่นางกำลังคิดเรื่องนี้อย่างจริงจัง องค์ชายก็ได้หยิบหน้ากากที่ทำจากหยกขาวขึ้นมาใส่ แล้วจากนั้นเขาก็ลงจากรถม้าภายใต้การช่วยเหลือของอันอี้ เขามองไปที่หลินซีเหยียนด้วยสายตาที่อ่อนโยนโดยที่นางไม่ได้สังเกต “แม่นางหลินลงจากรถม้าเถอะขอรับ!”

“หืม?” หลินซีเหยียนที่กำลังคิดถึงเรื่องของเทียนเอ๋ออยู่ นางก็ได้รู้สึกตัวแล้วก็ผงกหัวและลงจากรถม้าอย่างรวดเร็ว

มือที่บอบบางแต่ก็ทรงพลังก็ได้ยื่นมาหาหลินซีเหยียน ซึ่งทำให้นางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ และคิดว่าชายคนนี้ช่างเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดจริงๆ แม้แต่มือก็ยังดูดีเลย พระเจ้าช่างไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ

หลังจากที่ลงมาจากรถม้าหลินซีเหยียนก็พบเจ้าลูกชิ้นยืนอยู่ที่หน้าร้านเจวี๋ยเว่ยโหลว ซึ่งทำให้นางรู้สึกโล่งอก อย่างน้อยเจ้าเด็กตัวแสบนี่ก็ยังรู้ว่าเขาควรที่จะรอนางก่อน ค่อยรู้สึกคุ้มค่าแก่การเลี้ยงดูเขาหน่อย

“เจ้าเด็กตัวเหม็นนี่มาจากไหนกัน? รีบไปให้พ้นๆอย่ามายืนขวางหน้าร้าน” คนงานหน้าประตูของเจวี๋ยเว่ยโหลวก็ได้มองมาที่หลินเทียนชื่อด้วยสายตาที่ดูถูก

ดวงตาของเจ้าลูกชิ้นก็ได้เบิกกว้างด้วยความโกรธ เขาหลินเทียนชื่อนั้นตั้งแต่ตอนที่เขายังเด็ก ใครๆต่างก็รักใคร่เขาราวกับเป็นดอกไม้บาน แต่วันนี้เพิ่งเคยเจอคนที่พูดกับเขาเช่นนี้ทำให้เขาโมโหสุดๆ แล้วเขาก็ได้เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าที่ หลินซีเหยียนเย็บให้เขา ซึ่งเป็นของที่รู้กันว่าเป็นของที่ทำอย่างดีโดยหมอผี

ในขณะที่เขาได้ตัดสินใจที่จะทำให้คนเมื่อสักครู่ได้ลิ้มรสยาระเบิดท้องที่แม่ของเขาคิดค้นขึ้นมานั้น ก็ได้ยินเสียงแม่ดังขึ้นมาจากด้านหลัง เจ้าลูกชิ้นจึงได้รีบวิ่งเข้าไปหาองค์ชายเย่

“ท่านลุงเย่ขอรับ ชายคนนั้นเขาว่าข้าและบอกไม่ให้ข้าเข้าไปขอรับ เขาบอกว่าข้าเป็นเด็กตัวเหม็นด้วยไม่เคยมีใครว่าข้าแบบนี้มาก่อนเลยนะขอรับ”

หลินซีเหยียนมองดูเขาที่อยู่ในอ้อมแขนขององค์ชายเย่ ในเวลานี้องค์ชายเย่กำลังนั่งอยู่ที่รถเข็นพร้อมกับสวมหน้ากากหยกขาวและลูบหัวเจ้าลูกชิ้นอย่างอ่อนโยนราวกับเป็นพ่อของเขา

“บ้าน่า ถ้าข้าดูไม่ผิดนั่นคือองค์ชายเย่จริงๆเหรอ?” ผู้คนรอบๆต่างก็อดไม่ได้ที่จะหยุดดู ไม่ใช่ว่าองค์ชายเย่เป็นคนที่กระหายเลือดและชอบการฆ่าฟัน และไม่ชอบให้คนแปลกหน้าเข้าใกล้หรอกเหรอ? คนที่ดูใจดีเช่นนี้คือองค์ชายเย่จริงๆเหรอ?

เริ่มมีเสียงถกเถียงกันขึ้นมา “เจ้าเด็กคนนั้นก็ดูหน้าตาดีนะ หรือว่าจะเป็นลูกขององค์ชายกันนะ?”

หลินซีเหยียนก็ได้คิ้วขมวดแล้วอุ้มเจ้าลูกชิ้นออกจากมือขององค์ชายเย่ แล้วก็ทำสายตาเตือนเจ้าลูกชิ้น ก่อนที่เจ้าลูกชิ้นจะทำอะไรแผลงๆอีก ซึ่งในชั่วขณะนั้นนางเองก็ไม่ต้องการให้ลูกน้อยของนางไปยุ่งกับเรื่องวุ่นวายของราชวงศ์ด้วย

“องค์ชายเย่ ท่านบอกว่าท่านจะขอบคุณข้าที่ช่วยชีวิตของท่านเอาไว้ ดังนั้นท่านจึงได้เชิญพวกเราแม่ลูกมาทานอาหาร ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็รีบเข้าไปด้านในกันเถอะเจ้าค่ะ” หลินซีเหยียนพูดด้วยเสียงที่ไม่เบา เพื่อให้คนแถวนี้ได้ยิน

“ที่แท้ก็เป็นหมอนี่เอง ก็ว่าอยู่ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินว่าองค์ชายนั้นแต่งงานกับผู้หญิงคนใดและมีลูกแล้ว”

เมื่อองค์ชายเย่ได้ยินคำพูดที่ดูเหินห่างของหลินซีเหยียนแล้ว เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่านางนั้นไม่ต้องการที่จะสานสัมพันธ์กับเขาไปมากกว่านี้ อากาศโดยรอบลดต่ำลงทันที ทำให้เขาสงสัยว่าทำไมจู่ๆเขาถึงได้อารมณ์ไม่ดีขึ้นมานะ

แล้วคนที่ยืนดูอยู่ก็พลันรู้สึกได้ถึงรังสีฆ่าฟันและความเย็นยะเยือกที่บอกไม่ถูกออกมาจากองค์ชายเย่ และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “นี่แหละคือองค์ชายเย่ตัวจริงล่ะ!”

ในชั่วขณะที่องค์ชายเย่ได้ปล่อยรังสีฆ่าฟันออกมานั้น ทั้งสองคนที่คุยกันก็ได้รู้สึกหนาวสั่น แล้วองค์ชายเย่ก็ได้จ้องไปที่ทั้งสองคนนั้นด้วยสายตาที่เหน็บหนาว และพวกเขาเขาก็พลันได้กลิ่นไปของความตาย

“อันอี้” ด้วยเสียงที่นุ่มลึกขององค์ชายเย่ แต่ก็มีความน่าเกรงขามที่ไม่สามารถเมินเฉยได้ ความหนาวเย็นนี้ราวกับจะแช่แข็งได้ทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วทั้งสองคนนั้นก็ได้ถูกนำตัวไปทันทีที่อันอี้ได้โบกมือ

บรรยากาศที่ชั้นบนสุดนั้นเงียบสงบมาก และการตกแต่งก็ดูหรูหรา ซึ่งทำให้หลินซีเหยียนรู้สึกสนใจอาหารที่กำลังจะมา ในขณะที่หลินซีเหยียนกับลูกชายที่กำลังทานอาหารอยู่ชั้นบนอย่างมีความสุขอยู่นั้น ก็ได้มีบางคนที่อยู่ชั้นล่างรู้สึกลนลานเพราะนาง

“พี่เหวินจาง ดูเหมือนว่าข้าจะเจอกับหลินซีเหยียนที่หน้าร้านเมื่อสักครู่ล่ะ” หลินหัวเยว่พูดกับเฮอเหวินจางด้วยความรู้สึกกลัว และนางก็ได้เข้าไปในอ้อมกอดของเฮอเหวินจางขณะที่พูด

“เยว่เอ๋อ ใจเย็นๆก่อน นังโง่นั่นน่ะตายไปตั้งนานแล้ว ถ้านางยังไม่ตายจริงนางคงกลับมาตั้งนานแล้ว” เฮอเหวินจางพูดปลอบไปพลางและสูดกลิ่นที่สดชื่นของคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาไปพลาง

ถ้าหลินซีเหยียนอยู่ที่นี่ในเวลานี้ ดวงตาของนางคงเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟันแน่ เมื่อ 5 ปีก่อน สองชายหญิงสารเลวคู่นี้ได้สมรู้ร่วมคิดกันรังแกเจ้าของร่างนี้จนตาย

ทั้งสองคนนี้ คนหนึ่งคือลูกสาวคนโตของมหาเสนาบดีและเป็นพี่สาวของเจ้าของร่างนี้ ผู้หญิงคนนี้มีจิตใจเยี่ยงแมงป่องพิษ ต่อหน้านั้นนางดีกับเจ้าของร่างนี้มาก แต่เบื้องหลังนางกลับผลักหลินซีเหยียนลงในกองไฟ

ส่วนอีกคนเป็นบุตรของกว๋อกงจิ่งหยาง และเป็นคู่หมั้นของเจ้าของร่าง ซึ่งเจ้าของร่างนั้นก็รักเขาอย่างสุดขั้วหัวใจ ซึ่งนางก็ไม่อยากเชื่อจนกระทั่งนางตายและเป็นเขาที่มีส่วนร่วมในการสังหารนาง

เป็นเรื่องน่าขันนักที่หลินซีเหยียนที่เป็นหญิงที่ใจดีและซื่อตรงเมื่อก่อนกลับต้องพบกับจุดจบเช่นนั้น แต่ทว่าก็ได้มีดวงวิญญาณแปลกๆได้มาผูกติดกับร่างของนาง ดังนั้นนางจึงได้ตั้งเป้าว่าจะต้องล้างแค้นเจ้าคนสารเลวพวกนี้ให้ได้

เพื่อเป็นการปลอบประโลมวิญญาณของเจ้าของร่างนี้ เพื่อให้นางพ้นทุกข์และตายอย่างสงบสุข

จนกระทั่งท้องฟ้าได้มืดค่ำลง พวกเขาก็ได้เดินทางมาถึงพระราชวังรัตติกาล แล้วองค์ชายเย่ก็ได้ออกคำสั่งด้วยตัวเองให้พ่อบ้านจัดการทำความสะอาดห้องให้หลินซีเหยียนในตำหนักจุนโม่ ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าตำหนักจุนโม่นั้นคือที่อาศัยอยู่ขององค์ชายเย่ ซึ่งจะไม่เห็นข้ารับใช้สาวแม้แต่คนเดียว ทำให้ผู้คนต่างก็คาดเดาว่านางอาจจะเป็นนายหญิงในอนาคต

ซึ่งไม่นานนักเรื่องนี้ก็ได้แพร่สะพัดไปทั่วพระราชวังรัตติกาล และผู้คนต่างก็สงสัยว่าผู้หญิงที่องค์ชายพากลับมานั้นคือใครกัน

“องค์ชาย ข้าหวังว่าท่านจะช่วยเตรียมเงิน 4,000 ตำลึงทองให้โดยเร็วที่สุดด้วยเจ้าค่ะ” หลินซีเหยียนมองไปที่องค์ชายเย่และพูดโดยไม่อ้อมค้อม “อย่างไรเสียมันก็ไม่ค่อยสะดวกนักสำหรับข้ากับเทียนเอ๋อที่จะต้องมาอยู่ในพระราชวังนี้”

ดวงตาขององค์ชายเย่ก็ได้มืดมนขึ้นมาแล้วก็ผงกหัว “แม่นางหลินอย่าได้กังวลไป เปิ่นหวางไม่เคยติดหนี้ใครอย่างแน่นอน”

อันอี้ที่ยืนอยู่ข้างๆเจียงหวายเย่และคอยเข็นรถเข็นนั้นก็ได้พูดขึ้นมา “ถ้าแม่นางหลินจากไปแล้ว อาการขององค์ชายเย่กำเริบขึ้นมาจะทำอย่างไร?”

หลินซีเหยียนมองดูรอบๆดวงตาของเขา แล้วพบว่าพิษนั้นแม้จะรักษาให้หายได้ แต่คนที่สามารถวางยาองค์ชายเย่ได้ก็ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ นี่นางจะต้องมายุ่งกับเรื่องยุ่งยากแบบนี้จริงๆเหรอ?”

ในขณะที่หลินซีเหยียนกำลังลังเลอยู่นั้น ก็ได้มีเสียงที่ดังฟังชัดดังขึ้นมา แล้วก็ปรากฏคนในชุดสีเหลืองทองปรากฏขึ้นมาต่อหน้าทุกคน “เรื่องพิษขององค์ชายเย่นั้น ข้าจะจัดการเอง!”

หลังจากนั้นนางก็ได้จ้องมาที่หลินซีเหยียนที่มีรูปโฉมงดงามด้วยสายตาที่เป็นปรปักษ์ และหยาบคายราวกับว่านางเป็นนายหญิงของพระราชวังนี้ “อาการป่วยขององค์ชายนั้นละเอียดอ่อนมาก แม้แต่ข้าที่เป็นลูกศิษย์เอกของหมอเทวดาเฉินก็ยังทำได้แค่รักษาอาการเท่านั้น ดังนั้นอันอี้เจ้าไม่ควรไปเหนี่ยวรั้งแม่นางคนนี้หรอกนะ”