ตอนที่ 4 ความอับอาย
สีหน้าของจ้าวซวนพลันเปลี่ยนไป เขามองไปที่การ์ฟีลด์ด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
หมาป่าตาฟ้าที่ตกลงไปที่พื้นนั้นไม่ขยับตัวแล้ว พลังทั้งหมดของมันเหมือนจะหายไป หากไม่ใช่เพราะการ์ฟีลด์ไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด งั้นบางทีมันอาจจะตายไปแล้ว…
เมื่อเห็นหมาป่าตาฟ้ายังนอนนิ่งไม่ไหวติง จ้าวซวนก็ใจสั่น
หมาป่าตาฟ้าคือสัตว์อสูรที่ดีที่สุดของเขา !
“หวังเย่า ไอ้บัดซบ ! ” จ้าวซวนกัดฟันแน่นและตะโกนออกมา เขารีบวิ่งเข้าไปหาหมาป่าตาฟ้าด้วยความกังวล
“แกรนหาที่ตายสินะ แกคิดจะหักหน้าฉันใช่ไหม”
หวังเย่าไม่สนใจคำพูดของอีกฝ่าย แม้ว่าเขาจะทำให้จ้าวซวนไม่พอใจ แต่เขาก็ยังมีการ์ฟีลด์อยู่ แต่จู่ ๆ จ้าวซวนกลับยิ้มออกมาและพูดขึ้น “แกรู้ไหมว่าการที่ทำให้ฉันไม่พอใจแล้วมันจะเป็นยังไง ? ”
หวังเย่าเผยแววตาสับสนออกมา จ้าวซวนมันบ้ารึไง
จ้าวซวนกัดฟันแน่น ต่อมาเขาก็ได้บอกกับลูกน้องที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่นานเขาก็เอาถุงมิติออกมาแล้วมองไปที่หวังเย่า
เขาหัวเราะออกมา “แกหาเรื่องเองนะ ! ”
ตูม !
เมื่อสิ้นสุดเสียงก็มีร่างขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น จนทำให้ทั้งลานนั้นสั่นไหว
เมื่อเห็นร่างที่ปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจน หวังเย่าก็อดไม่ได้ที่จะกลั้นหายใจ
ด้านหน้ามีสัตว์อสูรเกล็ดสีฟ้าตัวใหญ่ยักษ์ที่ดูคล้ายกับกบกำลังนั่งยอง ๆ ห่างจากเขาไป 100 เมตร
ที่ว่าบอกว่ามันตัวใหญ่ยักษ์ก็เพราะว่ามันสูงเท่ากับอาคารสองชั้น ลำตัวของมันกว้างกว่าหกคนโอบ แม้ว่าจะมีเสือไฟมายืนอยู่ตรงหน้า แต่มันก็ดูไม่ต่างอะไรจากแมลงวัน…
แค่มันแลบลิ้นออกมาก็ดูไม่ต่างจากมังกรที่พุ่งเข้าใส่
หวังเย่าไม่สงสัยเลยว่าหากสู้กับกบยักษ์นี่แล้ว เขาจะต้องโดนมันกินแน่ ๆ
เขายังไม่ทันได้สติก็พบว่ามีชายคนหนึ่งปรากฏตัวบนหัวของกบยักษ์
นั่นคือจ้าวซวน
ทุกคนในลานไม่คิดเลยว่าจ้าวซวนที่พ่ายแพ้ไปแล้วจะไม่ยอมรับผลลัพธ์ เขาถึงกับยืมสัตว์อสูรเลเวล 10 ระดับเงินของคนอื่นมาสู้ต่อ
อีกฝ่ายเหมือนไม่มีความสุข และอยากจะเอาชนะสักครั้ง
จ้าวซวนพูดขึ้นมาอย่างภูมิใจ “แค่กบนี่ก็เพียงพอจะจัดการกับแกได้แล้ว”
สีหน้าของหวังเย่าเปลี่ยนไป เขาไม่คิดเลยว่าจ้าวซวนจะดื้อด้านแบบนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ไม่ได้ซะด้วย
หวังเย่าหันไปมองคนอื่น ๆ แล้วพูดขึ้นว่า “เมื่อแกคิดจะสู้ต่อ ก็ขอให้ทุกคนที่นี่เป็นพยาน หากแกแพ้ให้กับฉัน แกจะต้องไม่มาหาเรื่องฉันอีก”
กลับเป็นว่านั่นคือเป้าหมายของเขา
คนอื่น ๆ พากันแค่นเสียงออกมา “มันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริง ๆ กล้าไปหาเรื่องจ้าวซวน ไม่รู้จักที่ตายรึไง ? ”
บางคนไม่ได้มองจ้าวซวนกับหวังเย่าในระดับเดียวกัน สำหรับพวกเขาแล้ว หวังเย่าคือขยะ ส่วนจ้าวซวนคือหนุ่มหล่อจากตระกูลร่ำรวย
คนจนกับคนรวยสู้กัน ผลลัพธ์มันจะเป็นอะไรได้ ?
แต่ทุกคนที่นี่อยากจะรู้ว่าอะไรกันที่ทำให้หวังเย่ามั่นใจได้แบบนี้
หากหวังเย่าไม่มั่นใจ เขาก็คงไม่บอกให้ทุกคนเป็นพยาน
“หวังเย่าคงมั่นใจในตัวเองมาก ไม่งั้นเขาคงไม่กล้ามาท้าสู้แบบนี้”
จ้าวซวนเผยสายตาที่เย็นชาออกมาและหัวเราะเยาะ “ตกลง ยังไงซะ ขยะอย่างแก ฉันก็ไม่อยากลดตัวลงไปยุ่งด้วยอยู่แล้ว”
ได้ยินแบบนั้น หวังเย่าก็เผยสายตาเย็นเยียบออกมา
แต่เขาก็ยังคงนิ่งและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “ทุกคนที่นี่คงเห็นแล้วว่าจ้าวซวนพูดออกมาเอง หากเขาทำตามที่พูดไม่ได้ แล้วมันจะเป็นยังไงต่อ ? ”
แปลก….
วันนี้หวังเย่าไปกินอะไรมาถึงได้กล้าหาเรื่องจ้าวซวนแบบนี้ ?
สีหน้าของจ้าวซวนบิดเบี้ยวไป เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงถากถาง “ฉันสาบานว่า ถ้าฉันแพ้ให้กับแก ฉันจะไม่ไปหาเรื่องแกอีก หากฉันไปหาเรื่องแก ขอให้ทุกคนที่นี่เรียกฉันว่าขยะได้เลย ฉันจะไม่เอาเรื่องหรือด่ากลับ”
“โอ้…. ”
ทุกคนในห้องต่างก็พากันอุทานออกมา ถึงกับสาบานกันด้วย
ตอนนี้สีหน้าของจ้าวซวนเต็มไปด้วยความแค้นเคือง ต่อหน้าคนมากมาย แต่หวังเย่ากลับทำให้เขาอับอายถึงขนาดนี้ได้ แล้วเขาจะไม่โกรธได้ยังไง ?
เมื่อเห็นสายตาเหี้ยมโหดของอีกฝ่าย หวังเย่าก็ขมวดคิ้วขึ้นมา เจ้าหมอนี่ดูไม่เหมือนคนดีเลยสักนิด
สำหรับคนจริง หากไม่ชอบใครจริง ๆ ก็น่าจะลงมือไปนานแล้ว ไม่มัวมาพูดมากแบบนี้หรอกจริงไหม?
หรือเจ้าหมอนี่กลัวว่าจะเสียหน้างั้นหรือ ?
เมื่อคิดถึงจุดนี้ หวังเย่าก็ยิ้มออกมา…
“ในเมื่อเราตกลงกันแล้ว ก็ไม่ต้องพูดไร้สาระกันอีก” หวังเย่าพูดขึ้น
กบยักษ์นี่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสู้กับมันได้ แต่หวังเย่ากลับยังยืนนิ่งเฉยไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย
นี่เขามั่นใจว่าจะชนะได้จริง ๆ หรือ ?
จากนั้นกบยักษ์ก็มองมาที่หวังเย่า ก่อนจะเป่าลมใส่ ตอนนั้นเองเสื้อผ้าของหวังเย่าก็โบกสะบัดอย่างรุนแรง ราวกับจะฉีกขาดตอนไหนก็ได้
“เหอะ” จ้าวซวนแสดงสีหน้าเยาะเย้ยออกมา “ฉันเกือบจะคิดว่าแกแข็งแกร่ง แต่กลับกลายเป็นว่าหมาป่าตาฟ้าน่ะกินอิ่มเกินไป จนโดนแมวของแกจัดการซะอย่างนั้น”
เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนก็คิดว่าคำพูดนี้มีเหตุผล
บางคนพากันกระซิบออกมา “ดูเหมือนว่าจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ หมาป่าตาฟ้าน่ะได้กินแต่ของดี ๆ แต่ไม่ได้ออกกำลังมากนัก มันถึงได้โดนแมวบ้านจัดการได้ ดูเหมือนว่าจะเป็นแบบที่เขาบอกจริง ๆ ”
หากไม่ใช่เพราะระบบ บางทีหวังเย่าอาจจะเชื่อแบบนั้นไปด้วย
เมื่อคิดว่าหวังเย่าแค่โชคดี ทุกคนก็พากันแสดงสีหน้าตื่นเต้นออกมา ยังไงซะทุกคนก็อยากเห็นหวังเย่าโดนจ้าวซวนอัดอยู่ดี
จ้าวซวนเห็นว่าผู้คนรอบ ๆ มองหวังเย่าด้วยสีหน้าดูถูก เขาก็พอใจขึ้นมา เขาได้กระโดดกลับขึ้นไปบนหลังกบยักษ์ แล้วหัวเราะออกมา “อย่าหาว่าฉันรังแกแก ฉันกับเจ้ากบนี่จะยืนอยู่เฉย ๆ ให้แกลงมือก่อน 3 ครั้ง”
หวังเย่าไม่ได้โกรธ เขามองไปที่จ้าวซวนแล้วแสยะยิ้มออกมา ก่อนจะบอกกับการ์ฟีลด์ “การ์ฟีลด์ ไปสั่งสอนมันหน่อย”
การ์ฟีลด์พยักหน้าก่อนจะเปลี่ยนเป็นเงาพุ่งเข้าใส่กบยักษ์
ตูม !
อยู่ ๆ กบยักษ์ก็ร่วงลงไปที่พื้นพร้อมกับเลือดสีเขียวที่สาดกระจายออกมา ขณะที่ลานต่อสู้นั้นกลับสั่นไหวขึ้นมา
ก่อนที่จ้าวซวนจะเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็ร่วงลงมาจากหลังกบ หล่นกระแทกพื้นเสียงดังโครม !