ตอนที่ 123 มีชีวิตรอดเพราะโชคช่วย

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

มีอวี๋เยว่หานอยู่ เสี่ยวลิ่วลิ่วทุ่มเทจิตใจไปกับการวาดรูป เหนียนเสี่ยวมู่ไม่ได้พาเธอไปด้วย แต่ตามเหวินหย่าไต้ออกจากห้องทำงานประธานบริษัทไปคนเดียว 

 

 

“คุณเหนียนสวยมากเลยนะคะ ยิ่งได้มองคุณใกล้ๆ แบบนี้ แม้แต่ฉันเองก็ยังอิจฉาเลย” เหวินหย่าไต้เดินอยู่ในทางเดิน พูดกึ่งล้อเล้น 

 

 

วิธีการพูดที่เปิดเผย ทำให้คนลดความระแวดระวังลงได้ง่ายมาก 

 

 

หลังจากได้ยิน เหนียนเสี่ยวมู่ตะลึงเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือไปจับหน้าตัวเอง 

 

 

จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ “ผู้จัดการเหวินชมเกินไปแล้วค่ะ คุณก็สวยมากเหมือนกัน แถมฉันได้ยินว่าคุณเป็นผู้จัดการแผนกประชาสัมพันธ์ที่เก่งที่สุดของบริษัทตระกูลอวี๋ มีผลงานใหญ่มากมาย คุณชายหานยังชื่นชมความรับผิดชอบของคุณเลย” 

 

 

เธอไม่ได้พูดจายกย่อง แต่พูดตามความจริง 

 

 

เธอคิดมาตลอดว่า ในวงการธุรกิจ ผู้หญิงค่อนข้างอยู่ในตำแหน่งที่ด้อยกว่าผู้ชาย 

 

 

แต่เหวินหย่าไต้ทำให้เธอประหลาดใจอย่างมาก 

 

 

เธอมีท่าทางสง่างาม มั่นใจในตัวเอง และ สุขุม ความสามารถในการทำงานยิ่งยอดเยี่ยม 

 

 

ถึงแม้ไม่มีปูมหลังครอบครัวตระกูลเหวิน ตัวเหวินหย่าไต้เองก็เพียงพอจะทำให้ผู้ชายหลายคนตามขายขนมจีบ 

 

 

“คุณชายหานคิดว่าฉันเก่งที่ไหนกัน แต่เราโตมาด้วยกัน เขาเลยค่อนข้างเชื่อใจฉัน เลยเอาฉันมาทำงานหนักๆ เท่านั้นเอง” เหวินหย่าไต้ยิ้มอย่างอ่อนโยน ราวกับหวนรำลึกถึงช่วงเวลาที่ทั้งสองคนยังเป็นเด็ก 

 

 

จากนั้นเธอก็มองเหนียนเสี่ยวมู่ 

 

 

“จริงสิ ฉันได้ยินว่างานพยาบาลหนักมาก ความจริงคุณสวยขนาดนี้ มีงานตั้งหลายงานให้คุณเลือกได้ ทำไมต้องเป็นพยาบาละคะ” 

 

 

“…” เหนียนเสี่ยวมู่ตะลึงไปเล็กน้อย 

 

 

ในหัวของเธอปรากฏภาพใบหน้าเคร่งขรึม “ชีวิตของเธอฉันเก็บมาได้ เธออยากออกไปทำงานก็ได้ แต่อย่างน้อยต้องมีความสามารถในการดูแลตัวเอง” 

 

 

เพื่อบรรลุความต้องการนั้น เธอใช้เวลาช่วงหนึ่งไปเรียนความรู้พยาบาลเฉพาะทาง 

 

 

ต่อมาก็ได้ใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาโดยปริยาย โดยการไปเป็นพยาบาลรับจ้าง 

 

 

“เป็นพยาบาลก็ดีนะคะ ได้เห็นคนไข้ค่อยตัวเองค่อยๆ แข็งแรงขึ้น ทำให้เกิดความรู้สึกว่าประสบความสำเร็จมากเลย” เหนียนเสี่ยวมู่ดึงสติกลับมา ยิ้มพลางพูด 

 

 

“แล้วถ้าคนไข้อาการแย่ลงละคะ” เหวินหย่าไต้หยุดฝีเท้า 

 

 

ไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดีอย่างนั้น 

 

 

อยู่ในโรงพยาบาล น่าจะเห็นคนที่จากโลกนี้อย่างไม่คาดคิดมากมาย 

 

 

แค่เธอจินตนาการถึงภาพนั้น เธอก็รู้สึกไม่สบายใจแล้ว 

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่สายตาหม่นหมองลง ราวกับนึกอะไรขึ้นได้ รอยยิ้มที่มุมปากก็จางลงไปด้วย “เกิดแก่เจ็บตายเป็นกฎของธรรมชาติ ใครก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ มองคนอื่น ก็ได้เตือนตัวเองให้หวงแหนทุกอย่างที่มีอยู่ตอนนี้” 

 

 

บางครั้งมีชีวิตอยู่ก็เป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง 

 

 

“พูดแล้วก็ถูกค่ะ ได้คุยกับคุณสนุกมากเลย หวังว่าต่อไปจะมีโอกาสแบบนี้อีกนะคะ” หลังจากลงลิฟต์ เหวินหย่าไต้ก็เงยหน้ามองแผนกประชาสัมพันธ์ที่อยู่ข้างหน้า เอ่ยปากขึ้นมาทันที 

 

 

เพียงแค่ประโยคง่ายๆ แต่เหมือนแอบซ่อนความนัยอื่นไว้ด้วย 

 

 

“…” 

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่เพิ่งคิดจะพูดอะไรบางอย่าง อีกฝ่ายก็พูดขึ้นมาก่อน “พวกเรามาถึงแล้วค่ะ” 

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่มองตามสายตาเธอไป มีเพื่อร่วมงานไม่น้อยสังเกตเห็นพวกเธอแล้ว กำลังมองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น 

 

 

เธอไม่ได้พูดอะไรอีก แค่ก้าวไปข้างหน้าตามเหวินหย่าไต้ 

 

 

“ฉันยังมีงานอื่นอีก ให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นพาชมน่าจะไม่มีปัญหาใช่ไหมคะ” พอเหวินหย่าไต้เดินถึงหน้าประตูแผนกประชาสัมพันธ์ เธอก็หันหน้ามาถาม 

 

 

คำพูดแสดงความเกรงใจ แฝงด้วยความเป็นมิตร 

 

 

ตั้งแต่เหนียนเสี่ยวมู่เดินมาถึงหน้าประตูแผนก เธอก็ใจลอย จับจ้องอยู่ที่ป้ายตรงประตูของแผนกประชาสัมพันธ์ ในสายตาของเธอฉายแววสับสนออกมา 

 

 

เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูด เธอก็พยักหน้า “ได้ค่ะ” 

 

 

เหวินหย่าไต้สั่งเลขาให้พาเธอไป จากนั้นค่อยหมุนตัวเข้าห้องทำงานไป 

 

 

วินาทีต่อมา เซี่ยจิงจิงก็เดินตามเข้าไป แล้วปิดประตู 

 

 

“พี่หย่าไต้ ผู้หญิงคนนั้นมาได้ยังไง”