บทที่ 602 แหล่งแพร่เชื้อ โดย Ink Stone_Fantasy
ที่แท้มันก็ลำบากอยู่จริงๆ
หลิงม่อรีบกระเถิบเข้าไปดูใกล้ๆ เขาอาศัยแสงไฟฉายขมุกขมัวตรวจอาการของเสี่ยวป๋าย
ตอนนี้เสี่ยวป๋ายนอนฟุบอยู่กับพื้น แขนขากางออก พร้อมกับครางเสียงเบาๆ อย่างทรมาน
พอถูกแสงสว่างส่อง มันก็พยายามยกเปลือกตาขึ้นเหลือบมองหลิงม่อ จากนั้นปิดเปลือกตาลงอย่างอ่อนแรง
“เป็นอะไรไปกันแน่…”
หลิงม่อไม่เคยเห็นซอมบี้หรือสัตว์กลายพันธุ์มีอาการอย่างนี้มาก่อน ดูเหมือนมันกำลัง…ป่วย?
แต่มันเป็นไปได้หรอ! มีเชื้อไวรัสตัวไหนที่สู้เชื้อไวรัสซอมบี้ได้อีก?
ทว่าในฐานะที่เป็นถึง “นักฆ่ามือฉกาจ” ผู้ไม่เคยกลัวสิ่งใด เสี่ยวป๋ายไม่ได้เกลือกกลิ้งไปมาอย่างทรมาน แต่กำลังอดกลั้นอย่างสุดความสามารถ
“บนตัวมีแผล?”
หลิงม่อแหวกขนที่ทั้งหนาและยาวของมันออกเพื่อหาบาดแผล แต่กลับพบแค่แผลถลอกเล็กๆ ไม่กี่แผลเท่านั้น
แผลเล็กๆ อย่างนี้สำหรับเสี่ยวป๋ายไม่ระคายเคืองซักนิด ไม่ใช่เพราะแปลพวกนี้แน่ๆ
“อ้าปากให้ดูหน่อยซิ” หลิงม่อยื่นมือไปอ้าปากของเสี่ยวป๋าย
“แบ๊…”
พอเสี่ยวป๋ายอ้าปาก ปากของมันก็กว้างพอที่จะกลืนหัวหลิงม่อลงไปทั้งหัวเลยทีเดียว
หากเปลี่ยนคนอื่นมาเห็นปากกว้างๆ ที่อ้าอยู่ตรงหน้าอย่างนี้ เดาว่าคงจะตกใจจนล้มก้นจ้ำเบ้าไปแล้ว
แต่หลิงม่อในฐานะผู้ควบคุม เขาไม่สนใจเรื่องอย่างนี้เลยแม้แต่น้อย
ดังนั้นตอนที่ปากกว้างๆ ของเสี่ยวป๋ายปรากฏตรงหน้า หลิงม่อก็มุดหัวเข้าไปข้างในโดยไม่ระวังตัว ขณะเดียวกันก็ส่องไฟฉายเข้าไปด้วย
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ…
“ว๊ากกก!”
ทันใดนั้นหลิงม่อส่งเสียงร้องตกใจขึ้นมา พร้อมกับถอยกรูดออกมาด้วยหน้าถอดสี
“นั่นนั่นนั่น…”
เขาชี้ไปที่ปากกว้างๆ ของเสี่ยวป๋าย หลังกลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอไป เขาก็พูดแม้จะยังไม่หายช็อก “ในคอของเสี่ยวป๋าย…”
ไม่น่าแปลกที่หลิงม่อจะตื่นอกตกใจ สำหรับมนุษย์ที่ยังปกติดีทุกคนไม่ว่าใครก็ตาม ภาพที่เห็นนั้นน่ากลัวมากจริงๆ
เสี้ยววินาทีที่แสงไฟฉายส่องเข้าไป หลิงม่อเห็นมือข้างหนึ่งยื่นออกมาจากด้านในสุดของปากใหญ่ๆ นั่น!
แถมมือข้างนั้นยังกางนิ้วทั้งห้าออก เหมือนอยากจะคว้าอะไรไว้ก่อนที่จะลื่นลงไป…
จากมุมมองของหลิงม่อ มือข้างนั้นเหมือนมือที่ต้องการจะลากเขาลงนรกชัดๆ!
หลังตั้งสติ หลิงม่อจึงเพิ่งค้นพบว่าพวกเย่เลี่ยนกำลังมองตัวเองด้วยสีหน้างุนงงสุดขีด
โดยเฉพาะซย่าน่า หลังจากที่เธอชะโงกหน้าเข้าไปดู เธอก็ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ “ก็แค่อาหารติดตอเท่านั้นเองนี่…”
“อื้มๆ!” เย่เลี่ยนและหลี่ย่าหลินพยักหน้าพร้อมกัน
“…”
หลิงม่อพูดไม่ออก ทำไมกลายเป็นว่าเขาทำตัวโอเวอร์ไปซะได้ล่ะ?
“ฉันเคยบอกตั้งกี่หนแล้วว่าห้ามกินอาหารมั่วซั่ว! ถึงนี่จะเป็นซอมบี้ แต่อย่างไรก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างเป็นคน คิดถึงความรู้สึกของฉันบ้างสิ…”
หลิงม่อทำเป็นบ่นไม่พอใจ แต่ซย่าน่ากลับถลกแขนเสื้อขึ้น แล้วบอกว่า “เสี่ยวป๋าย อดทนแป๊ปหนึ่งนะ…เพื่อเจ้านายผู้โชคร้ายของแก”
“แอ๊…” เสี่ยวป๋ายครางตอบเบาๆ
“เธอจะทำอะไร?”
หลิงม่อเบิกตามองซย่าน่านั่งยองๆ ลงมา จากนั้นก็ยื่นแขนบอบบางเข้าไปในปากกว้างๆ ของเสี่ยวป๋าย
“อา จับได้แล้ว” ซย่าน่าพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยขึ้นมาประโยคหนึ่ง แต่จู่ๆ สีหน้าเธอก็แปลกไป “เอ๋…”
“เป็นอะไรไป?” หลิงม่อตระหนกขึ้นมาอีกครั้ง
“ไม่รู้เหมือนกัน…” ซย่าน่ารับคำลอยๆ แต่จู่ๆ เธอก็ดึงมือออกมาอย่างรวดเร็ว
มือข้างนั้นถูกซย่าน่ากระชากออกมา และสิ่งที่ถูกลากตามก็คือศีรษะล้านเลี่ยน และร่างกายของมนุษย์…
ตอนนี้หลิงม่อช็อกค้างไปแล้ว…
นั่นมันซอมบี้ที่ร่างกายยังครบถ้วนดีอยู่! แล้วก็…ตัวเล็กมาก!
เล็กจน…เหมือนเด็กทารกตัวน้อยๆ!
พูดให้ถูกก็คือ ซอมบี้ตัวนี้ตัวเล็กกว่าทารกทั่วไปมาก เหมือนแมวน้อยแรกเกิดอย่างไรอย่างนั้น
แต่มือข้างนั้นกลับไม่เข้ากับร่างกายของมันซักนิด มือของมันยาวกว่าตัวถึงครึ่งส่วน…
ทว่าขณะที่หลิงม่อกำลังจ้องมองด้วยความตกตะลึง จู่ๆ มือข้างนั้นที่ทำหลิงม่อตกใจเมื่อกี้ กลับยื่นมาคว้าข้อเท้าของเขา
“ว๊ากก!”
หลิงม่อตอบสนองตามสัญชาตญาณแทบจะในทันที เสี้ยววินาทีที่ถูกคว้าข้อเท้าเขายกเท้าขึ้นถีบออกไปตามจิตใต้สำนึก
“จี๊ด!”
ท่ามกลางเสียงร้องประหลาด ซอมบี้น้อยตัวนี้ลอยไปกระแทกกับผนังอย่างแรง หลังร่วงลงบนพื้นมันก็เอาแขนขาทั้งสี่แตะพื้นและจ้องหลิงม่อด้วยสายตาที่เหมือนหมาตัวเล็กๆ กำลังขู่ศัตรู
ถึงแม้รูปร่างจะไม่ต่างจากทารกนัก ทว่าดวงตาแดงเลือดคู่นั้นของมันไม่ได้สะท้อนแววตาไร้เดียงสาแต่อย่างใด กลับเป็นแววตาที่โหดเหี้ยม
ท่ามกลางกลุ่มคน เขาพุ่งเป้าไปที่หลิงม่อซึ่งเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวเหมือนที่คาดไว้
“ว้าว ตอบสนองเร็วจัง” หลี่ย่าหลินชม
“ไม่ได้กำลังดูละครอยู่นะ!” หลิงม่อพุดอย่างหงุดหงิด
“ว้าว ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ ด้วย!” ซย่าน่าพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น
คราวนี้หลิงม่อถึงกับคลั่งขึ้นมาทันที “เธอรู้ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วใช่ไหม?”
“ถ้าไม่ลากออกมาฉันก็ยืนยันไม่ได้นี่นา” ซย่าน่าพูดเหมือนไร้ความผิด
ท่าทางของซอมบี้ทารกตัวนี้เหมือนไม่อยากออกมาจากหลอดทางเดินอาหารของเสี่ยวป๋ายเลยแม้แต้น้อย มันจ้องหลิงม่ออย่างระแวดระวัง พลางกระโดดไปมาอยู่ที่เดิมด้วยความเร็ว
“มันคงไม่ได้มองฉันเป็นเหยื่อจริงๆ หรอกใช่ไหม…” หลิงม่อมุมปากกระตุก
“อย่าเข้าใจผิด ในสายตาของมันพี่เป็นแค่เนื้อก้อนใหญ่ๆ เท่านั้นแหละ” ซย่าน่าอธิบาย “มันไม่มีทางถอยเพราะพี่ตัวใหญ่กว่าอย่างแน่นอน ตรงกันข้าม มันกลับยิ่งตื่นเต้นเพราะเหตุนี้”
“…ขอบคุณสำหรับคำอธิบายของเธอนะ หึหึ ฉันรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย…”
หลิงม่อเองก็คอยระวังซอมบี้ทารกตัวนี้อย่างระมัดนะวัง ขณะเดียวกันก็บอกว่า “ดูเหมือนแหล่งแพร่เชื้อนั่นจะมีเป้าหมายครอบคลุมดีจริงๆ นะ แม้แต่ซอมบี้แรกเกิดก็ไม่เว้น”
“พูดอะไรของพี่น่ะ…” ซย่าน่าหัวเราะคิกคัก “ก็นี่แหละแหล่งแพร่เชื้อ”
“อะไรนะ?” หลิงม่อตะลึงค้าง
ไอ้ตัวเล็กนี่…คือแหล่งแพร่เชื้อ?!
ซย่าน่าแบมือของตัวเองให้เขาดู หลิงม่อจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่า ในฝ่ามืของเธอมีอะไรบางอย่างอยู่
ของสีขาว ที่เหมือนหลอดดูด…
“ฉันดึงออกมาจากตัวของมัน” ซย่าน่าหัวเราะ
หลิงม่อหันไปพิจารณาซอมบี้ทารกตัวนั้นอ่างละเอียดอีกครั้ง แต่กลับไม่พบจุดที่น่าสงสัยว่าจะเป็นบาดแผล
“เมื่อกี้มันคิดจะกัดฉัน” ซย่าน่าพูดต่อ
หลิงม่อกระจ่างขึ้นมาทันใด เมื่อซอมบี้ทารกตัวนี้อ้าปากร้องขึ้นมาครั้ง เขาก็เห็นหลอดดูดคล้ายกันที่เหลือเพียงครึ่งเดียวจริงๆ
ถ้าอย่างนั้น บางทีอาจไม่ใช่เสี่ยวป๋ายที่เป็นฝ่ายกลืนมัน?
ยังไม่ต้องไปสนว่าเหตุการณ์เมื่อกี้เกิดขึ้นได้อย่างไร…เรื่องที่หลิงม่ออยากรู้ที่สุดในตอนนี้คือ เสี่ยวป๋าย…ติดเชื้อหรือยัง?
“จี๊ด จี๊ดด!”
เสี้ยววินาทีที่สายตาของหลิงม่อเบนออกไป ซอมบี้ทารกฉวยโอกาสนี้กระโจนตัวลอย
มือใหญ่คู่นั้นของมันค่อนข้างแข็งแรง แค่ยันพื้นเต็มแรง ก็ทำให้มันกระโดดสูงได้ถึงสองเมตรเลยทีเดียว มันกระโจนเข้ามาใส่หลิงม่อตรงๆ
ดูจากการโจมตีครั้งนี้ของมันหลิงม่อก็เข้าใจ ที่แท้วิธีการแพร่เชื้อของสัตว์ประหลาดตัวนี้ หรือวิธีการกินอาหาร ก็คือขย้ำหน้า…
แต่หน้าของเสี่ยวป๋ายใหญ่เกินไป ปากก็กว้างมาก ดังนั้นพอมันอ้าปากก็เลยงับเจ้าสิ่งนี้เข้าไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“คิดว่าฉันอ่อนแอจริงๆ หรอ”
หลิงม่อถูกเจ้าสิ่งนี้ทำให้ตกใจติดๆ กันถึงสองครั้ง คราวนี้เขาโกรธแล้วจริงๆ
ถึงแม้พลังจิตของเขาจะถูกสกัดกั้นเอาไว้ แต่เขาได้พิสูจน์แล้วว่าหนวดสัมผัสของเขายังคงมีประสิทธิภาพหนึ่งในสิบไว้ได้อยู่…
ซอมบี้ทารกเคลื่อนไหวเร็วมาก แต่จุดอ่อนของมันก็เด่นชัดมากเช่นกัน
ในขณะที่มันกำลังกระโจนตัวลอยเข้าใส่หลิงม่อ ทันใดนั้นมันถูกหนวดสัมผัสทางจิตเส้นหนึ่งขวางไว้กลางทาง
“จี๊ด!”
ซอมบี้ทารกที่น้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐานถูกดีดตัวลอยออกไป ขณะเดียวกับที่กำลังร่วง ก็มีหนวดสัมผัสอีกเส้นรอดีดมันอยู่ข้างหลัง…
หลังทำอย่างนี้ซ้ำๆ อยู่หนึ่งนาที ในที่สุดซอมบี้ทารกที่หน้ามืดตาลายตัวนี้ก็ร่วงลงบนพื้นดัง “พลั่ก” จากนั้นก็ถูกซย่าน่ากระชากขึ้นมา
ยัยจอมแก่นเขย่าร่างซอมบี้ทารกไปมา จากนั้นก็บอกว่า “มันสลบไปแล้ว”
ถูกดีดกลับไปมากลับมานับครั้งไม่ถ้วน ซ้ำยังถูกโจมตีด้วยพลังจิตปริมาณน้อยผสมด้วย ไม่สลบก็แปลกแล้วล่ะ
“อืม ยังไม่ต้องจัดการมันตอนนี้ แต่ระวังหน่อยแล้วกัน” หลิงม่อบอก
ซอมบี้ทารกเหมือนเด็กน้อยแรกเกิดไม่มีผิด แต่กลับไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเด็กทารกมนุษย์เลยแม้แต่น้อย
ตัวเล็กๆ แค่ตัวเดียว ก็มีพลังสังหารเทียบเท่ากับเด็กหมีหนึ่งร้อยคนแล้ว
“อืม” ซย่าน่าพนักหน้า เธอยกซอมบี้ทารกขึ้นพิจารณาดูอย่างอยากรู้อยากเห็น ปรากฏว่าถึงแม้จะอยู่ในอาการมึนๆ แต่เจ้าสัตว์ประหลาดตัวน้อยก็ยังไม่ลืมที่จะแยกเขี้ยวขู่ ซย่าน่าเห็นแล้วหัวเราะชอบใจยกใหญ่
หลิงม่อหันไปดูเสี่ยวป๋าย เจ้าหมีแพนด้ากลายพันธุ์ตัวนี้ถูกช่วยชีวิตเอาไว้ได้ แต่ก็ยังคงลู่หัวลงอย่างไร้ชีวิตชีวาเหมือนเดิม แต่มันเริ่มพยายามลุกขึ้นแล้ว
“ทำไงดี เป็นไปได้มากว่ามันอาจติดเชื้อแล้ว” หลิงม่อพูดขึ้นอย่างกังวล
หลี่ย่าหลินกระเถิบเข้ามาดมฟุดฟิด แล้วบอกว่า “ปริมาณไม่มากนะ ไม่อย่างนั้นตอนนี้มันคงประคองสติไม่ได้ไปแล้ว”
“ยังไงนะ?” หลิงม่อถาม
เย่เลี่ยนมองซ้ายมองขวา แล้วพูดแทรกขึ้น “พี่…พี่ดู…”
หลิงม่อมองผ่านมุมมองสายตาของเธอรอบหนึ่ง และหลังจากอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กระจ่างขึ้นมา “ใช่จริงด้วย!”
—————————————————————————–