บทที่ 4 รอดพ้นจากอันตราย

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

บทที่ 4 รอดพ้นจากอันตราย

สิบนาทีให้หลัง เฉินเฉียงได้ลอบไปทางเนินเขาทางทิศใต้ที่อยู่ห่างเกือบสองไมล์ได้สำเร็จ เมื่อไปถึง เขาหันไปมองยังจุดที่กัปตันฉีอยู่

กัปตันฉีและคนอื่นๆเมื่อเห็นดังนั้นก็ได้รีบดำเนินการตามแผนในทันที

ในดงไม้นั้น กระต่ายสายฟ้ากำลังนอนกรนหลับอยู่ภายใต้ต้นกลิ่นม่วง แม้ว่ามันจะอยู่ห่างจากเฉินเฉียงอยู่สองไมล์ แต่เขานั้นก็ยังรับรู้ได้ถึงลมหายใจของมันยามมันกรนออกมา

กัปตันฉีได้พูดกับเขาไว้ก่อนหน้านี้ว่าในด้านสายเลือดแล้ว กระต่ายสายฟ้านั้นถือได้ว่ามีพลังป้องกันที่อ่อนแอ ถึงแม้ว่าเฉินเฉียงนั้นจะมีสายเลือดของค้างคาวโลหิตพิษอยู่ก็ตาม แต่เขานั้นยังไม่รู้วิธีการใช้พลังจากสายเลือดนี้ ไม่อย่างนั้นเขาคงสามารถเข้าใกล้กระต่ายสายฟ้าได้มากกว่านี้

นี่ทำให้ความเป็นไปได้เดียวที่เขาจะรอดพ้นวิกฤตนี้ไปได้คือความรวดเร็ว

เมื่อคิดได้ดังนั้น เฉินเฉียงได้เปิดค่าสถานะของเขาขึ้นมาดู หลังจากนั้นเขาก็ได้เพิ่มค่าการใช้ประโยชน์ที่ได้ส่วนใหญ่นำไปลงกับค่าความเร็ว

ค่าพลังงาน:220
ค่าการใช้ประโยชน์:1
ค่าความอดทน:9
ค่าความแข็งแกร่ง:15
ค่าความเร็ว:18
ค่าพลังจิต:23

เฉินเฉียงได้ยืนขึ้นจนสามารถเห็นได้ชัดเจนจากที่ไกลๆ เขาใช้มือป้องไปที่ปากใช้แทนโทรโข่งและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันเกรี้ยวกราด
“ไอ้กระต่ายโง่เง่า แน่จริงมาจับข้าให้ได้สิโว้ยยยยย”

กระต่ายสายฟ้าที่กำลังหลับอุตุอยู่นั้นได้สะดุ้งตื่นเพราะเสียงตะโกนของเฉินเฉียง มันยืนขึ้นมามองเฉินเฉียงด้วยตาแดงก่ำ จับจ้องไปที่เฉินเฉียง ก่อนที่จะย่อตัวลงสี่ขาในทันที

เป็นตอนนี้ที่เฉินเฉียงได้สัมผัสความแข็งแกร่งของกระต่ายสายฟ้าได้ ในตอนนี้ความรู้สึกของเขานั้นไม่ควรจะเรียกว่าเจ้านี่เป็นกระต่าย แต่สมควรจะเรียกมันว่ากระทิงสายฟ้ามากกว่า

ไหงอยู่ๆเจ้ากระต่ายนี่ก็ได้เปลี่ยนเป็นกระทิงได้กันเนี่ย

แต่เขานั้นไม่ได้มีเวลาคิดหาเหตุผลอะไรมากนัก เพราะในตอนนี้ กระต่ายสายฟ้าได้พุ่งตรงมาทางเขาเรียบร้อยแล้ว

ในขณะเดียวกัน กัปตันฉีที่ตอนนี้ซ่อนตัวอยู่ที่เดิม ได้รีบกระโดดออกมาอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานเขาก็ได้ไปปรากฏอยู่ที่ใต้ต้นและได้ทำการกวาดผลหอมม่วงมาทั้งหมดหกผล ก่อนที่จะรีบกลับไปหาหมอลีในทันที

“กลับกันได้แล้ว”

หมอลีเป็นคนแรกที่ยืนขึ้นมาและทำท่าที่จะกลับ

“หมอลี เฉินเฉียงยังตกอยู่ในอันตรายนะ พวกเราต้องรีบช่วยเขา”

“กัปตันฉี อย่าลืมว่าภารกิจของเรามีแค่การเก็บเกี่ยวสมุนไพร ด้วยพลังสายเลือดของเจ้ากระต่ายสายฟ้านั่น ต่อให้เราเขาไปช่วยเราก็ไม่สามารถช่วยชีวิตไอ้เด็กเวรนั่นได้อยู่ดี”

“ยิ่งไปกว่านั้นคือหากเราชักช้าแล้วเจ้ากระต่ายนั่นไม่พบผลกลิ่นม่วงล่ะก็ มันต้องควานหาตัวเราแน่ๆ ถ้าเป็นแบบนั้นเราอาจจะสูญเสียมากกว่านี้อีก”

กัปตันฉีรู้ว่าคำพูดของหมอลีพูดออกมานั้นล้วนถูกต้อง ในตอนนี้ เขาทำได้เพียงมองกลับไปทางทิศที่เฉินเฉียงจากไป ก่อนที่จะกระทืบเท้าอย่างโกรธแค้นไปหนึ่งทีและพูดขึ้นว่า “กลับ”

อีกฟากฝั่งหนึ่งนั้น เฉินเฉียงในตอนนี้กำลังตกตะลึงเมื่อได้เห็นว่ากระต่ายสายฟ้ากำลังไล่หลังเขามาใกล้ เข้าได้หันหลังกลับและพุ่งต่อไปยังทิศใต้

โดยไม่คาดคิด ด้วยการที่เขาได้เพิ่มค่าความเร็วให้ตนเองไปกว่ายี่สิบกว่าแต้ม ทำให้ในตอนนี้ เขาสามารถลัดเลาะไปตามเงาของต้นไม้ได้ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของพวกมัน

ด้วยระบบนี้ เขาจะสามารถรอดจากเหตุการณ์นี้ไปได้….รึเปล่านะ

ในขณะที่เขากำลังวิ่งออกไปด้วยความตื่นเต้นนั้น เมื่อเขาได้รอบหันมาดู ความรู้สึกของเขาก็ต้องกลับสู่ความรู้สึกนาทีชีวิตอีกครั้ง

“เวรเอ๊ย ไอ้บ้านี่ทำไมมันถึงได้เร็วขนาดนี้เนี่ย”

นี่ขนาดว่าเขานั้นได้เพิ่มความเร็วไปมากมายแล้วแต่ระยะห่างของเขากับกระต่ายสายฟ้ายังค่อยๆร่นเข้ามาได้อยู่อีก

หากเป็นอย่างนี้ต่อไป เขาต้องสลัดมันไม่หลุดแน่ๆ

และในตอนนี้ เฉินเฉียงจึงได้เริ่มหาวิธีตอบโต้

ด้วยความเร็วขนาดนี้ในตอนนี้ถือได้ว่าเป็นที่สุดของร่างกายของเขาแล้ว ไม่ว่าจะเพิ่มค่าความเร็วไปขนาดนั้นก็ไม่มีทางเร็วกว่านี้

ดูเหมือนว่าเขานั้นจะต้องหาที่หลบซ่อนตัวซะแล้ว

-จริงสิ-

เฉินเฉียงนึกถึงทักษะของเขาขึ้นมา ทักษะไร้ตัวตน

เมื่อคิดได้ดังนั้น เฉินเฉียงได้เห็นพุ่มไม้ที่อยู่ข้างหน้าสิบกว่าเมตร เขาได้เบี่ยงตัวเข้าไปในนั้นก่อนที่จะทำการปิดประสาทสัมผัสที่หกของเขาในทันที

ในขณะเดียวกัน เขาได้เปิดใช้ทักษะการตรวจสอบด้วยเสียง

กระต่ายสายฟ้าที่วิ่งไล่หลังเฉินเฉียงมาด้วยความโกรธนั้น มันเองไม่ได้คิดว่าสิ่งมีชีวิตที่มีท่าทางอ่อนแอขนาดนั้นจะวิ่งได้เร็วขนาดนี้เหมือนกัน ขนาดมันวิ่งอย่างสุดแรงยังไล่แทบจะไม่ทันเลยด้วยซ้ำ

เมื่อเห็นดังนั้น มันก็ได้ยิ่งโกรธจัดมากกว่าเดิมจึงได้เปิดปากเพื่อที่จะปล่อยบอลสายฟ้าออกมา และเล็งไปที่เฉินเฉียงที่อยู่ด้านหน้ามัน

ตู้มมมม

หลังจากการระเบิดไปแล้ว เฉินเฉียงกลับหายไป

เฉินเฉียงในตอนนี้ที่ซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้านั้น เขาได้ยินเสียงการระเบิดนี้เช่นเดียวกัน และนี่ทำให้เขานั้นอดไม่ได้ที่จะกลัวจนเหงื่อไหลออกมา

ถ้าเขานั้นไม่ได้ตัดสินใจหลบในตอนนั้น ตัวเขาก็คงจะตกอยู่ในอำนาจพลังทำลายล้างของบอลสายฟ้านี้เป็นแน่

ในขณะที่เขากำลังรู้สึกว่าโชคดีอยู่นั้น เขาเห็นว่ากระต่ายสายฟ้าที่เห็นเขาหายไปได้คำรามออกมาดังลั่นอย่างดุร้าย ก่อนที่จะพุ่งตรงมาทางเขาอย่างรวดเร็ว

100 เมตร

30 เมตร

เพียงการกระโดดครั้งเดียว กระต่ายสายฟ้าสามารถร่นระยะได้กว่า 70 เมตรในทันที

เฉินเฉียงในตอนนี้ยังหมกตัวอยู่ในดงหญ้าอย่างอกสั่นขวัญแขวนได้ ในตอนนี้ตัวเขานั้นราวกับจะหลอมรวมไปกลับพงหญ้า ไม่กล้าที่จะกระดิกตัวแม้แต่น้อย

คิดไม่ถึงว่าเจ้ากระต่ายสายฟ้าตัวนี้จะทำการกระโดดอีกครั้งและผ่านเขาไปหน้าตาเฉย และด้วยการกระโดดในครั้งนี้ทำให้มันไปไกลกว่าเดิมกว่า 80 เมตร

ถึงแม้ว่ากระต่ายสายฟ้าจะกระโดดผ่านตัวเขาไปแล้ว เฉินเฉียงก็ยังไม่กล้าที่จะขยับตัวแม้แต่น้อย เขาไม่แม้แต่จะเปิดเปลือกตาขึ้นมา ในตอนนี้เขาใช้เพียงทักษะตรวจสอบด้วยเสียงเพียงอย่างเดียวเท่านั้นเพื่อใช้ในการตรวจสอบว่ากระต่ายไปในทิศทางไหน

อย่างไรก็ตาม หลังจากมันกระโดดไปในครั้งนี้ ถึงแม้ว่ามันน่าจะอยู่ในระยะตรวจจับของเขา แต่เขาก็ไม่พบร่องรอยของมันแม้แต่เงา

อย่าบอกนะว่ามันวิ่งด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม

เฉินเฉียงในตอนนี้ยังไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหว เขาหยุดนิ่งอยู่นานก่อนที่จะค่อยๆลุกขึ้นมาและมองไปโดยรอบ

ที่ระยะห่างจากที่นี่ประมาณ 30 เมตร เฉินเฉียงได้มองไปยังหุบเหวที่มีความลึกประมาณห้าร้อยเมตร เขาแตะอกตัวเองก่อนที่จะถอนหายใจออกมา

โชคดีที่เขานั้นหลบเข้ามาในพุ่มไม้นี้ก่อน ไม่อย่างนั้นเขาคงจะเผลอตกไปในเหวลึกแบบกระต่ายสายฟ้านั่น

ตอนนี้สายตาของเขาได้มองไปยังกระต่ายสายฟ้าที่กำลังนอนบาดเจ็บรุนแรงบนแท่นหินที่ก้นผา ราวกับว่ามันตายแล้วด้วยซ้ำ

“ครืน..” “โอ้ ท้องร้อง”

เฉินเฉียงเองในตอนนี้ที่วิ่งมาอย่างหนักก็ได้เริ่มหิวจนหมดแรงไปเหมือนกัน

“กระต่ายตัวใหญ่ขนาดนั้น….น่าจะอร่อยอยู่นะ”

เมื่อเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว ความหิวโหยในช่วงเวลาแบบนี้ยิ่งน่ากลัวเข้าไปอีก

ด้วยการที่หน้าผานี้มีเถาวัลย์ยาวเลื้อยผาดผ่านอยู่ เฉินเฉียงจึงค่อยๆไต่เถาวัลย์ลงไปจนถึงก้นของหน้าผา เขาเดินไปยังซากร่างของกระต่ายสายฟ้า

“ไม่ใช่ว่าแกไล่ข้าเก่งนักไม่ใช่รึไงกัน แน่จริงลุกขึ้นมาไล่ต่อเซ่”

ในขณะที่เฉินเฉียงกำลังใช้มือขวาตบไปที่หน้าของกระต่ายสายฟ้าอยู่นั้นเอง

ติ้ง

ระบบตรวจพบ เป้าหมายสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้

เนื่องจากระบบเพิ่มค่าการใช้ประโยชน์โดยตรงยังไม่สามารถทำงานได้ ระบบจะเปลี่ยนค่าพลังงานที่ดูดซับมาได้เปลี่ยนเป็นค่าการใช้ประโยชน์ให้ทดแทน

ใช้ประโยชน์จากซากกระต่ายสายฟ้าระดับกลางเสร็จสิ้น

ชื่อ เฉินเฉียง
ระดับ ไม่มี
ค่าพลังงาน:200
ค่าการใช้ประโยชน์:1
ค่าความอดทน:10
ค่าความแข็งแกร่ง:15
ค่าความเร็ว:18
ค่าพลังจิต:23
วิธีการบ่มเพาะ ไม่มี
ทักษะ ไร้ตัวตน
ทักษะ การตรวจสอบด้วยเสียง
ทักษะ บอลสายฟ้า
สายเลือด ค้างคาวโลหิตพิษเพลิงระดับต้น
สายเลือด สายฟ้าระดับกลาง

ห้ะ

เฉินเฉียงสังเกตได้ว่าค่าพลังงานที่เขามีในตอนนี้นั้น เทียบได้กับว่าเขาใช้พลังงานในการดูดกลืนซากร่างนี้ไป 20 หน่วย

ดูเหมือนว่ายิ่งซากร่างระดับสูงเท่าไหร่ เขาก็ต้องใช้พลังงานในการดูดกลืนมากขึ้นเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เขานั้นไม่อาจรู้ได้เลยว่าทักษะสายฟ้านี้จะทรงพลังขนาดไหนและเขาใช้มันทำอะไรได้บ้าง

เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงได้ทดลองใช้บอลสายฟ้าโดยใช้จิตสำนึกของตน ได้ปล่อยมันไปยังกองหญ้าที่อยู่ไม่ไกลนัก

ตูม….ตูม….ตูม….ตูม….

หลังจากชุดเสียงดังสนั่นที่บังเกิดติดต่อกัน กองหญ้ากองใหญ่ที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ได้ถูกเผาไหม้และระเบิดออกโดยบอลสายฟ้าที่เขาปล่อยออกไป

“ฮู้ววววว เหนื่อยโคตร”

หลังจากนั้น เฉินเฉียงรู้สึกได้ว่าเขานั้นโดนอะไรบางอย่างดูดไปจนตัวแห้ง และได้ล้มลงไปบนพื้น

ด้วยการที่เขานั้นไม่ได้ทำการบ่มเพาะ หากเขาใช้ทักษะนี้ในการต่อสู้ แน่นอนว่าพลังงานที่ต้องใช้ไปย่อมไม่ธรรมดา

และนี่เองทำให้เขานั้นนึกไปถึงค่าพลังงานที่ระบบบอกเขานักหนาว่าสำคัญ นี่ทำให้เขารีบเปิดดูค่าสถานะของตนเองอีกครั้ง

ค่าพลังงาน:130
ค่าการใช้ประโยชน์:1
ค่าความอดทน:11
ค่าความแข็งแกร่ง:38
ค่าความเร็ว:25
ค่าพลังจิต:23

เพียงชั่วพริบตา ค่าพลังงานของเขาได้หายไปกว่า 70 หน่วย แต่ที่น่าสนกว่าคือค่าความอดทนค่าความเร็วและค่าความแข็งแกร่งของเขานั้นกลับมีการเปลี่ยนแปลง

เรื่องนี้เขาคงต้องหาคำตอบทีหลัง

หลังจากฟื้นฟูความเหนื่อยล้าแล้ว เฉินเฉียงได้นำมีดของกัปตันฉีออกมาและตัดไปที่ร่างของกระต่ายสายฟ้า เขาได้เลาะเอาส่วนขาออกมา น้ำหนักของมันประมาณสักสองปอนด์เห็นจะได้ จากนั้นเขาก็ได้วางไว้บนกองไฟที่เขาก่อจากหญ้าแห้งแถวๆนั้น

หลังจากนั้น

“โว้ววว หอมจริงๆ”

เฉินเฉียงที่หิวโหยมาตั้งนานแล้วก็ได้กัดกินเนื้อของกระต่ายสายฟ้านี้อย่างไม่หยุดยั้ง

เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเนื้อของสัตว์ประหลาดนั้นจะอร่อยได้ถึงขนาดนี้

เนื้อของมันนั้นทั้งนุ่มและละมุน นี่ทำให้ปากของเฉินเฉียงนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นของเนื้อ

ที่สำคัญกว่านั้นคือ หลังจากกินเนื้อสองปอนด์นี้เข้า ร่างกายของเฉินเฉียงนั้นกลับแข็งแกร่งขึ้นมาเล็กน้อย และความแข็งแกร่งนี้เองยังเพิ่มลงไปในค่าทักษะในแผงข้อมูลสถานะส่วนตัวของเขาอีกด้วย ในตอนนี้มันเพิ่มมาหนึ่งหน่วยและกลายเป็นสิบสองหน่วยไปแล้ว

“ไม่แปลกใจเลยจริงๆว่าทำไมพวกสายเลือดทหารถึงขวนขวายที่จะกินเนื้อพวกนี้นัก แถมมันยังเพิ่มค่าสถานะของข้าได้อีกด้วย ดูเหมือนว่าข้าคงต้องนำเจ้านี่กลับไปฝากปู่ซุนสักหน่อยแหะ”

และนี่เองทำให้เขานึกไปถึงค่ำคืนที่ได้ดื่มเหล้ากับผู้อาวุโสซุน ในตอนนั้นทั้งสองได้ทำการกินเนื้อแกล้มเหล้ากันไปด้วย ความรู้สึกนี้ยังคงประทับใจเฉินเฉียงอยู่จนมาถึงตอนนี้

ผู้คนอย่างหน่วยเก็บเกี่ยวซากอย่างพวกเขานั้นมีชีวิตอยู่รอดมาได้อย่างยากลำบาก

เจ้าอ้วนและทุกคนเองก็แทบไม่เคยมีโอกาสได้ลิ้มรสเนื้อเช่นนี้มาก่อน

เมื่อมองไปโดยรอบและเห็นว่าปลอดภัยแล้ว เฉินเฉียงได้ทำการลากซากกระต่ายสายฟ้านี้และตั้งใจจะเดินออกไปจากเขาในทันที

“ไอ้ฉิบ กระต่ายบ้านี่มันต้องหนักราวๆสองตันแหงๆ”

เฉินเฉียงได้ทำการวางซากร่างกระต่ายสายฟ้าลงก่อนที่จะเปิดแผงข้อมูลส่วนตัวขึ้นมา ในคราวนี้เขาได้ใช้ค่าพลังงานไปเพิ่มค่าความอดทน แต่เขาไม่คิดมาก่อนว่าการเพิ่มค่าความอดทนนี้จะส่งผลไปยังค่าอื่นด้วย

ค่าพลังงาน:800
ค่าการใช้ประโยชน์:1
ค่าความอดทน:15
ค่าความแข็งแกร่ง:42
ค่าความเร็ว:29
ค่าพลังจิต:24

อย่างไรก็ตาม หลังจากเขาทำแบบนั้นไปดูเหมือนว่าการเพิ่มค่าสถานะได้หนึ่งหน่วยนั้นต้องใช้ค่าพลังงานกว่าสองหลัก

ดูเหมือนว่ายังไงซะเขาก็ยังต้องการแก่นคริสตัลอยู่ดี

หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง เฉินเฉียงก็ได้ออกจากภูเขาหมางได้แล้ว

ภายใต้แสงจันทร์สาดส่อง เฉินเฉียงได้ค่อยๆลากซากร่างกระต่ายสายฟ้าโดยนำขาของมันทั้งสองข้างมาวางพาดผ่านลำคอ เขามุ่งตรงไปยังอาณานิคมด้วยความรู้สึกสบายอารมณ์