บทที่ 5 ปัญหาที่แก้ไม่ได้

ไหปีศาจ

บทที่ 5 ปัญหาที่แก้ไม่ได้

พอเห็นเขา คนงานของร้านก็ทักทายอย่างอบอุ่นในทันที “เร่งรีบมาขนาดนี้ ท่านหลิวหูมีปัญหาอะไรเหรอขอรับ”

ชายปากร้ายผู้นี้คือ หลิวหู ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงิน เขาเป็นผู้นำของกลุ่ม “คมมีด” ทีมล่าสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองแห่งความพินาศ เขามีสัตว์วิญญาณสองตัว นั่นคืองูทองคำและแมงมุมดอกไม้ ทั้งคู่อยู่ในระดับเงิน ลำดับที่10

ยังไม่พอเพียงเท่านี้ เพราะเขายังเป็นคู่ต่อสู้ที่หาตัวจับได้ยากในหมู่ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงิน เขาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในเมืองลำดับที่ 23 หรือเมืองหวงชาที่อยู่ใกล้กับเมืองนี้

“เรียกเจ้าของร้านออกมา” หลิวหูจ้องคนงานในร้านด้วยสายตาดุดัน

คนงานของร้านพยักหน้าและค้อมตัวลงเป็นการขอโทษ

“ขออภัยด้วยท่านหลิวหู น่าเสียดายที่เจ้าของร้านมีธุระต้องเดินทางออกไปข้างนอก ท่านมีปัญหาอะไรงั้นหรือ หากเป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ น้อยๆ ละก็… “

สายตาของ หลิวหูจ้องเขม็ง

“ถ้ามันเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ ทำไมข้าต้องเรียกหาเจ้าของร้านเล่า! งู ทองคำของข้าอยู่ในสถานะที่ต่ำมาก ๆ ช่วงนี้ความแข็งแกร่งของมันสูงบ้างและต่ำบ้าง เจ้าของร้านของเจ้าสัญญาว่าจะช่วยข้าแก้ปัญหานี้ เขาเก็บเงินมัดจำข้าไปแล้ว ทำไมเขาถึงกล้าเดินทางออกไปซะได้ อย่ามาล้อกันเล่นนะ! “

เจ้าของร้านคนก่อนเป็นเพียงผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณฝึกหัด และในความเป็นจริงแล้วเมืองหวงชานั้นอยู่ภายใต้การควบคุมขององค์กรที่เรียกว่า ทีมหวงชา

ทีมหวงชานั้นผูกขาดกิจการร้านค้าเกือบทั้งหมดในแถบนี้ การที่ศาลาไป่หยู่สาขานี้สามารถยืนหยัดอย่างมั่นคงในเมืองแห่งความพินาศได้นั้นก็เพราะความโดดเด่นและเอกลักษณ์ของร้านในฐานะผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณของเจ้าของร้านคนเก่า

หลิวหูนั้นขึ้นชื่อเสียงด้านเสียงอันดุดันของเขา

เสียงโห่ร้องดังกล่าวดึงผู้คน ๆ ทุกคน ให้เดินเข้ามาดูเหตุการณ์ มองเข้ามาผ่านประตู ศาลา ไป่หยู่สีขาว พื้นที่โดยรอบดูมีชีวิตชีวาทันทีด้วยวงล้อมของผู้คน

“ท่านหลิวหู พวกเรามิกล้า ล้อเล่นกับท่านหรอก” คนงานร้านหน้าซีดและขาสั่นด้วยลมหายใจของหลิวหู

หลิวหูตบโต๊ะอีกครั้งเสียงดังปังใหญ่

“ไม่กล้างั้นเหรอ ข้าจะออกไปนอกเมืองเพื่อล่าสัตว์ในสองวันนี้ ถ้างูทองคำของข้ายังคงเป็นเช่นนี้อยู่ ข้าจะไปทำอะไรได้”

คนงานของร้านไม่กล้าตอบกลับไปเพราะเกรงจะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ

“เรียกคนที่รับผิดชอบได้มา ข้าต้องอธิบายเรื่องนี้กับเขา” หลิวหูยังไม่ยอมแพ้ เขากล่าววาจากดดันต่อไป

คนงานของร้านทั้งสามคนรีบหันไปมองที่ลั่วอู๋ ทำให้หลิวหูรู้ตัวว่ามีชายหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่งนั่งอยู่ในศาลาไป่หยู่แห่งนี้ด้วย

“เจ้าหนุ่ม เจ้าเป็นหัวหน้าผู้จัดการใช่หรือไม่” หลิวหู ถามเขา

ลั่วอู๋ลืมตาขึ้นมอง ยิ้มหยันให้อีกฝ่ายก่อนตอบว่า

“ข้ายังไม่ได้รับช่วงต่องาน ข้าจึงไม่สามารถเป็นหัวหน้าผู้จัดการให้ท่านได้”

“ท่านล้อเล่นอะไรน่ะ นายน้อย ท่านเป็นบุตรที่ถูกต้องตามกฎหมายของตระกูลลั่วนะ”

“ใช่แล้ว นายน้อยลั่ว ศาลาไป่หยู่นี้ กิจการทั้งหมดนี้เป็นของท่าน”

“แม้ว่าจะไม่มีการส่งมอบ แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าท่านคือหัวหน้าผู้จัดการ”

ชายทั้งสามรีบพูดขึ้น เพราะตามหลักแล้วพวกเขาเป็นแค่คนงานของร้านจึงไม่สามารถรับผิดชอบเรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้ได้

อย่างไรก็ตาม ศาลาไป่หยู่ นั้นเป็นของตระกูล ลั่วของเขา เขาจะต้องสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยตัวเอง

ลั่วอู๋ลุกขึ้นยืนอย่างสบาย ๆ แล้วยิ้ม “ในเมื่อเจ้าพูดอย่างนั้น ข้าก็คงจะต้องรับผิดชอบในฐานะผู้จัดการ”

“เจ้าทำได้เหรอ?” หลิวหู มองไปที่ ลั่วอู๋ หัวจรดเท้า

เขามีผมสีเงินและดูเด็กมาก ดูเหมือนมือใหม่ แม้จะหน้าตาดีแค่ไหนก็ตาม แต่ที่นี่คือเมืองแห่งความพินาศ ของแบบนั้นมันก็แค่เรื่องไร้ประโยชน์

ลั่วอู๋ พยักหน้า “ก็น่าจะได้ ถ้าไม่มีอุบัติเหตุอะไร ข้าก็จะเป็นผู้จัดการคนใหม่ของ ศาลาไป่หยู่แห่งนี้”

“ดี” หลิวหูกล่าวเยาะเย้ยออกมา

“งั้นเจ้าก็ต้องรับผิดชอบบัญชีเดิมของเจ้าของร้านคนก่อนเช่นกัน ซึ่งเขาแก้อาการป่วยของงูข้าได้ล่าช้าและส่งผลต่อให้การล่าสัตว์นอกเมืองของข้าล่าช้าออกไป จงชดใช้ด้วย 5000 หินวิญญาณเสียเถอะ”

“หวา!” เหล่าผู้ชมที่มองอยู่ไม่สามารถต่างก็ตะโกนอย่างตกใจ

ด้วยหินวิญญาณ 5000 ก้อน สามารถซื้องูทองคำอีกตัวก็ยังได้

ลั่วอู๋ขมวดคิ้วแน่น

มันเป็นการเปิดข้อเสนอที่ใหญ่มาก ที่จริงๆ เขาต้องการ 5000 หินวิญญาณ ในทันทีที่เขาอ้าปากพูดข้อเสนอออกมา เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเขาต้องการที่จะหาความผิดมาให้จ่ายค่าชดใช้เพื่อแก้ปัญหา

ใบหน้าของลั่วอู๋ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง “ขอข้าดูอาการงูทองคำของเจ้าได้หรือไม่” เขาถาม

“เพื่ออะไร?” หลิวหูพูดอย่างไม่พอใจ

“เจ้าบอกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับงูสีทองของเจ้า ข้าต้องตรวจสอบก่อนจะได้มั่นใจได้” ลั่วอู๋ กล่าว

“ระวังตัวด้วยล่ะ มันอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่นัก ข้าไม่รับผิดชอบหรอกนะถ้าเจ้าถูกกัดเข้า” หลิวพูด

ลั่วอู๋ยิ้มออกมาอย่างไม่ตั้งใจและเลือกที่จะไม่พูดอะไร

เมื่อเขาไปถึงตัวถึงหลิวหู เขาก็เห็นว่ามีงูสีทองพันขดตัวอยู่ที่รอบเอวของอีกฝ่าย เอวของหลิวหูดูหนาและเกล็ดงูทองคำนั้นก็สว่างและชัดเจน งูสีทองนั้นดูเหมือนกำลังจะอาเจียน แม้หัวของมันจะยืดตัวตรงและชูคอขึ้นมาแสดงทีท่าว่าดุร้าย

มันคู่ควรที่จะเป็นงูระดับเงิน

ลั่วอู๋กลั้นลมหายใจเอาไว้และไม่แสดงความโกรธออกมา งูทองคำนั้นมีความรู้สึกไว แม้ว่ามันจะตื่นตัวในขณะนี้ แต่มันก็ไม่ได้คิดจะโจมตี

ลั่วอู๋ยื่นมือออกมาและเอานิ้วมือวางไว้บนร่างของงูสีทอง

ตระกูลลั่วมีชื่อเสียงในการฝึกฝนสัตว์วิญญาณให้กับราชวงศ์มังกรเร้นกาย พลังทางจิตวิญญาณที่ฝึกฝนกันในศาลาไป่หยู่ของตระกูลนั้นอ่อนโยนและสงบสุข ไม่ได้ครอบงำสิ่งใด แต่ปล่อยพลังให้ไหลไปเรื่อย ๆ เป็นระยะเวลานานแทน

ร่องรอยของพลังวิญญาณค่อย ๆ ถ่ายทอดไปตามร่างของงูทองคำ ซึ่งในเวลาเดียวกันกับที่เขาถ่ายพลัง ลั่วอู๋กระตุ้นให้ไหปีศาจทำงาน

แม้ตอนนี้เขายังไม่พร้อมที่จะนำงูทองเข้าไปในไหปีศาจ ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขายังไม่เพียงพอที่จะบังคับให้สัตว์วิญญาณระดับเงินลำดับ 10 เข้าไปในไหได้

เขาใช้ความสามารถของไหปีศาจเพียงเพื่อตรวจสอบข้อมูลของงูทองคำ

นี่เป็นเพียงหนึ่งในความสามารถพื้นฐานของไหปีศาจ ในช่วงเวลาสั้น ๆ ข้อมูลของงูทองคำก็ปรากฏขึ้นในสมองของ ลั่วอู๋ อย่างสมบูรณ์

เผ่าพันธุ์: งูทองคำ

มิติ: ระดับเงิน 10

คุณสมบัติ: ระดับเงิน

ทักษะ: หมอกพิษ (ระดับ D), รัดมรณะ (ระดับ D), พิษร้ายแรง (ระดับ B) พื้นทรายดูด (ระดับ C)

พื้นเพ: สัตว์วิญญาณที่เติบโตในป่าทรายสีเหลืองชอบที่มืดและแห้ง ไม่ชอบย้ายถิ่นฐาน มันสามารถทำให้การโจมตีที่ก้าวร้าวขึ้นได้ถึงที่สุดด้วยเขี้ยวแหลมที่มีสารพิษอันน่ากลัว

พิษของงูทองคำสามารถเล่นงานได้แม้แต่สัตว์วิญญาณระดับทองเลยทีเดียว

หลิวหูขมวดคิ้ว “นี่ ตกลงว่าปัญหาคืออะไรกันแน่” เขาเป็นคนใจร้อน ทำให้ไม่มีความอดทนที่จะรออะไรได้นานๆ

“มีบางอย่างผิดปกติ” ลั่วอู๋พยักหน้าน้อยๆ

หลิวหูยังพูดเสียงดังอยู่ “เจ้าจะแก้ปัญหาได้รึเปล่า ถ้าไม่ก็จ่ายค่าชดใช้มา”

เนื่องจากศาลาไป่หยู่ ได้รับเงินมัดจำจากผู้อื่น แต่ตอนนี้กลับไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องเสียเงินชดใช้ ซึ่งก็สมเหตุสมผลดี แม้ว่า 5000 หินวิญญาณจะสูงไปสักเล็กน้อย

ลั่วอู๋ยักไหล่ “ข้าแก้ปัญหาให้ท่านไม่ได้จริง ๆ”

ใบหน้าของ หลิวหูแสดงสีหน้าของความผิดหวัง เขาลูบหัวงูทองคำ ดูเหมือนว่างูทองคำนั้นจะอารมณ์ไม่ดี มันขดตัวเป็นวงกลมอย่างอ่อนแรง

“งั้นก็จ่ายเงินมา” หลิวหูพูด

“อนิจจา ช่างน่าเสียดาย” ลั่วอู๋ส่ายหัวและมองกลับไปที่พวกคนงาน “ไปเอา5000 หินวิญญาณมา”

“5000 หินวิญญาณ” ทั้งสามคนตกตะลึงพร้อมกัน

ถ้าเจ้าของร้านคนเก่ากลับมาเขาจะรับได้เหรอ แล้วคนงานในร้านทั้งสามจะแบกรับได้หรือไม่

ดวงตาของลั่วอู๋เปล่งประกายดุดัน “ข้าบอกให้ไปก็ไปเอามาสิ ข้าไม่พูดอะไรไร้ประโยชน์หรอกนะ”

แม้ว่าเขาเพิ่งจะผู้ใช้พลังวิญญาณแต่แรงกดดันของเขาไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาสามารถต้านทานได้

“ขอรับ” ทั้งสามคนสั่นด้วยความกลัวและรีบเข้าไปทำเงินมาตามคำสั่ง

พวกเขารีบนำหินวิญญาณที่มีมูลค่าเท่ากับ 5000 ก้อนมาที่นี่ พวกมันคือเหรียญวิญญาณ 5 ดวงใหญ่ที่เต็มไปด้วยวิญญาณ พวกมันอบอุ่นเหมือนหยกพร้อมเครื่องหมายที่เป็นเอกลักษณ์ของ ชวนเทียนฟู

วัตถุนี้ออกโดย ชวนเทียนฟู ซึ่งคล้ายกับธนบัตรเงิน

ลั่วอู๋ส่งมันให้หลิวหูและมองดูที่ งูทองคำอย่างไม่ตั้งใจ “มันน่าเสียดาย น่าเสียดายเหลือเกิน”

ลั่วอู๋ยังพูดแบบเดิมอีกหลายครั้ง

ทว่าหลิวหูกลับไม่พอใจมากเมื่อเขาได้รับเงินและขมวดคิ้ว “เจ้าต้องการจะสื่ออะไรกันแน่”

ลั่วอู๋ นั่งลงอย่างช้า ๆ โดยใช้มือวางบนขาและพูดอย่างสบาย ๆ

“น่าเสียดายที่งูทองคำตัวนี้น่าจะก้าวข้ามพันธนาการของตัวมันเองและวิวัฒนาการสู่ระดับทองได้ ทว่าไม่เพียงแค่มันล้มเหลวในการวิวัฒนาการ แต่จิตวิญญาณของมันเองก็ย้อนกลับไปเป็นเวลาเก้าวัน มันจึงพลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการวิวัฒนาการไป”

กลุ่มคนที่สังเกตการณ์อยู่ต่างก็สับสนเล็กน้อยว่าเขาหมายถึงอะไร มีเพียงไม่กี่คนที่ตกใจ

ดวงตาของหลิวหูเบิกกว้างและพูดด้วยเสียงสั่นเทา

“เจ้าว่าอย่างไรนะ เจ้าคิดว่างูทองคำของข้าสามารถพัฒนาสู่ระดับทองได้อย่างนั้นหรือ

“ใช่” ลั่วอู๋พยักหน้าช้า ๆ

“มันน่าเสียดายที่มันกำลังจะพลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุดของมันและตอนนี้มันก็ยากแล้วล่ะ”