ตอนที่ 6 ตลาดมืด

ทุกคนพากันแยกย้ายกลับไป แต่ความฮึกเหิมในใจของพวกเขาไม่ได้สลายไปด้วย

เรื่องนี้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว คนของโรงเรียนศิลาศักดิ์สิทธิ์ต่างก็พากันพูดถึงเรื่องนี้

แมวบ้านกลับตบหมาป่าตาฟ้าเลเวล 14 ลงได้อย่างรวดเร็วและยังจัดการกับกบระดับเงินเลเวล 10 ได้อีกด้วย

ผลลัพธ์อันน่าเหลือเชื่อนี้ทำให้ทุกคนตะลึง

เพราะความแปลกของเรื่องนี้ทำให้เรื่องนี้เผยแพร่ออกไปทั่วโรงเรียน มันทำให้ทุกคนเกิดการตั้งคำถามในเรื่องนี้ จนทำให้หวังเย่าและจ้าวซวนเป็นที่สนใจมากกว่าเก่า

หลายคนอยากจะรู้ว่าแมวบ้านมีพลังแบบนี้ได้ยังไง รวมไปถึงขึ้นเป็นสัตว์อสูรระดับเงินได้ยังไง ?

อันที่จริงตั้งแต่โลกนี้มีการเปลี่ยนแปลง สัตว์เลี้ยงนั้นยากที่จะกลายเป็นสัตว์อสูรได้

เพราะพวกมันได้สูญเสียสัญชาตญาณของสัตว์ป่าไปภายใต้การเลี้ยงดูของมนุษย์ แต่ก็มีหลายคนที่ไม่มีเงินพอไปซื้อสัตว์อสูร ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่ทำสัญญากับสัตว์เลี้ยง

มีตัวอย่างนับไม่ถ้วนที่พิสูจน์แล้วว่าสัตว์เลี้ยงที่กลายเป็นสัตว์อสูรนั้นมีประสิทธิภาพในการต่อสู้ที่ต่ำและไม่คุ้มค่ากับการฝึกฝนเลย รวมถึงความยากที่จะยกระดับมันให้ขึ้นเป็นระดับเงินด้วย จึงทำให้ผู้คนไม่เลือกที่จะทำแบบนั้น

หากแมวของหวังเย่าอยู่ระดับเงินจริง ๆ งั้นมันก็มีค่าอย่างมาก

แน่นอนว่านักเรียนส่วนมากนั้นไม่คิดอะไรมากในเรื่องนี้

หวังเย่าได้ออกจากลานไปด้วยความกังวล

ไม่ใช่เพราะเขาไปหาเรื่องจ้าวซวน แต่เป็นเพราะเขาหิว

เมื่อมองยอดเงินในสายรัดข้อมือประจำตัวที่แทบจะว่างเปล่าไป เขาก็รู้ได้ทันทีว่าจะต้องหาเครดิตเพิ่ม มิฉะนั้น เขาต้องเจอกับปัญหาเรื่องปากท้องของตัวเองแน่

เครดิตนี้เป็นหน่วยเงินที่ใช้อย่างเป็นทางการในทุกเมือง

หวังเย่าพอปรับตัวกับค่าเงินนี้ได้ 1 เครดิตมีค่าไม่ต่างอะไรจาก 1 หยวน

ที่โรงอาหาร

หวังเย่าได้ไปกินมื้อเที่ยงกับโจวอวิ๋นที่เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของเขา

“อาอวิ๋น นายรู้มั้ยว่าจะหาเครดิตได้เร็ว ๆ จากไหน ? ”

ตอนนี้หวังเย่าต้องการเครดิต เขาไม่มีทางเลือกอื่น

“อาเย่า นายไม่มีเงินแล้วหรือ ? ฉันให้ยืมเอาไหม ? ” ฐานะของโจวอวิ๋นพอใช้ได้ ครอบครัวของเขาเปิดร้านอาหาร

“ขอบคุณแต่ฉันต้องการเครดิตจำนวนมาก ฉันต้องซื้ออาหารให้กับการ์ฟีลด์ ไม่งั้นถ้าจ้าวซวนมาหาเรื่องฉันอีก คงต้องเป็นปัญหาแน่ ๆ ” หวังเย่าส่ายหน้า

เรื่องที่หวังเย่าทำให้จ้าวซวนต้องอับอายขายหน้านั้น โจวอวิ๋นก็พอรู้มาบ้าง  เขาอดไม่ได้ที่จะชมหวังเย่า คนตระกูลจ้าวมักทำตัวเย่อหยิ่ง  แม้แต่ตัวเขาเองก็อยากจะสั่งสอนจ้าวซวนบ้าง

แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กังวลขึ้นมา หวังเย่าไม่มีอำนาจ หากจ้าวซวนคิดจะหาเรื่องจริง ๆ หวังเย่าคงอยู่ไม่เป็นสุขแน่

เงินน่ะสามารถใช้ทำได้หลายอย่าง ตราบใดที่จ้างนักฆ่ามาได้ งั้นหวังเย่าก็อาจจะปกป้องชีวิตของตัวเองไม่ได้

แน่นอนว่าความบาดหมางระหว่างนักเรียน อาจจะไม่ได้รุนแรงถึงขนาดนั้น แต่ถึงยังไง หวังเย่าก็ต้องเตรียมรับมือเอาไว้บ้าง มีแค่การเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับการ์ฟีลด์เท่านั้นที่จะทำให้เขาสบายใจขึ้นมาได้

“การหาอาหารดี ๆ ต้องใช้เงินจำนวนมาก น้ำยาพลังขั้นต้นใช้เงิน 1,000 เครดิต น้ำยาพลังขั้นกลางใช้ 3,000 เครดิต น้ำยาพลังขั้นสูงใช้ 10,000 เครดิต”

โจวอวิ๋นรับรู้ได้ถึงปัญหา อสูรของเขาก็ใช่ว่าจะแข็งแกร่ง เขาเองก็ไม่ได้มีเงินมากพอให้หวังเย่ายืม

“พี่เย่า ฉันรู้จักที่หนึ่ง แต่มันอันตราย มันมีเรื่องที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นบ่อย ๆ ที่นั่น… ”

หวังเย่าคึกคักขึ้นมาทันที สิ่งที่เรียกว่าความเสี่ยงนั้นมาพร้อมกับผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ เขารีบถามขึ้นมาทันที

“ ที่ไหนหรือ ? ”

 “ตลาดมืดใต้ดิน” โจวอวิ๋นขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “ตลาดมืดใต้ดินทางเหนือของเมือง ที่นั่นจะมีการตั้งภารกิจ รวมถึงการพนันอสูร มันก็เหมือนการต่อสู้นั่นแหละ อีกอย่าง ในตลาดมืดนั้นมีของหายากขายมากมาย เช่น ยากัดกร่อน, ยาอสูรคลั่ง, น้ำยาวิวัฒนาการและอื่น ๆ ”

เมื่อได้ยินแบบนั้น หวังเย่าก็ตาเป็นประกาย ที่นั่นฟังดูน่ากลัวก็จริงแต่ตอนนี้เขามีระบบอยู่ ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะเสี่ยง

โจวอวิ๋นเห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะแนะนำออกมา “พี่เย่า นายคงไม่ไปจริง ๆ หรอกนะ เรายังเป็นนักเรียนกันอยู่ มันจะดีกว่าที่จะไม่ไปที่นั่น ไม่งั้นแล้วมันจะสร้างปัญหาให้ตัวเราเอง”

หวังเย่าไม่ได้แสดงความรู้สึกจริง ๆ ออกมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกังวล “อาอวิ๋น นายไม่ต้องห่วงหรอก ฉันแค่พูดเฉย ๆ ”  แต่เขาก็ยังคิดในใจว่า ‘ถึงอย่างนั้นก็ต้องเสี่ยง แม้ระบบจะพัฒนาสัตว์อสูรได้…แต่มันก็ต้องใช้เครดิตจำนวนมาก’

หวังเย่ากัดฟันแน่น ตอนนี้เขาเหลือเครดิตแค่ 200 เครดิตสุดท้าย เขาตัดสินใจที่จะเสี่ยง

หวังเย่าหาข้ออ้างเพื่อขอลาครูออกมา

เขานั่งรถไฟจากโรงเรียนไปยังทางเหนือของเมือง เขามองฉากต่าง ๆ ที่ผ่านสายตาเขาไปแล้วพึมพำออกมา

เมืองอรุณคือหนึ่งในเมือง 36 แห่งของภูมิภาคหัวเซี่ย มีประชากรมากกว่า 20 ล้านคนแต่พื้นที่นั้นมีไม่มาก

ในอีกความหมายคือเมืองอรุณนั้นแออัดอย่างมาก

ดาวโลกนั้นเชื่อมต่อกับมิตินับไม่ถ้วน ผลก็คือสัตว์และพืชกลับพัฒนาขึ้นมาหมดยกเว้นแค่มนุษย์ นั่นทำให้ความหลากหลายของมนุษย์ลดลงมาเหลือแค่ 20% เท่านั้น

การจะเกี่ยวข้าวก็ยังต้องใช้รถที่สูงเกือบ 100 เมตรในการเกี่ยวข้าว

ถึงนี่จะเป็นหายนะสำหรับมนุษย์แต่ก็ยังถือว่าเป็นโอกาส คานท์ค้นพบเรื่องที่น่าทึ่งอย่างการที่มนุษย์สามารถทำสัญญากับสัตว์อสูร และสามารถดึงพลังอันโดดเด่นออกมาได้ในฐานะผู้ใช้อสูร

“ฉันอิจฉาพวกที่สู้อยู่นอกเมืองจริง ๆ โชคร้ายที่เมืองอรุณมีกฎว่าต้องอายุ 18 ปีขึ้นไปและมีสัตว์อสูรที่มีพลังมากว่า 300 หน่วยเท่านั้น ที่จะมีสิทธิ์ออกไปนอกเมืองได้”

ผ่านไป 30 นาทีเขาก็ได้มาถึงทางเหนือของเมือง ด้วยการซักถามผู้คนต่าง ๆ มันก็กินเวลาไม่นานก่อนที่เขาจะลงไปที่ชั้นใต้ดินผ่านร้านค้าแห่งหนึ่ง

“ขึ้นไป แกไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาที่นี่” เขาถูกหยุดโดยยามซึ่งสวมชุดเกราะพร้อมกับกระบองในมือ

“ฉันจะไปตลาดมืด” หวังเย่ามองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีกล้องอยู่ด้วย เขาก็กังวลขึ้นมาแต่ก็ยังรวบรวมความกล้าพูดออกมา

ยามมองไปที่หวังเย่า ก่อนจะพยักหน้า “งั้นก็ตามฉันมา”

หวังเย่าถูกพาไปยังห้องข้าง ๆ ทันที

“มาครั้งแรกงั้นหรือ ? มีใครแนะนำมารึเปล่า ? ” ชายแก่ในชุดม่วงที่นัยน์ตาคมกริบราวกับอินทรีย์ได้ถามขึ้นมา

หวังเย่าส่ายหน้า

ชายแก่ไม่ถามอะไรต่อและพูดขึ้น “เด็กน้อย แกต้องสวมหน้ากาก บอกชื่อมา ค่าธรรมเนียมการเข้า 100 เครดิต”

“แปดเทพ” หวังเย่าไม่อยากใช้ชื่อจริงของตัวเอง เขาได้ยื่นสายรัดข้อมือออกไปเพื่อให้ชายแก่หักเครดิตของเขาออก

แปดเทพคือชื่อของตัวละครจากเกมเดอะคิงออฟไฟท์เตอร์ของโลกเก่า เมื่อเอามาใช้ปกปิดตัวตนแล้ว มันก็ฟังดูเท่ดี

เขาเชื่อว่าคงไม่มีใครคิดว่าเขาเป็นแค่เด็กนักเรียนแน่ ๆ

ชายแก่พยักหน้าก่อนจะเอาหน้ากากเสือออกมาแล้วเขียนชื่อแปดเทพลงไป ก่อนจะส่งให้กับหวังเย่า  จากนั้นยามคนเดิมก็พาเขาเดินเข้าไปด้านในต่อ

“นี่คือทางเข้าตลาดมืด แกต้องสวมหน้ากากตอนที่เข้าไปและออกมาด้วย” ยามชี้ไปที่ประตูสีดำตรงหน้า