ขณะที่เขากำลังใช้ความคิดอยู่นั้น จู่ๆ ประตูก็ถูกเปิดเข้ามา ฉู่เหยาเดินเข้ามาพร้อมชามหนึ่งใบในมือ นางยิ้ม “หลินมู่อวี่ ท่านปู่บอกว่าร่างกายของเจ้ายังอ่อนแออยู่ เหมือนถูกดูดพลังออกไปจนเกลี้ยง เลยบอกให้เจ้าทานข้าวต้มนี้ก่อน เพื่อฟื้นคืนกำลัง”
แน่นอนว่าท้องของเขาว่างเปล่า หลินมู่อวี่ยิ้มในทันใดพร้อมกล่าวว่า “ขอบคุณฉู่เหยามาก!”
ฉู่เหยายิ้มและถามขึ้นว่า “เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว”
“ยี่สิบสาม”
“อ๋อ?” ฉู่เหยายิ้มเจ้าเล่ห์ “ข้ายี่สิบสี่แล้ว เจ้าต้องเรียกข้าว่าพี่ฉู่เหยาแล้วล่ะ อย่างน้อยก่อนจะออกจากร้านโอสถไป่หลิง เจ้าจะต้องเรียกข้าแบบนี้”
หลินมู่อวี่แอบปวดหัวเล็กน้อยกับคำพูดของฉู่เหยา แต่ยิ้มตอบนาง “ก็ได้ พี่ฉู่เหยา”
“จะให้ข้าป้อนข้าวต้มเจ้าหรือไม่” ฉู่เหยาก้มตัวลง แล้วยิ้มมองเขา ด้วยการกระทำของนางเช่นนั้นเผยให้เห็นร่องลึกระหว่างเนินกลมโตทั้งสองอย่างชัดเจน หลินมู่อวี่เหมือนถูกไฟช็อตเข้าทันที
“มะ…ไม่ต้อง” หลินมู่อวี่ส่ายหน้าตอบอย่างเคอะเขิน ใบหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ
ฉู่เหยาวางชามข้าวต้มไว้บนโต๊ะข้างเตียงแล้วเอ่ยว่า “งั้นเจ้าค่อยๆ กินล่ะ ข้าต้องไปคัดสมุนไพรแล้ว”
“อือ ขอบคุณพี่ฉู่เหยา”
หลังกินข้าวต้มชามนั้นแล้ว เขารู้สึกได้ถึงกำลังวังชาที่กลับคืนมา แต่หลินมู่อวี่ก็ยังคงรู้สึกว่าร่างกายของเขาไม่ปกติ เขาลองปล่อยหมัด สภาพร่างกายของเขาตอนนี้ไม่เหลือพลังที่ควรมีไว้เลย ในโลกเดิมนั้น แม้ว่าหลินมู่อวี่จะมิได้เป็นยอดฝีมือ แต่ก็พอรู้วิชาอยู่บ้าง เขาจึงมิควรรู้สึกไร้เรี่ยวแรงดั่งเช่นที่เป็นอยู่ยามนี้ ต้องเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเขาเป็นแน่ หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับการตายของราชันย์ปีศาจเจ็ดประทีปนั่น
เขาไม่อาจหาคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงเดินออกจากห้อง สายลมเย็นพัดผ่านกระทบใบหน้า ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างยิ่ง
ที่นี่คือสวนด้านหลังร้านโอสถไป่หลิง สวนแห่งนี้จัดว่ากว้างใหญ่ทีเดียว มีต้นหยินปินโบราณต้นหนึ่งยืนต้นตระหง่าน ใต้ต้นไม้มีโต๊ะวางอยู่สิบกว่าตัว บนโต๊ะมีสมุนไพรนานาชนิดวางอยู่เต็ม มีทั้งใบและรากของพืชหลากหลายชนิด ฉู่เหยาและศิษย์ฝึกหัดอีกเจ็ดคนต่างกำลังขมักเขม้นเลือกสมุนไพรที่มีประโยชน์ออกมา
หลินมู่อวี่มองอยู่เงียบๆ ด้านข้าง แต่ในใจนั้นกลับรู้สึกตื่นตะลึง ที่นี่มีสมุนไพรหลากหลายชนิด หากแต่เขารู้จักสมุนไพรเหล่านั้นเกือบทั้งหมด! หญ้าเนตรอินทรี ดอกสัตตะดารา หญ้าใบเหมันต์ รากเตาไฟ ดอกสาลี่เหล็ก ผลหัวใจศักดิ์สิทธิ์ และอีกมากมาย ทั้งหมดล้วนเป็นสมุนไพรในเกมผู้พิชิต ยิ่งกว่านั้นหลินมู่อวี่ยังเป็นถึงหนึ่งในสองปรมาจารย์ด้านการหลอมสร้างที่มีอยู่ในเกมอีกด้วย และวิชาปรุงโอสถก็เป็นสาขาย่อยของทักษะหลอมสร้าง สมุนไพรเหล่านี้ล้วนเป็นสมุนไพรระดับหนึ่งและระดับสอง!
มือของฉู่เหยาขยับราวกับปีกผีเสื้อ ยามเมื่อนางเด็ดกลีบชั้นที่สองของหญ้าเนตรอินทรี และรากที่อวบอิ่มของรากเตาไฟ ช่างเป็นภาพที่น่าชมยิ่ง
ผ่านไปสักพัก ฉู่เหยาถึงได้เห็นหลินมู่อวี่ที่ยืนมองอยู่ด้านข้าง จึงอดยิ้มออกมาไม่ได้ “เป็นอะไรไป เจ้ารู้จักสมุนไพรด้วยหรือ”
หลินมู่อวี่ไม่รู้ว่าควรจะตอบนางเช่นไร ดังนั้นเขาจึงชี้ไปที่สมุนไพรชนิดหนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “นี่คือหญ้าใบเหมันต์ฤทธิ์เย็นใช่หรือไม่”
“หา?”
ฉู่เหยาอ้าปากค้าง มองหลินมู่อวี่ด้วยความประหลาดใจ จนอดยิ้มไม่ได้ แม้แต่สรรพนามเรียกชื่อเขายังเปลี่ยน “อาอวี่ เจ้ายังรู้จักสมุนไพรอื่นอีกหรือไม่”
“อืม บางครั้งข้าก็จะเก็บสมุนไพรไปปรุงเป็นยาสมานแผล”
“อย่างนี้นี่เอง…” ฉู่เหยาเม้มปากแดงของนาง ก่อนจะยิ้มออกมา “อันที่จริง…ในเมื่อเจ้าจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร จำบ้านเกิดตัวเองไม่ได้ เจ้าก็อยู่ที่นี่ไปก่อน แม้ว่าร้านโอสถไป่หลิงของเราจะไม่โด่งดังเท่าร้านโอสถนับร้อยในเมืองหยินซาน แต่คนแค่คนเดียวพวกเราเลี้ยงได้ เจ้าเรียนรู้วิชาปรุงโอสถกับข้าและช่วยงานในร้าน ท่านปู่ก็ชรามากแล้ว จำเป็นต้องให้คนรุ่นหลังเช่นเราช่วย เจ้าเห็นเช่นไร”
เห็นได้ชัดว่า ฉู่เหยาอยากให้เขาพักอยู่ที่นี่ และด้วยเพราะหลินมู่อวี่เพิ่งมาถึงยังโลกใบนี้ แน่นอนว่าเขาเองก็ต้องการที่ตั้งหลัก ดังนั้นเขาพยักหน้าดีใจและพูดว่า “ถ้าพี่ฉู่เหยาไม่รังเกียจ ข้าก็อยากอยู่ที่นี่!”
ความจริงแล้วตอนที่หลินมู่อวี่มาถึงที่นี่ครั้งแรก เขาสวมเสื้อผ้าธรรมดา ซึ่งตอนนี้ขาดรุ่งริ่งแล้วถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ก็สกัดความหล่อของเขาไว้ไม่อยู่ ดวงตาสดใสและมีชีวิตชีวาดึงดูดใจฉู่เหยา ด้วยเหตุนี้เองนางจึงอยากให้เขาอยู่ที่นี่ต่อ เมื่อได้ยินหลินมู่อวี่ตกปากรับคำ นางถึงกับปรบมืออย่างมีความสุข แล้วเอ่ยว่า “เจ้าอยากอยู่ที่นี่ก็ดี ศิษย์ฝึกหัดทุกคนร่ำเรียนวิชาปรุงโอสถภายใต้การสั่งสอนของท่านปู่ข้า เจ้าต้องเรียกข้าว่าศิษย์พี่หญิงแล้วล่ะ!”
หลินมู่อวี่กลั้นยิ้มไม่อยู่ “ให้ข้าเรียกท่านว่าพี่ฉู่เหยาเหมือนเดิมเถอะ”
“อืม ตามใจเจ้า!”
ฉู่เหยาปลาบปลื้มยิ่ง ทว่าเด็กหนุ่มอายุราวยี่สิบห้าปีที่ยืนอยู่ข้างนางดูไม่ค่อยพึงใจนัก เขาคิ้วขมวดและเอ่ยว่า “อาเหยา เจ้ายังไม่ได้รับอนุญาตจากท่านอาจารย์ รับคนเข้าร้านโอสถไป่หลิงอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าได้ยังไง”
คนผู้นี้มีนามว่าหวังหยิ่ง เป็นศิษย์พี่ใหญ่แห่งร้านโอสถไป่หลิง และเป็นหนึ่งในนักปรุงโอสถอย่างเป็นทางการของร้านโอสถไป่หลิง
ฉู่เหยาไม่พอใจและพูดว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ อาอวี่ตัวคนเดียวตกระกำลำบากในเมืองหยินซาน เป็นโชคชะตาที่ข้าได้ช่วยเหลือไว้ ข้าไม่อาจละทิ้งเขาไว้ตามลำพังในเมืองหยินซานนี้ จะว่าไป อาอวี่รู้จักสมุนไพร นั่นหมายความว่าเขามีวาสนากับการปรุงโอสถ ข้าเชื่อว่าพอท่านปู่กลับมาจะต้องเห็นด้วยกับข้าแน่นอน”
หวังหยิ่งไม่พอใจ “หลินมู่อวี่ ข้ารู้ว่าฉู่เหยาเก็บเจ้ามาจากป่าสัตตะดารา ข้าไม่สนใจว่าเจ้าเป็นใคร แต่ถ้าเจ้าอยากจะอยู่ที่ร้านโอสถไป่หลิงก็ต้องแสดงความสามารถออกมา แม้ร้านโอสถไป่หลิงของเราจะมิได้มีชื่อเสียงมากมายนัก แต่จะไม่เลี้ยงพวกไร้ประโยชน์เด็ดขาด”
หลินมู่อวี่กลั้นความเกลียดที่มีต่อหวังหยิ่งไว้ พูดว่า “ศิษย์พี่อยากจะทดสอบข้าใช่หรือไม่”
“ถูกต้อง!”
หวังหยิ่งยิ้มอย่างเย็นชา และเอ่ยต่อว่า “หากเจ้าไม่ผ่านการทดสอบของข้า ก็ไม่มีความจำเป็นใดที่เจ้าจะอยู่ที่ร้านโอสถไป่หลิงนี้ เจ้าควรรู้ตัวและไสหัวไป!”
หวังหยิ่งหยิบเอาต้นหญ้าสีม่วงต้นหนึ่งออกมา แล้วถามว่า “นี่คืออะไร”
ฉู่เหยารีบพูด “ศิษย์พี่ใหญ่ นั่นมันสมุนไพรระดับสาม อาอวี่เป็นแค่มือสมัครเล่น ท่านทำแบบนี้มิแกล้งกันหรอกหรือ”
ในขณะที่ฉู่เหยาเป็นกังวล หลินมู่อวี่ก็พูดขึ้น “หญ้าใบฝัน”
“นี่…”
หวังหยิ่งคิดไม่ถึงว่ามือสมัครเล่นจะรู้จักชื่อสมุนไพรนี้ได้ เขาจึงหยิบพืชสีทองอีกต้นขึ้นมา แล้วถามว่า “แล้วต้นนี้ล่ะ”
ชัดเลยว่าสมุนไพรของที่นี่เหมือนกับข้อมูลที่อยู่ในเกมผู้พิชิต ความมั่นใจของหลินมู่อวี่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน เขาตอบ “หญ้าไหมทอง สมุนไพรระดับสาม ที่อยู่ซ้ายมือของเจ้าก็คือเถาวัลย์อสรพิษ สมุนไพรระดับสาม ส่วนทางขวามือก็คือโสมโลหิต สมุนไพรระดับสาม ข้าตอบถูกหรือไม่!?”
ครานี้กลับกลายเป็นหวังหยิ่งที่ตะลึงตาค้าง
ฉู่เหยาเดินเข้าไป นางทั้งปลื้มปริ่มและโกรธในเวลาเดียวกัน จับมือของหลินมู่อวี่และเอ่ยกับหวังหยิ่งว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ อาอวี่เพิ่งมาถึงร้านโอสถไป่หลิง เหตุใดท่านต้องกลั่นแกล้งเขาแบบนี้ด้วย ท่านปู่กลับมาเมื่อใด ได้เห็นดีกันเป็นแน่!”
หวังหยิ่งไม่พูดอะไร เพียงแต่เห็นฉู่เหยาจับมือของหลินมู่อวี่ แล้วถลึงตาไม่พอใจใส่หลินมู่อวี่