ตอนที่ 2 คำสาบาน (2)

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

“มี่เอ๋อร์ ป้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ เจ้าอยากทำลายการแต่งงานครั้งนี้! ตระกูลเยี่ยนไม่มีใครที่เจ้าต้องอาลัยอาวรณ์ตระกูลเยี่ยนเกี่ยวดองกับตระกูลซั่งกวนเป็นเพราะแม่ของเจ้าที่เป็นคนงามแต่ชีวิตอาภัพ ไม่ใช่เป็นเพราะภรรยาของซั่งกวนฮ่าว หวงฝู่เยวี่ยเอ้อเป็นสหายสนิทกับแม่ของเจ้า นางก็เป็นคนรักษาคำมั่นสัญญา การแต่งงานครั้งนี้ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง มี่เอ๋อร์ เจ้าดูคนในจวนสิ ไม่ว่าจะเป็นคุณหนูสามกับคุณหนูสี่ที่ออกเรือนไปแล้ว หรือคุณหนูหกกับคุณหนูเจ็ดที่ยังไม่ได้ออกเรือน ต่างรู้สึกอิจฉาการแต่งงานครั้งนี้ที่เจ้าไม่สนใจ เป็นเพราะเรื่องของป้า เจ้าจึงมองตระกูลซั่งกวนเป็นศัตรู เลยคิดจะก่อกวนการแต่งงานในครั้งนี้ เมื่อถึงเวลานั้นไม่เพียงตระกูลเยี่ยนเท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบ ทั้งตระกูลซั่งกวนก็จะเสียหน้า ถูกคนหัวเราะเยาะ แต่มี่เอ๋อร์เอ๋ย เจ้าเป็นลูกสาวของครอบครัวที่มั่งมี มีความเชี่ยวชาญในพิณ หมากรุก ตำรา และการวาดภาพ แต่เสียตรงที่เจ้าได้ป้าเลี้ยงดูจนเติบใหญ่มากับมือ แม้จะไม่ได้ไหว้ครูรับเป็นศิษย์ ก็ไม่ได้แตกต่างจากศิษย์อะไรเลย การที่เจ้าเป็นอย่างนี้จึงไม่ใช่ลูกสาวของครอบครัวร่ำรวยธรรมดาๆ อีกต่อไป หากไม่แต่งงานกับใครสักคนในยุทธภพ เจ้าจะถูกฝังกลบอยู่ในเรื่องหยุม หยิมที่น่าเบื่อ แต่ถ้าอยากแต่งงานกับคนธรรมดาในยุทธภพ เจ้าจะทนกับคนกักขฬะและป่าเถื่อนพวกนั้นได้อย่างไร! ป้าเป็นคนทำร้ายเจ้า! ในช่วงไม่กี่ปีนี้ ป้าคิดถึงเรื่องงานแต่งของเจ้ามาตลอด หลังจากคิดทบทวนไปมาก็พบเรื่องหนึ่งเข้า นอกจากลูก หลานสองสามคนจากครอบครัวยุทธภพ ก็ไม่มีใครเหมาะสมอีกแล้ว การแต่งงานกับครอบครัวยุทธภพเหล่านี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย โชคดีที่เจ้ากับซั่งกวนเจวี๋ยมีสัญญาหมั้นหมายกันพอดี”

“ท่านป้า ข้าไม่แต่งกับคนของตระกูลซั่งกวน!” คุณหนูห้าพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ “ข้าจะหาคนรู้ใจได้เอง…”

“หุบปาก! มี่เอ๋อร์  อย่าคิดว่าป้าจะไม่รู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่! มันไม่ดีเลย! แม้หลายปีนี้ป้าจะอยู่ห่างจากยุทธภพ แต่เด็กหนุ่มมากความสามารถที่เกิดขึ้นในยุทธภพนั้นป้ามั่นใจ ซั่งกวนเจวี๋ยก็นับเป็นอัจฉริยะด้วย ป้าได้พบกับซั่งกวนเจวี๋ย และรู้เรื่องของเขาดี ไม่ว่าจะในด้านไหน เขาก็คู่ควรกับลูกหัวแก้วหัวแหวนของข้า!” ป้าโม่พูดอย่างจริงจัง

“ท่านป้า ต่อให้ข้าจะแต่งเข้าไปก็แค่ต้องการล้างแค้นให้ท่าน!” คุณหนูห้าพูดอย่างเกรี้ยวกราด

“มี่เอ๋อร์! เจ้าอยากให้ป้านอนตายตาไม่หลับงั้นเหรอ?” ป้าโม่ดุว่า เจ็บปวดหัวใจ แล้วมีเลือดไหลออกมาคำหนึ่ง แม้นางจะปิดปากทันเวลา แต่เลือดก็ยังคงไหลทะลักออกมาจากมุมปาก และเลือดนั้นเกือบเป็นสีดำสนิท

“ท่านป้า!” คุณหนูห้าตื่นตระหนก รีบใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดจากมุมปากของป้าโม่ แต่ถึงผ้าเช็ดหน้าทั้งผืนจะถูกย้อมเป็นเลือดสีแดงเข้ม ก็ยังเช็ดเลือดนั้นไม่สะอาดอยู่ดี

“มี่เอ๋อร์ เจ้าไม่ฟังคำป้าแล้วเหรอ?” ป้าโม่พยายามกระอักเลือดออกจากปากไปที่พื้น เลือดนั้นก็เปื้อนดวงตาของคุณหนูห้า

“ข้าฟัง! ท่านป้า ข้าฟัง!” คุณหนูห้าพยักหน้า

“ข้าจะให้เจ้าสาบาน!” ป้าโม่พูดอย่างน่าครั่นคร้าม

“ข้าสาบาน! ข้าสาบาน!” ในเวลานี้ คุณหนูห้าไม่มีความคิดจะบิดพลิ้วแล้ว

“เจ้าพูดตามข้า!” ป้าโม่พูดมาคำหนึ่งแล้วก็หยุด “ข้าเยี่ยนมี่เอ๋อร์ขอสาบาน ณ ที่นี้ว่า ข้าจะทำตามสัญญาหมั้นหมาย แต่งงานเป็นภรรยาของซั่งกวนเจวี๋ย ข้าจะรักเขา เห็นอกเห็นใจเขา มีลูกชายหญิงให้เขา ใช้ชีวิตอย่างรักใคร่กลมเกลียวกัน ข้าจะเคารพพ่อสามีและแม่สามี ปรองดองกับพี่น้อง ข้าจะลืมความแค้นระหว่างโม่อวี๋ฮวนกับตระกูลซั่งกวน ข้าจะทำให้ทุกวันมีค่า และข้าจะอยู่อย่างมีความสุข…”

“ท่านป้า…” คุณหนูห้าไม่เต็มใจ

“พูด!” ป้าโม่อวี๋ฮวนมองไปที่เด็กคนนี้ที่ถูกนางตรึงไว้ด้วยหัวใจ ใบหน้านั้นไม่เคยปรากฏความน่าสะพรึงกลัวมาก่อน

“ข้าเยี่ยนมี่เอ๋อร์ขอสาบาน ณ ที่นี้ว่า ข้าจะทำตามสัญญาหมั้นหมาย แต่งงานเป็นภรรยาของซั่งกวนเจวี๋ย ข้าจะรักเขา เห็นอกเห็นใจเขา มีลูกชายหญิงให้เขา ใช้ชีวิตอย่างรักใคร่กลมเกลียวกัน…” คุณหนูห้าพูดตามน้ำตาคลอจะเป็นสายเลือด

“ข้าจะเคารพพ่อสามีและแม่สามี ปรองดองกับพี่น้อง ข้าจะลืมความแค้นระหว่างโม่อวี๋ฮวนกับตระกูลซั่งกวน ข้าจะทำให้ทุกวันมีค่า และข้าจะอยู่อย่างมีความสุข…”

“ถ้าผิดคำสาบานนี้ เมื่อโม่อวี๋ฮวนตายจะไปสู่นรกภูมิสิบแปดขุม ลิ้มรสโทษทัณฑ์ทั้งหมด และไม่มีวันได้ผุดได้เกิด!”“ไม่!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์คร่ำครวญ เพราะเหตุใดต้องใช้ชีวิตป้ามาต่อรอง

“พูด!”

“ไม่! ไม่!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ส่ายศีรษะอย่างหมดหวัง

“ถ้าอย่างนั้นมี่เอ๋อร์ เจ้าอยากให้ป้านอนตายตาไม่หลับ ไม่สามารถอยู่อย่างสงบได้หรือ?” โม่อวี๋ฮวนจ้องเขม็งไปที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์อย่างน่าสะพรึงกลัว

“ท่านป้า ข้าไม่ได้…”

“เจ้ากังวลว่าป้าจะตายจริงเหรอ?” โม่อวี๋ฮวนกระอักเลือดคำโตออกมาอีกครั้ง เยี่ยนมี่เอ๋อร์จะเช็ดให้นาง แต่ถูกนางปัดออกไปอย่างไม่ปรานีปราศรัย เยี่ยนมี่เอ๋อร์มองสีหน้าบึ้งตึงของป้าโม่ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน แล้วพูดอีกครั้งด้วยความยากลำบาก

“ถ้าผิดคำสาบานนี้ เมื่อโม่อวี๋ฮวนตายจะไปสู่นรกภูมิสิบแปดขุม ลิ้มรสโทษทัณฑ์ทั้งหมด และไม่มีวันได้ผุดได้เกิด!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ท่องคำสุดท้ายเสร็จก็จิตใจแตกสลายแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะนิสัยแข็งแกร่งทรหดของนาง คงทนความสะเทือนใจอย่างนี้ไม่ไหวและเป็นลมไปตั้งนานแล้ว

“มี่เอ๋อร์…” ในที่สุดท่าทางของโม่อวี๋ฮวนก็คลายลง แล้วมองเยี่ยนมี่เอ๋อร์ด้วยความรักพลางกล่าวว่า “มี่เอ๋อร์ ป้ารู้ว่าสิ่งนี้ทำให้เจ้าอึดอัดใจ กำลังบีบบังคับเจ้า แต่ป้าไม่อยากให้เจ้าถลำเข้าไปทำผิดแบบเดียวกัน แล้วกลายเป็นเหมือนป้า ยัยตัวร้ายใจอำมหิต ป้าไม่อยากให้มือของเจ้าแปดเปื้อนเลือดสดของผู้บริสุทธิ์ เจ้าเป็นเด็กที่สวยที่สุด และควรมีทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีที่สุดในใต้หล้านี้”

“แต่ท่านป้า ท่านไม่เคยลืมเลือนความเคียดแค้น…” เยี่ยนมี่เอ๋อร์กล่าวทั้งน้ำตาไหลร่วงเผาะ “ท่านเคยบอกว่า มันคือพลังที่หล่อเลี้ยงชีวิตท่านให้อยู่ต่อมา ถ้าไม่ใช่เพื่อแก้แค้น ท่านจะทนรับพิษที่กำเริบซึ่งเหลืออยู่ในตัวไม่ได้อย่างแน่นอน”

“นั่นเป็นครั้งแรก ตอนนั้นมีแต่ความอาฆาตแค้นในใจของป้า มีแต่ความมืดมิดในดวงตาของป้า แต่มี่เอ๋อร์ เจ้าเป็นเหมือนแสงตะวัน เป็นเจ้าที่สลายความมืดบอดของป้า ต่อมาป้าก็มีชีวิตอยู่เพื่อเจ้า เพื่อปกป้องมี่เอ๋อร์ของข้าถึงได้ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด ตอนนี้ ป้าสิ้นอายุขัยแล้ว ป้าอยู่กับเจ้าไม่ได้ ไม่อาจปกป้องเจ้าจากลมฝนได้อีกต่อไป แต่ป้าโล่งใจมาก เพราะมี่เอ๋อร์โตขึ้นแล้ว ไม่ได้เป็นดอกไม้ในเรือนแก้วอีกต่อไป แต่เป็นเหมยแดงที่ทรหดอดทนท่ามกลางหิมะ ที่ต้านทานการโจมตีของลมและน้ำค้างแข็งได้ แต่ป้าก็กังวลมากเช่นกัน กังวลว่าเจ้าจะตาบอดเพราะความพยาบาทของป้า จนมองไม่เห็นแสงสว่าง ในท้ายที่สุดแม้แต่ความสุขของเจ้าเองก็จะถูกฝังกลบไว้ สำหรับป้าแล้ว ความสุขของเจ้าสำคัญกว่าสิ่งใด!” โม่อวี๋ฮวนมองไปที่ เยี่ยนมี่เอ๋อร์ที่กลายเป็นคนเจ้าน้ำตาไหลพรากแล้ว ในขณะนี้ ความไม่พอใจสุดท้ายในใจของนางก็หายไปเช่นกัน

“แล้วความแค้นเล่า?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ยังไม่ลืมเลือนสิ่งนั้น

“ความแค้นไม่สำคัญเท่ากับความสุขของเจ้า!” โม่อวี๋ฮวนมองไปที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์  ในสายตาเต็มไปด้วยความเมตตาเช่นนี้ นางรู้ว่าความแค้นของตัวเองส่งผลกระทบต่อเด็กคนนี้ที่ควรมีเพียงแสงสว่างในชีวิต แต่ทุกอย่างยังไม่ได้เริ่มต้น ยังมีเวลา

“แต่ท่านป้า…” เยี่ยนมี่เอ๋อร์มองโม่อวี๋ฮวนด้วยน้ำตาคลอหน่วย พูดขึ้นว่า “ข้าไม่อยากแต่งกับตระกูลซั่งกวน ข้ารู้สึกไม่ดีกับตระกูลซั่งกวน ยิ่งไม่ชอบซั่งกวนเจวี๋ยที่เล่าลือกันว่าหล่อเหลาเจ้าชู้คนนั้น ข้า…”

“เจ้าจะชอบเขา!” โม่อวี๋ฮวนกล่าวด้วยความมั่นใจ “เจ้าจะชอบเขาแน่ และต้องชอบเขาด้วย!”

“ท่านป้า…” เยี่ยนมี่เอ๋อร์รู้สึกขมขื่นในจิตใจ เวลานี้นางเสียใจกับสิ่งที่ปิดบังโม่อวี๋ฮวนมาโดยตลอด แต่…ด้วยความฉลาดของท่านป้า แม้จะไม่ถาม นางก็ไม่ได้พูด และควรจะรู้ว่า นางมีคนที่ชอบพออยู่แล้ว ความชอบที่โง่เขลาแบบนั้น กำลังจะตายก่อนที่มันจะเริ่มเสียด้วยซ้ำงั้นเหรอ?

“มี่เอ๋อร์ ปีนี้เนื่องจากป้าไม่สบาย จึงไม่ได้พาเจ้าออกไปข้างนอก งานยุทธจักรประจำปี ‘งานประลองยุทธ์’ เจ้าก็ไม่ได้ไปเหมือนกัน…แม้เจ้าจะไปที่นั่นสองสามครั้งก่อนหน้านี้ ก็ไม่ได้มาถึงสถานที่จริง แต่ก็ยังได้กำไรมากมาย…” โม่อวี๋ฮวนมองไปที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์พลางกล่าวว่า “อย่างน้อยได้พบกับผู้คนสักสองสามคนที่พอจะพูดคุยกันได้ และเป็นเพื่อนได้อีกด้วย”

“ท่านป้า…” หัวใจของเยี่ยนมี่เอ๋อร์สั่นสะท้าน เหตุใดป้าถึงเอ่ยเรื่องนี้ในยามนี้เล่า?

“เจ้าชอบผู้ชายคนนั้นที่ร้องเพลงกับเจ้าใช่ไหม?” โม่อวี๋ฮวนกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “แม้ป้าจะเพียงแค่เห็นพวกเจ้าสองคนร้องเพลงประสานกัน แต่ก็รู้ความในใจของเจ้าดี”

“ท่านป้า ข้าประทับใจเขามากจริงๆ!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์รู้ว่าตอนนี้ไม่อาจปิดซ่อนอะไรได้อีกแล้ว จึงพูดตรงๆ ว่า “แม้พวกเขาทั้งหมดจะดูดีและรูปงาม แต่ข้ากลับดูเหมือนจะเห็นเพียงแสงสว่างบนตัวของเขาเท่านั้น คุณชายเซียวเขา…”

“เจ้ารู้จักฐานะอะไรของเขาด้วยหรือ?” โม่อวี๋ฮวนขัดจังหวะคำชมที่นางกำลังจะเอ่ยออกมา

“ไม่รู้ แต่มันก็ไม่สำคัญ! ท่านป้า ท่านบอกไว้ว่า หนุ่มสาวในยุทธภพมักจะถือเรื่องบุญคุณความแค้น ไม่ถูกบังคับด้วยเรื่องหยุมหยิม ไม่ใช่หรือ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ถามอย่างมีวาทศิลป์

“มี่เอ๋อร์ ลักษณะท่าทางของเขาแสดงให้เห็นว่าต้องเกิดในครอบครัวที่มีฐานะไม่ธรรมดา เจ้าคิดว่าเขาจะมาหมั้นหมายกับครอบครัวอย่างตระกูลเยี่ยนที่ทำการค้ามาหลายชั่วอายุคนงั้นหรือ? มันเป็นไปไม่ได้ มี่เอ๋อร์! บางทีอาจจะเป็น ‘งานประลองยุทธ์’ ปีหน้า เจ้ายังพบเขาได้ แต่เจ้าต้องละทิ้งตัวตนของคุณหนูห้าในตระกูลเยี่ยนกับสัญญาหมั้นหมายของตระกูลซั่งกวนถึงจะมีโอกาสนี้” โม่อวี๋ฮวนกล่าวอย่างจริงจัง

“ข้ารู้ ท่านป้า!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ผงกศีรษะ นางได้วางแผนแบบนั้นไว้นานแล้ว

“แต่แบบนั้นจะไม่ทำให้เจ้าได้สมหวังดังใจปรารถนา! มี่เอ๋อร์  ต่อให้จะเป็นคนจากยุทธภพก็พิถีพิถันในเรื่องฐานะเช่นกัน การละทิ้งฐานะของคุณหนูห้าแห่งตระกูลเยี่ยน ไม่ว่าเจ้าจะปรากฏตัวในฐานะอะไรต่อหน้าเขา? เป็นไปไม่ได้ที่ครอบครัวของเขาจะยอมรับหญิงสาวที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า ถ้าเขารู้จักฐานะของเจ้า จะต้องรู้เรื่องที่เจ้าหนีการแต่งงานอย่างแน่นอน แล้วจะคิดกับเจ้าอย่างไร? หรือจะบอกว่าหนีตามกันไป แต่มี่เอ๋อร์ แม้คนในยุทธภพจะไม่มีเส้นแบ่งการหมั้นหมายเป็นภรรยาหรือหนีตามกันไปเป็นภรรยาอันเข้มงวด เจ้าก็จะถูกคนในบ้านของเขาดูแคลนอีกด้วย” โม่อวี๋ฮวนกล่าวอย่างจริงจัง “ดังนั้น การแต่งเข้าตระกูลซั่งกวนเป็นทางเลือกเดียวของเจ้า!”

“ท่านป้า” เยี่ยนมี่เอ๋อร์จิตใจว่างเปล่า

“ป้ายอมละทิ้งความคั่งแค้นที่มีมาตลอดชีวิต เพื่อให้เป็นไปตามความปรารถนาสุดท้ายของแม่เจ้า เจ้าก็ไม่เต็มใจจะทิ้งความรักที่เพิ่งเกิดใหม่ แล้วเชื่อฟังคำขอร้องสุดท้ายของป้าใช่หรือไม่?”

“ข้าเชื่อฟังท่าน! ท่านป้า ข้าจะรักษาคำสาบานแน่นอน!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่ยืนกรานอีกต่อไป ใช่แล้ว โม่อวี๋ฮวนยอมทิ้งความเคียดแค้นที่เกาะกินหัวใจมานานกว่ายี่สิบปี เพื่อจะให้นางแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาอย่างสง่างาม ทำไมนางถึงยอมสลัดความรักที่เพิ่งเริ่มต้นนั้นไม่ได้เล่า? ก็แค่…อนิจจา บางทีการไม่มีความรักก็ไม่แน่ว่าจะต้องเป็นเรื่องเลวร้ายสินะ!

“มี่เอ๋อร์ ป้ายังมีคำขอสุดท้าย!” โม่อวี๋ฮวนกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“ท่านป้า ท่านบอกมาเถอะ มี่เอ๋อร์จะเชื่อฟังแน่นอน!”

“จะต้องลืมป้าให้ได้ อย่าให้ใครรู้ว่าเจ้าเกี่ยวข้องกับป้า เว้นแต่เรื่องที่ป้าสอนให้เจ้ารู้จักป้องกันตนเอง อย่าเปิดเผยให้ใครรู้ อย่าเปิดเผยสิ่งที่ป้าสอนให้เจ้าง่ายๆ มันจะทำให้เจ้าเกิดปัญหาไม่รู้จบ!” โม่อวี๋ฮวนเสียใจที่ตัวเองสอนสิ่งต่างๆ ให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์มากเกินไป ตราบเท่าที่นางเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์มันก็มากพอแล้วล่ะ!

“ข้ารับปากท่าน ท่านป้า!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์รู้ถึงจิตใจของโม่อวี๋ฮวน เมื่ออายุมากขึ้น นางก็รู้ดีว่าหลายสิ่งหลายอย่างที่โม่อวี๋ฮวนสอนให้นางนั้นมองไม่เห็นแสงสว่าง แต่นางก็ร่ำเรียนโดยไม่ได้คัดค้านใดๆ บางอย่างยังรู้ลึกซึ้งกว่าโม่อวี๋ฮวนด้วยซ้ำ

“มี่เอ๋อร์ ป้าอยู่ต่อไม่ไหวแล้ว เจ้าให้แม่นมจ้าวและคนอื่นๆ ทำความสะอาดให้ข้าได้ ข้าอยากนอนให้สะอาดและตายบนเตียงอันอบอุ่น!” โม่อวี๋ฮวนคลี่ยิ้ม

“เจ้าค่ะ ท่านป้า!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ตอบด้วยความเศร้าโศกยิ่งนัก

“ยังมีอีก มี่เอ๋อร์! อย่าลืมเผาศพป้าก่อนที่ป้าจะตัวแข็งไปหมด ป้ามีพิษทั้งตัว ตอนนี้เพราะป้ายังมีชีวิตอยู่ พิษนั้นจะยังไม่ออกมาทำร้ายคน แต่เมื่อป้าตาย ก็ไม่สามารถควบคุมมันได้ มี่เอ๋อร์ อย่าให้การตายของป้าไปพัวพันเจ้า!“ โม่อวี๋ฮวนอธิบายการจัดงานศพ

“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านป้า!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์พยักหน้า

“ไปเถอะ!” โม่อวี๋ฮวนปล่อยมือข้างขวาที่นางกุมไว้มาตลอดแล้วกล่าวว่า “เจ้าก็ล้างหน้าหวีผมให้ดีเสียหน่อย เมื่อป้าตายก็ไม่อยากให้เจ้าอยู่เคียงข้าง ป้าหวังว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าจะสวยงามอยู่เสมอในใจข้า!”

“ข้าจะไปแล้ว ท่านป้า!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์เช็ดน้ำตาบนใบหน้าด้วยแขนเสื้อ เผยให้เห็นรอยยิ้มที่แข็งแกร่งแล้วพูดว่า “ท่านวางใจได้ ข้าจะใช้ชีวิตอย่างดีแน่นอน ข้าจะมีความสุข ข้าจะรักษาสิ่งที่สวยงามที่ท่านไม่เคยได้รับมาก่อนในชีวิต และข้าก็จะลืมท่านเช่นกัน!”

เมื่อมองไปที่รูปร่างที่สูงเพรียวของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ โม่อวี๋ฮวนจึงพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “มี่เอ๋อร์ จะต้องมีความสุขนะ!”

เยี่ยนมี่เอ๋อร์ได้ยินเสียงของโม่อวี๋ฮวน แต่นางไม่ได้หันหลังกลับและไม่กล้าหันหน้าไปด้วย นางรู้ว่าเมื่อหันกลับไป นางจะร้องไห้เป็นแน่ และจะไม่มีวันจากไป นางหวังว่าสิ่งสุดท้ายที่ป้าโม่จำได้คือใบหน้าที่ยิ้มแย้มของนาง แทนที่จะร้องไห้ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาและเศร้าโศก

“คุณหนูห้า” เมื่อมองเยี่ยนมี่เอ๋อร์ที่ร้องไห้อย่างหนักอย่างเห็นได้ชัด แม่นมจ้าวกับสาวใช้ทั้งสองต่างก็กลัวหัวหดเล็กน้อย

พวกนางล้วนกลัวคุณหนูห้าที่ไม่มีสีหน้าเช่นนี้มาก

“แม่นมจ้าว เจ้าหาคนมาดูแลป้าโม่ทันที ใส่ชุดผ้าแพรสีขาวตัวโปรดที่สุดของนางให้ป้าโม่ แล้วหาคนที่ใจกล้าพอมาเฝ้านาง” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ยังคงดูท่าทีสงบนิ่ง

“เจ้าค่ะ คุณหนูห้า” แม่นมจ้าวรับคำ นางรู้ว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์หมายถึงอะไร ดูท่าป้าโม่จะไม่สามารถผ่านมันไปได้

“ท่านป้าชอบความอบอุ่น เพิ่มเตาอั้งโล่อีกสองสามเตาในห้องของนาง…นางหมดลมแล้วก็แจ้งให้ข้าทราบด้วย” คำพูดของเยี่ยนมี่เอ๋อร์แทบจะเค้นหลุดออกมาจากไรฟัน

“เจ้าค่ะ คุณหนูห้า!”

“พวกเรากลับไปกันเถอะ!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์หันหลังจากไป เดินออกไปอย่างเด็ดเดี่ยว นางรู้ว่าชีวิตของนางไม่ได้เป็นเพียงแค่ของตัวเองอีกต่อไป แต่เป็นของป้าโม่ด้วย นางต้องมีชีวิตที่ยอดเยี่ยม มีชีวิตที่มีความสุข แบบนี้เพื่อจะได้กตัญญูกับป้าโม่ที่อยู่เคียงข้างนางและคอยปกป้องนางจากลมฝน หลังจากที่นางจำความได้…

เป็นคืนที่โม่อวี๋ฮวนกำลังนอนอยู่ในห้องที่อบอุ่น สูดลมหายใจเฮือกสุดท้ายในการนอนหลับ…เมื่อเยี่ยนมี่เอ๋อร์ได้ข่าว นางกำลังปักฉากกั้นที่ใช้สำหรับงานแต่งอยู่ในห้อง มันเป็นรูปห่านบินคู่หนึ่ง ก่อนหน้านี้ แม้นางเตรียมพร้อมจะหนีการแต่งงาน แต่ก็ปักผ้านวม ปลอกหมอน ผ้าม่านเป็นรูปเป็ดยวนยางเล่นน้ำที่ให้อยู่คู่กันเป็นร้อยปี แม้แต่รูปเด็กผู้ชายร้อยคนก็อยู่ในการดูแลของป้าโม่ที่ให้ปักอย่างเรียบร้อย สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือห่านบินคู่ซึ่งนางไม่เคยคิดจะปักเลย

จำได้ว่าตอนนั้นป้าโม่เคยพูดว่า วันหนึ่งนางจะต้องมีผู้ชายมาเป็นคู่สามีภรรยาที่ไม่มีวันแยกจากกัน นางหัวเราะเยาะในตอนนั้น แต่ตอนนี้นางหวังว่าจะมีวันอย่างนั้น นางจะมีความสุขให้ป้าได้พักผ่อนอย่างสงบ!

เยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่ได้หลั่งน้ำตา นางยังคงยิ้มในขณะที่มองดูหญิงแก่รับใช้สองคนใช้ผ้าฝ้ายห่อตัวป้าโม่ที่ค่อยๆ แข็งทื่อ แล้ววางไว้บนกองฟืนทาน้ำมันที่เตรียมไว้เมื่อนานมาแล้ว นางยิ้มและรับคบเพลิงมาจากแม่บ้าน จุดไฟกองฟืนอย่างสงบ จาก นั้นก็ยิ้มต่อไป มองดูเปลวไฟที่ลุกโชติช่วงนั้น แล้วมองจนกระทั่งเปลวไฟค่อยๆ ดับลง จนท้องฟ้าค่อยๆ สว่างไสว เมื่อไม่มีประกายไฟเหลืออยู่ นางก็ยิ้ม แล้วมองไปที่สาวใช้ซึ่งกรีดร้อง ในขณะที่รักษารอยยิ้มจนเป็นลมล้มพับไป…

———————————————