บทที่ 5: จำใส่หัวเอาไว้ซะ เธอคนนี้คือน้องสาวของฉัน!

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 5: จำใส่หัวเอาไว้ซะ เธอคนนี้คือน้องสาวของฉัน!

ทันใดนั้นโรเอลก็นึกออกถึงเนื้อเรื่องในเกมอาย ออฟ โครนิเคิล

อลิเซียในวัยเด็กนั้นกลัว ‘มีด’

ถ้าจะให้อธิบายโดยละเอียดแล้วล่ะก็ เธอกลัวอะไรก็ตามที่มีความแหลมคมพอที่จะทำร้ายเธอได้

ดังที่มีคนเคยกล่าวไว้ในอดีต “เจ็บครั้งเดียวแล้วจำ” บางทีความกลัวอย่างไม่มีเหตุผลต่อวัตถุ 0สัตว์ หรือสถานที่บางอย่าง ก็มักจะเกิดจากประสบการณ์กระทบกระเทือนจิตใจในอดีต เรียกกันโดยทั่วไปว่าอาการโฟเบีย [1]

ผู้ที่เป็นอาการโฟเบียมักจะเกิดความรู้สึกตึงเครียดและหวาดกลัว เมื่อตกอยู่ภายใต้สถานการณ์เฉพาะบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวแปรนั้น ๆ แม้ว่าสติจะรู้ตัวว่าอารมณ์ความกลัวที่เป็นอยู่นั้นไร้เหตุผล แต่ร่างกายก็ไม่อาจฝืนสัญชาตญาณ เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์นั้น ๆ ได้ จนเป็นอุปสรรคต่อชีวิตประจำวัน

อาการโฟเบียนั้นสามารถแสดงออกได้ในหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับตัวแปร โดยตัวแปรสำหรับอลิเซียก็คือของมีคม

ส่วนเหตุผลเบื้องหลัง…โรเอลรู้เพียงแค่ว่า ผู้มีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมมักจะต้องมีอดีตอันเจ็บปวดมากเช่นกัน

เด็กชายถอนหายใจยาว ๆ ก่อนจะเริ่มนึกย้อนกลับไปว่าชีวิตในวัยเด็กของอลิเซียถูกเขียนอธิบายไว้ว่าอย่างไรในโครงเรื่อง

ความโชคร้ายทั้งหมดของอลิเซียมาจากสายเลือดของเธอ ใช่แล้ว สายเลือดชั้นสูงที่สุดของระดับเงิน ที่โรเอลได้แต่อิจฉา สายเลือดของซิลเวอร์แอซ

สำหรับโลกใบนี้ ผู้สืบสายเลือดระดับสูงเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก พวกเขาถูกเรียกกันว่าผู้ได้รับพรสวรรค์แห่งเซีย

เซีย นั้นเป็นนามของเทพีผู้สร้างโลก ทวีปนี้เองก็ได้ตั้งชื่อตามเทพีเซีย เธอเป็นศูนย์กลางความศรัทธาของจักรวรรดิเซนต์เมซิท ผู้ครอบครองสายเลือดระดับสูงจึงไม่ต่างอะไรไปจากผู้สืบสายเลือดของเทพเจ้า

คำว่าสายเลือดมักจะทำให้เกิดการเข้าใจผิด พลังสายเลือดนั้นไม่ได้ถ่ายทอดกันผ่านทางพันธุกรรมเสมอไป มันเป็นเรื่องปกติที่บางทีคู่สามีภรรยาที่มีพลังสายเลือดจะให้กำเนิดเด็กธรรมดา ๆ ที่ไม่มีพลังสายเลือดอะไร หรือ ให้กำเนิดผู้มีพลังสายเลือดระดับสูงอันสมบูรณ์พร้อม

อย่างไรก็ตามพลังสายเลือดนั้นจะไร้ประโยชน์จนกว่ามันถูกปลุกขึ้นมา ซึ่งการตื่นของพลังสายเลือดจะเชื่อมโยงกับ “ระดับ” ของสายเลือดนั้น ๆ

ระดับสายเลือด สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ระดับ

โดยระดับสูงสุดคือ “ทอง” และต่ำสุดคือ “เหล็ก” การตื่นขึ้นของพลังสายเลือดในแต่ละครั้งจะเพิ่มระดับของสายเลือดหนึ่งระดับ ดังนั้นผู้ครอบครองสายเลือดระดับสูง อาจต้องได้รับการปลุกพลังหลายครั้งเพื่อให้สามารถเข้าถึงพลังสายเลือดของตนได้อย่างเต็มศักยภาพ

หรืออีกนัยหนึ่งผู้ครอบครองสายเลือดระดับเงินจะต้องถูกปลุกพลังขึ้นมาสองครั้ง และผู้ครอบครอง สายเลือดระดับทองจะต้องถูกปลุกพลังขึ้นมาสามครั้ง

จำนวนผู้ครอบครองสายเลือดในแต่ละระดับจึงมีน้อยลงไปตามระดับที่สูงขึ้น ว่ากันว่าผู้ครอบครองสายเลือดระดับทองนั้นหายากมาก ถึงขั้นที่ไม่มีให้เห็นในจักรวรรดิมานานหลายทศวรรษแล้ว

อลิเซียได้ถูกปลุกพลังสายเลือดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นระดับสายเลือดของเธอในตอนนี้ จึงเป็นระดับทองแดง

อย่างไรก็ตามพลังสายเลือดที่เพิ่งตื่นขึ้นมานั้น ยังอ่อนแอมาก จนไม่ได้รับความเคารพเท่าที่ควรและทำให้เด็กหญิงตกเป็นเป้าหมายในการรังแก

ความสามารถของอลิเซียคือการฟื้นฟูความเร็วสูง

แม้ว่ามันอาจจะฟังดูไม่น่าที่จะทำให้เกิดปัญหาอะไรได้ แต่การที่ผิวหนังของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เดือดระอุและรักษาอาการบาดเจ็บให้หายไปได้ด้วยตัวเอง เป็นภาพที่อาจทำให้คนบางคนรู้สึกไม่สบายใจ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ที่เหล่าเด็ก ๆ ผู้ยังไม่บรรลุนิติภาวะจะตอบสนองกับเธอในเชิงกลั่นแกล้ง

ด้วยความสามารถอันแปลกประหลาดนี้ ประกอบกับการที่พ่อของอลิเซียไม่ค่อยอยู่บ้านทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน ทำให้สาวน้อยมีวัยเด็กอันเศร้าหมอง

แน่นอนว่าเหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่ง ก็เพราะไม่มีใครคาดคิดว่า เด็กหญิงผมสีเงินตัวเล็ก ๆ คนนี้ ที่ไม่มีอะไรเด่นนอกจากหน้าตาจะสามารถปลุกพลังสายเลือดของเธอขึ้นสู่ระดับเงินและดึงความสามารถที่แท้จริงของตัวเธอออกมาได้อย่างเต็มที่

ขณะที่โรเอลกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องเหล่านี้ อลิเซียที่นั่งอยู่ตรงข้ามของเขาก็กำลังสั่นสะท้านด้วยความกลัว

เงามนุษย์ที่สะท้อนอยู่บนใบมีดและแสงแวววาวจากโลหะจากปลายแหลมของส้อม ทำให้เด็กหญิงนึกถึงภาพเหตุการณ์ในอดีตที่คอยหลอกหลอนเธอ

เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ในงานฉลองวันเกิดขององค์หญิง

ในขณะที่พ่อของอลิเซียกำลังเมามายจากการดื่มไวน์ ลูกชายสองสามคนจากตระกูลเคานต์และไวเคานต์ก็ได้เข้ามารังแกเธอ

พวกเขาต้อนอลิเซียเข้าจนมุมด้วยมีดและส้อมในมือ ปฏิบัติราวกับว่าเธอเป็นเครื่องมือที่มีไว้เพื่อสนองความบันเทิง พวกเขาไม่สนใจเสียงร้องไห้ของเด็กหญิงเลยแม้แต่น้อย เอาแต่เหวี่ยงมีดและส้อมแทงเข้าไปที่ร่างของเธอ ที่เลวร้ายที่สุดก็คือหนึ่งในพวกเด็กเหล่านั้นพยายามแทงส้อมเข้าไปในดวงตาของอลิเซีย เพื่อดูว่าเธอจะสามารถสร้างดวงตาขึ้นมาใหม่ได้หรือไม่

โชคดีที่ผู้ใหญ่คนหนึ่งบังเอิญสังเกตเห็นความโหดร้ายของเด็กเหล่านั้น และไล่พวกเขาออกไปได้ทันการณ์​ มิฉะนั้นสาวน้อยผมเงินอาจจะต้องกลายเป็นคนเสียสติจากความหวาดกลัว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นั้นก็ได้หลอกหลอนอลิเซียมานับตั้งแต่นั้น และกลายเป็นฝันร้ายที่สุดของเธอ

นับจากนั้นเป็นต้นมาอลิเซียก็เริ่มกลัวของมีคมเช่นมีดและส้อม ไม่ใช่เพียงแค่ของที่อยู่ในมือของคนอื่น แต่ยังรวมถึงตัวเธอเองด้วย ครั้งหนึ่งพ่อของเธอพยายามกระตุ้นให้อลิเซียเอาชนะความหวาดกลัวนี้ แต่มันก็ไร้ผล

ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่นั้นเครื่องครัวเพียงอย่างเดียวที่อลิเซียจะใช้ก็คือช้อน อย่างไรก็ตามเธอเพิ่งเข้ามาในตระกูลแอสคาร์ด เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา จึงไม่มีใครที่นี่รู้ว่า อลิเซียไม่สามารถใช้ส้อมและมีดได้ อีกทั้งอาหารจานหลักในวันนี้ยังเป็นสเต็กเนื้อแกะย่างกระทะ ซึ่งจำเป็นจะต้องใช้มีดและส้อมในการรับประทาน

อาหารจานหลักถูกเสิร์ฟบนโต๊ะอาหาร จากนั้นเหล่าคนรับใช้ก็ออกไปยืนรอข้างห้อง ในขณะที่เด็กชายผมดำหยิบมีดของเขาขึ้นมา แสงสะท้อนจากพื้นผิวโลหะของมันก็ทำให้สาวน้อยผมสีเงินตัวสั่นเทาไปด้วยความกลัว

“อลิเซีย นี่คือสเต็กเนื้อแกะสูตรพิเศษขึ้นชื่อของตระกูลแอสคาร์ด ลองชิมดูสิ”

โรเอลมองไปยังอลิเซียผู้กำลังหวาดกลัว ขณะที่เขาได้พูดคำที่ปิดกั้นเส้นทางหลบหนีของเธอออกมา

ที่เขาทำเช่นนี้นั้นไม่ใช่เพราะต้องการจะกลั่นแกล้งเธอ แต่เด็กชายต้อง “ยืนยัน” ข้อเท็จจริงเรื่องอาการโฟเบียของอลิเซียก่อน มิฉะนั้นเขาก็จะไม่สามารถยื่นมือออกไปช่วยน้องสาวได้

นี่เพิ่งจะเป็นครั้งที่สองที่พวกเขาได้พบกัน ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่โรเอลจะรู้ว่าอลิเซียไม่สามารถใช้เครื่องครัวที่มีคมได้ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องสร้างโอกาสให้ตัวเองสามารถเข้าไปแทรกแซงสถานการณ์ขึ้นมาเสียก่อน

น่าเสียดายที่คำพูดของโรเอลกลับทำให้จินตนาการในแง่ลบของอลิเซียโลดแล่น เด็กหญิงเหลือบมองเขาอย่างเคลือบแคลงใจ ดวงตาสั่นระริกไปด้วยความกลัว เพราะความเป็นไปได้บางอย่างได้ปรากฏขึ้นในใจของเธอ

เป็นไปได้ไหมว่าโรเอลจะเคยได้ยินเรื่องอาการโฟเบียของเธอมาก่อน?

แม้ว่าอลิเซียจะไม่มีทางที่จะพิสูจน์ข้อสงสัยนี้ได้เลย แต่เธอก็รู้ว่าแวดวงของคนชั้นสูงนั้นไม่ได้ใหญ่มากโดยเฉพาะในหมู่เด็ก ๆ ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับโรเอลที่จะได้เคยยินเรื่องเกี่ยวกับ ‘ตัวตนแปลกประหลาด’ อย่างอลิเซีย

หากเป็นเช่นนั้นแล้วล่ะก็ นั่นก็จะเป็นการอธิบายเหตุผลเบื้องหลังการจัดงานเลี้ยงอาหารกลางวันอย่างกะทันหันในวันนี้

ยิ่งไปกว่านั้น โรเอล ยังยกชื่อ ตระกูลแอสคาร์ด ขึ้นมาพูดอีกด้วย มันเหมือนเป็นการบีบบังคับให้อลิเซียต้องทำตามที่เขาพูด

การที่ขุนนางกล่าวชื่อตระกูลออกมานั้น พวกเขามักจะมีเจตนาใช้มันผูกมัดคนที่พวกเขากำลังคุยด้วย เพื่อทำให้สิ่งต่าง ๆ ดำเนินไปตามความตั้งใจของพวกเขา หากไม่คิดจะทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองล่ะก็ ทางเลือกเดียวก็คือจะต้องเห็นด้วยกับเขา

หากอลิเซียปฏิเสธโรเอลในตอนนี้ มันจะเป็นการดูหมิ่นตระกูลแอสคาร์ดเป็นอย่างมาก และโรเอลจะสามารถใช้มันเป็นข้ออ้างในการกลั่นแกล้งเธอได้ในอนาคต หากเธอทำเช่นนั้น

สาวน้อยผมสีเงินประสานมือกันแน่นใต้โต๊ะอาหารอยู่พักหนึ่ง

ฉันต้องไม่ให้เขารู้จุดอ่อนของฉัน มิฉะนั้น…หลังจากนี้สิ่งที่รอฉันอยู่ก็คือนรกขุมใหม่

ด้วยความคิดนี้ มือเล็ก ๆ อันสั่นเทิ้มของอลิเซียจึงค่อย ๆ ยื่นออกไปหาส้อมและมีดบนโต๊ะ ใบหน้าอันสวยงามของเธอซีดลงโดยเฉียบพลัน น้ำตาใส ๆ เอ่อคลอออกมาจากดวงตา เธอพยายามกัดลงบนริมฝีปาก เพื่อหยุดตัวเองเอาไว้ไม่ให้ครวญครางออกมา

โรเอลที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหารเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นอลิเซียเอื้อมมือไปหาส้อมและมีดของเธอ

เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเธอถึงหยิบเครื่องครัวเหล่านั้นขึ้นมากันล่ะ? อลิเซียในตอนนี้ไม่มีอาการหวาดกลัวต่อของมีคมอย่างนั้นเหรอ? โรเอลตกใจกับปฏิกิริยาของเธอ

ไม่ใช่แบบนั้นแน่! เธอไม่ได้อยากหยิบมันขึ้นมา มือของเธอกำลังสั่น! อลิเซียกำลังพยายามฝืนตัวเอง

เมื่อโรเอลเห็นว่าอลิเซียพยายามผลักดันตัวเองเพื่อที่จะเอาชนะความกลัว อดทนอดกลั้นที่จะไม่ร้องโอดครวญและหยิบเครื่องครัวขึ้นมา เขาก็รู้สึกเจ็บปวดในใจ เขาไม่สามารถทนเห็นฉากนี้ต่อไปได้จึงพูดแทรกขึ้นมาในทันที

“หยุดก่อน อลิเซียเพิ่ง 7 ขวบเองนี่นา ดูเหมือนว่าเธอจะยังใช้มีดและส้อมไม่เป็น …แอนนา” เขาเรียกหาสาวใช้

“นายน้อย มีคำสั่งอะไรเหรอคะ”

“ย้ายที่นั่งของฉัน ไปด้านข้างของอลิเซียทีสิ”

“ค่ะ นายน้อย”

สาวใช้รีบย้ายอาหารและเครื่องครัวของโรเอลไปข้าง ๆ อลิเซีย เด็กสาวได้แต่มองไปยังเด็กชายผมสีดำด้วยความตกใจขณะที่เขาเดินไปรอบ ๆ โต๊ะอาหาร เพื่อไปนั่งข้าง ๆ เธอ หลังจากนั้นเขาก็ดึงจานสเต็กเนื้อแกะของเธอไปที่ด้านหน้าของเขา

“ท…ท่านพี่?” เธอตกใจกับการกระทำของเขา

“ในเมื่อเธอยังใช้มีดและส้อมไม่เป็น งั้นขอให้ฉันช่วยหั่นสเต็กเนื้อแกะให้เธอเถอะ” เขาพูดและส่งยิ้มให้กับอลิเซีย

ขณะที่โรเอลกำลังหยิบมีดของเขาขึ้นมา เพื่อที่จะเริ่มทำการหั่นสเต็กเนื้อแกะ แอนนาก็ก้าวไปข้างหน้าจากด้านหลังและโค้งคำนับ

“นายน้อย โปรดฝากเรื่องดังกล่าวไว้ให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเถอะค่ะ” สาวใช้เอ่ยทัดทานนายน้อยของเธอ

“ไม่จำเป็น อลิเซียเป็นน้องสาวของฉัน ฉันจะดูแลเธอเอง” โรเอลยืนยันความต้องการของเขา

“…เข้าใจแล้วค่ะ นายน้อย”

แอนนารู้สึกตกใจเล็กน้อยกับคำพูดของโรเอล เธอจ้องมองไปยังเด็กชายผมสีดำอย่างครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะเดินกลับไปที่ด้านข้างของห้องอีกครั้งอย่างเงียบ ๆ

คำพูดของโรเอลเป็นดั่งคำประกาศต่อคนรับใช้ทุกคนในห้อง หรืออาจจะเรียกว่าเป็นคำเตือนก็ได้เช่นกัน

ไม่มีทางที่เหล่าคนรับใช้จะไม่สังเกตเห็นอาการก่อนหน้านี้ของอลิเซียว่าเธอไม่สามารถหยิบมีดและส้อมขึ้นมาได้

ทว่าพวกเขากลับไม่มีใครก้าวออกมาพูดคำต่าง ๆ เช่น ‘ให้ดิฉันทำแทนเถอะค่ะ นายหญิง’ แต่เลือกที่จะหันมาเอาหูไปนาเอาตาไปไร่แทน

หากโรเอลอยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับอลิเซีย คงจะมีใครบางคนเดินออกมาเพื่อให้บริการเขาแบบนั้นไปนานแล้ว

นี่ไม่ใช่เพียงประโยคที่แสดงถึงน้ำใจของโรเอล แต่ยังเป็นการสะท้อนให้เหล่าคนรับใช้เห็นว่า พวกเขานั้นให้ความสำคัญต่ออลิเซียในฐานะลูกบุญธรรมของตระกูลแอสคาร์ดเล็กน้อยเกินไป

สถานะของคนรับใช้ถูกกำหนดโดยตระกูลที่พวกเขารับใช้อยู่ และคนรับใช้ของตระกูลแอสคาร์ดเองก็ได้รับใช้ขุนนางชั้นสูงมามากมายในช่วงหลายปีที่พวกเขาทำงานที่นี่

ในมุมมองของพวกเขาลูกสาวของตระกูลบารอนจึงไม่ได้มีความสำคัญกับพวกเขาเท่าไหร่นัก

อย่างไรก็ตามในเมื่อโรเอลประกาศออกมาโดยตรงว่า อลิเซียนั้นเป็นน้องสาวของเขา เหล่าคนรับใช้ก็จะต้องมองเธอในฐานะสมาชิกที่แท้จริงของตระกูลแอสคาร์ด เป็นหนึ่งในเจ้านายคนสำคัญของพวกเขา

ใครก็ตามที่กล้าดูแคลนอลิเซีย หลังจากนี้จะถูกมองว่าเป็นการหยามเกียรติของโรเอล

แม้ว่าโรเอลจะสามารถสื่อความหมายของเขาออกมาได้เป็นอย่างดี แต่ในไม่ช้าเด็กชายตัวน้อยก็ต้องเสียใจกับการตัดสินใจของตน เพราะตอนนี้เขาเริ่มปวดแขนเสียแล้ว

บ้าที่สุด! ทำไมมีดกับส้อมมันถึงได้หนักขนาดนี้กัน? เด็ก 10 ขวบมันมีแรงแค่นี้จริง ๆ เหรอเนี่ย? เรากำลังจะแพ้สเต็กเนื้อแกะเนี่ยนะ? หลังจากที่เราพูดออกไปแบบนั้นแล้ว มันคงจะน่าอายมากแน่ ๆ หากเราหั่นมันด้วยตัวเองไม่ได้!

“ท…ท่านพี่ พวกเราควรจะให้คนอื่นทำแทนไหม…” เธอตัดสินใจเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นท่าทางของโรเอลไม่สู้ดีนัก

“ไม่เป็นไร ฉันทำได้” เขาพูดพร้อมรวบรวมแรงกายทั้งหมดไปที่จานสเต็กเจ้าปัญหา

โรเอลนั้นไม่เต็มใจที่จะยอมรับความจริงว่าเขาเป็นคนอ่อนแอ ประกายแสงภายในใจของเด็กชายถูกจุดขึ้นมา เขามองไปที่สเต็กเนื้อแกะอย่างก้าวร้าว ราวกับว่ากำลังจัดการกับศัตรูคู่อาฆาต

เมื่อเห็นการกระทำของเด็กชายผมดำจากด้านข้าง ท่าทีของอลิเซียก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ

หลายนาทีต่อมาในที่สุด โรเอล ก็สามารถหั่นสเต็กเนื้อแกะออกมาเป็นชิ้นขนาดพอดีคำได้ เขาโยนมีดและส้อมทิ้งแล้วตักเนื้อขึ้นมาด้วยช้อน

ใช่แล้ว ไม่ใช่แค่การหั่นเนื้อแกะให้อลิเซียเท่านั้น โรเอลคิดที่จะป้อนมันให้กับเธอด้วยเช่นกัน!

“อลิเซีย อ้าปากของเธอสิ” เขาบอกกับเธอพร้อมกับตั้งท่ารอที่จะป้อนเธอ

“อ้าปาก? ต…แต่…” อลิเซียอึกอักทำตัวไม่ถูก

“ฟังฉันแล้ว อ้าปากสิ” เขาย้ำอีกครั้ง

“ค…ค่ะ”

ดวงตาสีแดงเข้มทั้งคู่ของเธอได้สบเข้ากับดวงตาสีทองของเด็กชายบนโต๊ะอาหาร เด็กหญิงผมสีเงินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะปัดผมข้าง ๆ ใบหน้าของเธอออกแล้วโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อกินอาหารในช้อนของโรเอล

อลิเซียรู้สึกได้ถึงทัศนคติที่เปลี่ยนไปของทุกคนในห้องอาหารนี้ที่มีต่อเธอ เหล่าคนรับใช้ที่เคยมองเธอด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม ตอนนี้พวกเขากลับจ้องมองเธอด้วยความตกใจในความใกล้ชิดระหว่างพวกเขาไม่ก็กำลังครุ่นคิดพร้อมกับก้มหน้า

ด้วยการกระทำของโรเอล อคติต่าง ๆ ของพวกเขาที่มีต่ออลิเซียก็หายไปจนหมดสิ้น

ซอสผลไม้อันหอมกรุ่นของสเต็กเนื้อแกะกระจายเข้าไปในปากของเด็กหญิงพร้อมสัมผัสรสวานิลลาเล็กน้อย อลิเซียละเลียด​เนื้อขนาดพอดีคำอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อนึกถึงโรเอลที่พยายามอย่างมากในการเตรียมมันให้กับเธอ สาวน้อยก็รู้สึกอยากที่จะร้องไห้ออกมา

นอกจากพ่อของเธอแล้วยังมีคนอื่นอยู่จริง ๆ งั้นเหรอ ที่จะปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดีเช่นนี้?

“เป็นยังไงบ้าง? รสชาติดีใช่ไหม?” โรเอลถามเธอด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“… มันอร่อยมากค่ะ ” อลิเซียซาบซึ้งจนน้ำตารื้น

อลิเซียเคี้ยวเนื้ออย่างต่อเนื่องพลางใช้มือเช็ดน้ำตาอย่างลับ ๆ เธอมองไปยังเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอ สังเกตเห็นความอบอุ่นภายในแววตาของเขา

เด็กหญิงรู้สึกว่าตนเองควรจะพูดอะไรบางอย่างออกไปในสถานการณ์เช่นนี้ แต่ก็ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมาเมื่อเธอเปิดปาก

ไม่นานนักหลังจากที่คำพูดที่อลิเซียลังเลที่จะพูดออกไปหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุดเด็กสาวตัวน้อยก็พูดประโยคที่เธอพยายามบีบมันออกมาด้วยความยากลำบาก

“ขอบคุณค่ะ ท่านพี่”

(ได้รับ แต้มความสนใจ +1000!)

[1] โฟเบีย : Phobia อาการกลัวชนิดหนึ่งที่ไม่ปกติ มักจะเกิดกับความกลัวสิ่งของ บุคคล การกระทำ หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ การกลัวมีความรุนแรงทางอารมณ์ เป็นพฤติกรรมเชิงอารมณ์ที่รุนแรงที่จะปฏิเสธต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ ภายนอกที่จะทำให้เกิดอันตรายแก่ตนเอง