ใส่น้ำร้อนในกระทะอีกเล็กน้อย เจียวไข่ไก่หนึ่งฟองแล้วเทลงไป เมื่อไข่สุกแล้ว เซี่ยยวี่หลัวหั่นผักจี้ช่ายสดที่เหลือเมื่อครู่จนละเอียด หลังต้มจนสุกจึงใส่เกลือเล็กน้อย ตอนจี่แผ่นแป้งไข่ไก่ผักจี้ช่ายเมื่อครู่ บนกระทะมีน้ำมันแล้ว ครั้งนี้เซี่ยยวี่หลัวจึงไม่ได้ใส่น้ำมัน
ทำซุปไข่หนึ่งชามและแผ่นแป้งไข่ไก่ผักจี้ช่ายเสร็จแล้ว ตอนนี้วัตถุดิบที่จะนำมาทำอาหารมีไม่มาก ทั้งยังต้องใช้อย่างประหยัด เซี่ยยวี่หลัวคิดอย่างหนักก็ทำได้เพียงอาหารเหล่านี้ รอให้มีวัตถุดิบเมื่อไหร่ นางค่อยแสดงฝีมือเต็มที่
ถึงอย่างไรนางก็เป็นบล็อกเกอร์อาหารรสเลิศที่มีผู้ติดตามหลายแสนคน การทำอาหารย่อมไม่ใช่ปัญหา!
ภายในห้องครัวไม่มีโต๊ะ กินอาหารไม่สะดวก ภายในห้องเซี่ยยวี่หลัวมีโต๊ะหนึ่งตัว แต่หากไปกินที่ห้องตัวเอง เกรงว่าเด็กสองคนคงไม่กล้าไป
ดูเหมือนว่าในห้องของสองพี่น้องจะมีโต๊ะตัวเล็กหนึ่งตัว เซี่ยยวี่หลัวจึงยกซุปไข่ไก่ผักจี้ช่ายไปที่ห้องของเด็กสองคน
เซียวจื่อเมิ่งกัดขนมคำเล็กจนกินหมดหนึ่งชิ้น เลียรสขนมที่ติดตรงปลายนิ้วจนหมด ก่อนดื่มน้ำเย็นคำโต แต่ก็ยังคงหิวอยู่
กลิ่นหอมลอยมาจากห้องครัว เซียวจื่อเมิ่งสูดลมหายใจเข้าลึกสองครั้ง ก่อนกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง
หอมเหลือเกิน หิวกว่าเดิมเสียแล้ว
เซียวจื่อเซวียนก็ไม่ได้ดีกว่ากันมากนัก เมื่อครู่เซียวจื่อเมิ่งยังได้กินขนมหนึ่งชิ้น เขาไม่ได้กินเลยสักชิ้น ดื่มน้ำเย็นจนเต็มกระเพาะ เวลานี้ได้กลิ่นหอมที่ลอยมาจากห้องครัว ท้องร้องโครกครากจนรู้สึกกระวนกระวาย
ดื่มน้ำเย็นมากเกินไปขณะท้องว่างจะรู้สึกแย่กว่าเดิม
สองพี่น้องสูดดมกลิ่นหอมที่ลอยมาจากห้องครัว ต่างก็นั่งเงียบอยู่ริมเตียง ไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหว
ตราบใดที่เซี่ยยวี่หลัวอยู่ห้องครัว พวกเขาก็เข้าไปไม่ได้ มิเช่นนั้น โดนด่ายังถือว่าน้อย หากเซี่ยยวี่หลัวอาละวาดขึ้นมา อาจโดนตีได้
เซียวจื่อเมิ่งเบะปาก หันมองเซียวจื่อเซวียน กัดริมฝีปากทีหนึ่ง ก่อนก้มหน้าลง ทนไม่ไหวแล้ว เซียวจื่อเมิ่งยกน้ำเย็นบนโต๊ะขึ้นมาดื่ม
กลิ่นหอมเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ…
ด้านนอกเหมือนมีเสียงฝีเท้า
“ก๊อกก๊อก…”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทั้งยังมีเสียงตื่นเต้นดีใจของเซี่ยยวี่หลัวตามมาด้วยว่า “จื่อเซวียน จื่อเมิ่ง พวกเจ้าอยู่ข้างในหรือเปล่า? ข้าจะเข้าไปแล้วนะ!”
เมื่อเด็กสองคนได้ยินเสียงของเซี่ยยวี่หลัว ต่างก็ตกใจจนลุก “พรึ่บ” ขึ้นมาทันที เซียวจื่อเมิ่งหลบอยู่ด้านหลังเซียวจื่อเซวียน จ้องมองเซี่ยยวี่หลัวที่เดินเข้ามาด้วยอาการตื่นกลัว
ขอบชามร้อนมาก เดินมาตลอดทาง นิ้วของเซี่ยยวี่หลัวเกือบจะโดนลวกแล้ว เมื่อเห็นโต๊ะ จึงรีบเดินขึ้นหน้าสองก้าว วางชามลงบนโต๊ะ จากนั้นจึงใช้นิ้วจับหลังใบหู กล่าวด้วยรอยยิ้มเหยเก “โอ๊ย ร้อนจังเลย!”
เด็กสองคนเห็นเซี่ยยวี่หลัวที่เผยรอยยิ้มเหยเกก็ไม่กล้าส่งเสียง สายตามองไปที่โต๊ะ
ของสีเหลืองๆขาวๆในชามนั่น น่าจะเป็นไข่?
ของสีเขียวนั่น น่าจะเป็นผักตีนไก่?
หอมเหลือเกิน!
เซี่ยยวี่หลัวเห็นเด็กสองคนยืนนิ่งอยู่ที่ข้างเตียงไม่กล้าเคลื่อนไหว ได้แต่ยิ้มพร้อมกล่าว “ในห้องครัวยังมีแผ่นแป้งอีก ยังไม่ได้ลวกชามกับตะเกียบ ข้าจะไปลวกชามกับตะเกียบก่อน ใครอยากไปช่วยบ้าง?”
เซียวจื่อเซวียนจ้องเซี่ยยวี่หลัวด้วยท่าทีหวาดระแวง แม้ว่าในแววตาจะมีประกายเกรงกลัว แต่ก็ยังยืนหยัดปกป้องเซียวจื่อเมิ่ง ขวางอยู่ตรงหน้าน้องสาว
เด็กสองคนไม่กล่าวอะไร เซี่ยยวี่หลัวก็รู้ว่าไม่อาจเอาชนะใจคนได้ด้วยเวลาสั้นๆ นางหัวเราะทีหนึ่งก่อนกล่าว “ข้าจะไปเอาแผ่นแป้งมาจากห้องครัว พวกเจ้ารอข้าก่อนนะ!”
กล่าวจบ นางหันขวับเดินทางไปห้องครัว
เมื่อเห็นเซี่ยยวี่หลัวไปแล้ว เซียวจื่อเมิ่งจึงกล้าเดินออกมา สายตาของนางโดนซุปไข่หอมกรุ่นที่อยู่บนโต๊ะดึงดูดโดยสมบูรณ์!
ไม่รู้ว่านางทำอย่างไร ผักตีนไก่ที่มีแต่กลิ่นเหม็นเขียวถูกเซี่ยยวี่หลัวปรุงจนมีกลิ่นหอมขนาดนี้!
นางหิวมาก นางอยากกินเหลือเกิน
เซียวจื่อเมิ่งหันมองเซียวจื่อเซวียนด้วยท่าทีขอความช่วยเหลือ เบื้องลึกของแววตาเต็มไปด้วยประกายปรารถนาแรงกล้า
เซียวจื่อเซวียนดึงนางไว้ ส่ายหน้าพร้อมกล่าว “จื่อเมิ่ง อย่าแตะต้องของของนาง”
จู่ๆเซียวจื่อเมิ่งก็เหมือนโดนอะไรสะกิด รีบถอยหลังสองก้าว ถูกต้อง ของของเซี่ยยวี่หลัว นางไม่กล้าแตะต้อง
จำได้ว่ามีครั้งหนึ่ง เซี่ยยวี่หลัวซื้อเสื้อสวยงามมาหนึ่งตัว ใส่อยู่บนกายโอ้อวดไปทั่ว เซียวจื่อเมิ่งเห็นของที่เปล่งประกายวิบวับนั่น รู้สึกอิจฉายิ่งนัก เสื้อตัวนั้นราคาแพงมาก เซี่ยยวี่หลัวกลัวเซียวจื่อเมิ่งจะซักจนเสียหาย จึงซักด้วยตัวเอง ซักเสร็จก็ตากอยู่บนราวด้านนอก ตอนที่เซียวจื่อเมิ่งกลับบ้าน อาศัยจังหวะที่ไม่มีคน แอบจับเสื้อดู กลับโดนเซี่ยยวี่หลัวที่กลับบ้านมาพอดีพบเข้า
ครั้งนั้น เซี่ยยวี่หลัวตีมือของนาง ทั้งยังด่านางนานกว่าครึ่งชั่วยาม
ยังมีอีกหนหนึ่ง เซี่ยยวี่หลัวซื้อขนมกลับมา เพราะมีธุระด่วนเลยวางไว้บนโต๊ะ เซียวจื่อเมิ่งหิวแทบแย่ จึงแอบหยิบเศษขนมมากิน ไม่รู้ว่าทำไมถึงโดนเซี่ยยวี่หลัวพบเข้าพอดีอีก เซี่ยยวี่หลัวด่าว่านางลักขโมย ทั้งยังบอกว่าต่อไปนางจะโตไปเป็นหัวขโมย ก่นด่าด้วยวาจาร้ายกาจเสียยิ่งกว่าอะไร
สุดท้ายเซียวยวี่นำเงินเพียงน้อยนิดที่ตัวเองมีซื้อขนมให้เซี่ยยวี่หลัวใหม่ นางจึงยอมจบเรื่อง
นับตั้งแต่นั้นมา เซียวจื่อเมิ่งก็ไม่กล้าแตะต้องของของเซี่ยยวี่หลัวอีก
ความรู้สึกอยากอาหารในตอนแรก แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวในทันที เซียวจื่อเมิ่งจับมือเซียวจื่อเซวียนไว้ ดวงตาคู่โตเต็มไปด้วยประกายหวาดกลัว ไม่รู้ว่าเซี่ยยวี่หลัวคิดจะทำอะไรกันแน่
นางจะด่าคนอีกหรือเปล่า?
เซี่ยยวี่หลัวไปถึงห้องครัว ล้างชามที่มีรอยแตกจนสะอาด ก่อนใช้น้ำร้อนที่เดือดอยู่ลวกทีหนึ่ง แล้วจึงนำกลับไปที่ห้องของเด็กสองคนพร้อมกับแผ่นแป้งใส่ไข่
หลังจากเข้าไป เด็กสองคนยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีหวาดระแวงเหมือนเดิม ไม่กล้าเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย เมื่อเห็นเซี่ยยวี่หลัวเข้ามาอีกครั้ง เบื้องลึกแววตาฉายประกายตื่นกลัวชัดเจน เซี่ยยวี่หลัวเห็นแล้วรู้สึกปวดใจไม่ได้
นางวางแผ่นแป้งใส่ไข่ลง จากนั้นจึงตักซุปไข่ให้คนละชาม เซี่ยยวี่หลัวตักไข่แทบทั้งหมดใส่ในชามของเด็กสองคน เหลือไว้เพียงเศษไข่เล็กน้อย
แผ่นแป้งแบ่งไว้แล้ว คนละหนึ่งชิ้น เซี่ยยวี่หลัวแบ่งออกมาวางไว้ตรงหน้าพวกเขา กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หิวแล้วสินะ เร็ว รีบนั่งลงกินตอนยังร้อนอยู่!”
เซี่ยยวี่หลัวกำลังเรียกให้พวกเขากินอาหาร?
เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งนึกว่าตัวเองหิวจนตาลาย ไม่กล้าขยับเขยื้อน
เซี่ยยวี่หลัวเห็นพวกเขาไม่เคลื่อนไหว จึงกล่าวอีกครั้ง “หากกินซุปไข่ที่เย็นแล้วจะท้องเสีย แผ่นแป้งใส่ไข่นี่กินตอนยังร้อนถึงจะหอมอร่อย รีบนั่งลงกินสิ!”
เซียวจื่อเมิ่งกระพริบตาปริบๆ มองเซี่ยยวี่หลัวด้วยแววตาใสซื่อประหนึ่งตาของกวางน้อยก็มิปาน เบื้องลึกแววตามีความหวั่นเกรง หวาดกลัว และความปรารถนา
เซี่ยยวี่หลัวไม่รู้ว่าเป็นอะไรไป หญิงสาวรู้สึกแสบจมูกขึ้นมา นางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง “อันนี้อร่อยมากจริงๆนะ!”
นางคิดว่าเด็กสองคนคงกังวลว่าตัวเองจะใส่อะไรลงไปในอาหาร เซี่ยยวี่หลัวดื่มซุปคำหนึ่ง ก่อนกัดแผ่นแป้งใส่ไข่หนึ่งคำ จงใจกล่าว “อื้ม อร่อยจริงๆ อร่อยมาก!”
ความคิดแรกของเซียวจื่อเซวียนคือ สตรีผู้นี้คิดจะทำอะไรอีก!
ทว่า เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้ทำอะไรเลย คอยเรียกให้พวกเขากินอาหารด้วยท่าทางโอบอ้อมอารี แผ่นแป้งใส่ไข่และซุปไข่หอมกรุ่นกระตุ้นต่อมอยากอาหารของเด็กสองคน สุดท้ายความหวั่นเกรงที่มีต่อเซี่ยยวี่หลัวก็ไม่อาจทัดทานเสน่ห์ดึงดูดของอาหารโอชารสได้ เซียวจื่อเซวียนรีบเดินขึ้นหน้า ยกซุปหนึ่งชามและหยิบแผ่นแป้งหนึ่งแผ่น ยื่นให้เซียวจื่อเมิ่ง ก่อนจะยกซุปและแผ่นแป้งของตัวเอง
เพียงแต่ เด็กสองคนไม่กล้านั่ง
สถานที่ที่มีเซี่ยยวี่หลัว พวกเขาต้องหลบให้ห่าง