บทที่ 604 ขุมนรกสีเลือดในความทรงจำ โดย Ink Stone_Fantasy
เป็นไปตามคาด เมื่อหลิงม่อจู่โจมโดยไม่คำนึงถึงระดับการเผลผลาญ ในที่สุดเงาร่างดำนั้นก็ถูกเขาหยุดยั้งไว้ได้
เมื่อกี้เงาร่างดำไม่เห็นมนุษย์คนนี้อยู่ในสายตา กระทั่งใช้เขาเป็นตัวเปิดทาง แต่ตอนนี้มันกลับต้องพุ่งเป้าความสนใจที่หลิงม่ออย่างเลี่ยงไม่ได้แล้ว
แต่เพิ่งจะยื้อหยุดกับหลิงม่อได้ไม่ได้ หลิงม่อก็พบว่า อีกฝ่ายดูร้อนรนมาก
“จี๊ด จี๊ด!”
ซอมบี้ทารกดิ้นขลุกขลักอย่างอ่อนแรงอยู่ในมือซย่าน่า มันอ้าปากส่งเสียงร้อง หลอดที่เหลือเพียงครึ่งเดียวในช่องปากของมันยังคงยื่นๆ หดๆ อยู่อย่างนั้น
พอได้ยินเสียงร้อง เงาร่างดำก็เหลือบมองไปข้างหลังอย่างไม่รู้ตัว คลื่นดวงจิตพลันเกิดช่องโหว่ขึ้นทันที
“โอกาสดีล่ะ!”
ถึงแม้จะแค่เสี้ยววินาที แต่หลิงม่อกลับจับสัมผัสได้อย่างรวดเร็ว
ภายใต้การควบคุมของเขา หนวดสัมผัสทางจิตหลายเส้นพุ่งตรงออกไปยังจุดอ่อนของดวงแสงแห่งจิตของอีกฝ่ายทันที
พลังจิตถูกสกัดกั้นไว้ ไม่ว่าจะเป็นจู่โจมในรูปสสารหรือพลังจิตก่อกวน ล้วนประสิทธิภาพต่ำถึงขีดสุด
ดังนั้นวิธีการโจมตีของหลิงม่อมีเพียงหนึ่งเดียวคือ กิน!
หนวดสัมผัสเหล่านี้หากเริ่มจับตัวเป็นสสารเมื่อไหร่ก็จะมลายหายไปอย่างรวดเร็ว แต่พอหลิงม่อสั่งให้พวกมันเกาะติดดวงแสงแห่งจิตของอีกฝ่ายไว้ให้แน่นเหมือนตั๊กแตน พร้อมกับสั่งให้กลืนกินอาหารอย่างตะกละตะกลาม หลิงม่อกลับเป็นฝ่ายได้เปรียบ!
พลังจิตของซอมบี้ตัวนี้ กลับแข็งแกร่งไม่เบา!
ทว่าการค้นพบที่เหนือความคาดหมายนี้ ไม่เพียงไม่ได้ทำให้หลิงม่อรู้สึกกดดัน ตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกยินดีอย่างควบคุมไม่ได้!
ต้องบอกก่อนว่า เขาไม่ได้เจอคนที่เหมาะสมสำหรับการถูกกลืนกินมานานมากแล้ว!
ตอนที่อยู่ในกองกำลัง F ถึงแม้จะมีผู้มีความสามารถพิเศษด้านพลังจิตเดินผ่านไปผ่านมาอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็พุ่งเข้าไปดูดพลังมาไม่ได้นี่นา! เขาไม่ใช่ฆาตกรโรคจิตซักหน่อย…
และพอเจอซอมบี้ พวกมันต่างก็ไม่ได้มีพลังจิตที่แข็งแกร่ง พลังงานอันน้อยนิดที่ได้มาจากการดูดกลืนพวกมัน ยังไม่มากเท่าพลังงานที่หลิงม่อเผาผลาญไปตอนที่โจมตีและกลืนกินพวกมันเลย
แต่ซอมบี้กลายร่างตัวนี้ที่อยู่ตรงเขา กลับแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง!
หลิงม่อรู้สึกได้ สมองของอีกฝ่ายต้องผ่านการกลายพันธุ์มาอย่างแน่นอน พลังงานทางจิตที่ซอมบี้ตัวนี้มี แทบจะอยู่ในระดับเดียวกับซย่าน่าเลยก็ว่าได้!
“นี่มันสายพันธุ์ไหนกันแน่…”
หลังจากดีอกดีใจ หลิงม่อก็อดคิดอย่างสงสัยไม่ได้
พอถูกหลิงม่อกลืนกิน ซอมบี้ตัวนี้ก็แสดงอาการเจ็บปวดทรมาน จู่ๆ มันก็อ้าปากคำรามเสียงดัง และกระโจนเข้าใส่หลิงม่อทันที
“หึหึ เข้ามาเลย” หลิงม่อหัวเราะ
อีกฝ่ายคงจะเข้าใจอยู่บ้างว่าอะไรคือการท้าทาย มันคิดจะเบรกกะทันหันหลังจากวิ่งไปได้ครึ่งทาง แต่กลับพบว่าซอมบี้สาวอีกสองตัวล้อมเข้ามาเรียบร้อยแล้ว
“จี๊ด จี๊ด!”
ซอมบี้ทารกกรีดร้องอย่างตื่นตระหนก ไม่รู้ว่าเพราะเป็นห่วงเงาร่างดำ หรือกำลังร้องขอความช่วยเหลือจากเงาร่างดำกันแน่
เสียงร้องของมันส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของเงาร่างดำอย่างเห็นได้ชัด เดิมเงาร่างดำยังมีโอกาสต้านทานไปได้ครู่หนึ่ง แต่เพราะเสียงร้องของซอมบี้ทารกมันจึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบโดยสิ้นเชิง
ด้านพลังจิต เงาร่างดำถูกหลิงม่อเล่นงานอยู่หมัด จึงไม่มีโอกาสแบ่งสมาธิไปจู่โจมเย่เลี่ยนและหลี่ย่าหลิน
ความจริงแล้วในด้านวิธีการใช้พลังจิต เงาร่างดำมีวิธีการใช้พลังเพียงรูปแบบเดียว ซึ่งก็คือจู่โจมดวงจิต…
ส่วนหลิงม่อนั้น ถึงแม้สภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยต่อเขา แต่การที่เขาคิดกลวิธีใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ ทำให้อีกฝ่ายตั้งรับไม่ทัน
หลังก้าวข้ามความอึดอัดที่ถูกสกัดพลังในตอนแรก หลิงม่อรู้สึกว่าตัวเองโจมจีได้คล่องแคล่วขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
เขารู้สึกกระทั่งว่าที่แห่งนี้เป็นสนามฝึกซ้อมที่ไม่เลวสำหรับเขา การใช้พลังพิเศษในที่แห่งนี้ ทำให้เขารู้สึกมั่นใจมากกว่าเดิม
ถ้าหากไม่ใช่ว่าตอนนี้ไม่สะดวกอยู่นานล่ะก็ เขายังอยากฝึกซ้อมต่ออีกซักหน่อย
เมื่อท่าไม้ตายในการสังหารเพียงหนึ่งเดียวใช้ไม่ได้ผล อาศัยเพียงความเร็วและกำลัง เงาร่างดำไม่อาจต้านทานการโจมตีขนาบข้างซ้ายขวาจาหลี่ย่าหลินและเย่เลี่ยนได้
เย่เลี่ยนลั่นกระสุนออกไปบ้างเป็นบางครั้ง แต่กลับสามารถทำให้มันได้แผลใหญ่ทุกนัด ส่วนหลี่ย่าหลินนั้นโฉบกายไปมาราวภาพลวงตาที่จับต้องไม่ได้ องศาในการโจมตีก็พลิกแพลงจนจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน เหมือนงูที่เลื้อยไปเลื้อยมาอยู่ในพงหญ้าไม่มีผิด
ยืนหยัดได้ไม่นาน ท่ามกลางเสียงกรีดน้องแหลมๆ ของเงาร่างดำ มันถูกเย่เลี่ยนใช้ปืนจ่อไปที่ส่วนท้องและลั่นไกจนเลือดเนื้อกระจุยกระจายในชั่วพริบตา
“เดี๋ยวก่อน! อย่างเพิ่งฆ่า!” หลิงม่อรีบร้องห้าม
เงาร่างดำกระเด็นลอยออกไปข้างหลัง หลิงม่อรีบวิ่งตามไปติดๆ
ร่างกายของซอมบี้เงาร่างดำที่ยังไม่สิ้นลมกระตุกสั่นอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานมันก็อ่อนแรงนอนลงไปบนพื้นด้วยดวงตาไร้พลังชีวิต
ระหว่างที่กำลังกลืนกินพลังจิตของอีกฝ่าย ภาพความทรงจำก็ผุดขึ้นมาให้หลิงม่อเห็นอย่างไม่อาจปฏิเสธได้เหมือนทุกครั้ง…
จากภาพที่ขาดๆ หายๆ เหล่านั้น ซอมบี้ตัวนี้ไม่ใช่แหล่งแพร่เชื้อที่ปรากฏตัวขึ้นเป็นตัวแรก แต่กลับเป็นซอมบี้กลายร่างที่ถูก “ผลิตออกมา” ชุดแรก
เหมือนอย่างที่หลิงม่อเดาไว้ อวัยวะหลักที่เกิดการเปลี่ยนแปลงของพวกมัน ไม่ใช่มือ และไม่ใช่เท้า แต่เป็นสมอง
ซึ่งนั่นไม่เพียงทำให้พวกมันฉลาดกว่าซอมบี้ทั่วไป แต่ยังทำให้มีพลังจิตที่แข็งแกร่งอีกด้วย
จอมคลุ้มคลั่งที่พวกหลิงม่อเจอก่อนหน้านี้ เป็นกลุ่มซอมบี้ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ส่วนมือเป็นหลัก สมองของมันเปลี่ยนแปลงไปเพียงเล็กน้อย ถึงแม้สติปัญญาเพิ่มขึ้น แต่มันกลับเป็นผลิตภัณฑ์บกพร่องที่ไม่ได้รับพลังจิตไปด้วย
อีกอย่างหากพูดให้ถูกต้อง ซอมบี้ตัวที่ถูกหลิงม่อดูดกลืนพลังนี้ เมื่อเทียบกับแหล่งแพร่เชื้อตัวแรกสุด ถือว่ายังห่างชั้นกันไกล
สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือพวกมันไม่เหมือนผู้มีพลังจิตที่เป็นมนุษย์ ที่ต้องพัฒนาพลังจิตโดยผ่านการฝึกฝน และต้องพักฟื้นเป็นเวลานานหลังจากเผาผลาญพลังจิตไป
แต่วิธีการพักฟื้นของพวกมัน ก็คือทำให้ตัวเองกลายเป็น “ดักแด้” อีกครั้ง
น้ำเมือกเหล่านี้สามารถสกัดกั้นพลังจิตเอาไว้ได้ และสามารถดูดกลืนได้ในปริมาณเล็กน้อย ถือว่าได้ประโยชน์ทั้งสองทางเลยทีเดียว
และนี่ก็เป็นสาเหตุที่จอมคลุ้มคลั่งเลือกไปจากที่นี่ แต่ซอมบี้สมองดีตัวนี้กลับเลือกที่จะอยู่ที่นี่ต่อ
ที่นี่ถือว่าเป็นรังของพวกมัน ในฐานะซอมบี้ระดับสูง พวกมันเองก็มีลักษณะนิสัยออกไปล่าเหยื่อ และเอาเหยื่อกลับมาเหมือนกัน
น้ำเมือกเหล่านี้ปกปิดตัวตนของพวกมันได้เป็นอย่างดี ส่วนเรื่องที่ว่าพวกมันถูกอวี๋ซือหรานเจอได้อย่างไร คงทำได้แค่ถามยัยซอมบี้โลลิให้รู้เรื่องหลังจากตามหาพวกเธอจนเจอ
เวลานี้สิ่งที่กวนใจหลิงม่อที่สุด คือหนึ่งในภาพเหล่านั้นที่จู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมา
ท่ามกลางความมืดมิดแห่งหนึ่ง จู่ๆ ก็มีดวงตาสีแดงเลือดคู่หนึ่งประกายขึ้นมา…
มันทั้งน่าทึ่งและน่ากลัว เหมือนปีศาจเหล่านี้ที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด แต่ขณะเดียวกันมันกลับดูแตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด
ดวงตาประกายแดงคู่นั้นลึกล้ำมาก ราวกับบ่อโลหิตที่ก้นบึ้งลึกจนมองไม่เห็น
เพียงมองแวบเดียว ก็ทำให้รู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าไปทั้งตัว…
ตัวแพร่เชื้อตัวแรก!
คำคำนี้ผุดขึ้นมาในสมองของหลิงม่อทันที
มีเพียงตัวแพร่เชื้อตัวแรกเท่านั้น ที่จะมีดวงตาอย่างนี้ได้…
มันคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อพลังจิตพัฒนาจนถึงระดับที่สูงมากพอแล้วเท่านั้น สำหรับคนจิตอ่อน เพียงสบดวงตาคู่นี้เข้าก็ดวงจิตก็จะถูกก่อกวนได้อย่างง่ายดายแล้ว
แต่คนที่สามารถเอาตัวรอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้ ก็ถือว่าเป็นคนจิตแข็งเสียวส่วนใหญ่
ส่วนซอมบี้…เดาว่ายังไม่ทันได้สบตากัน ซอมบี้ก็คงวิ่งเข้ามาหาเองแล้ว
“ฟู่!”
หลิงม่อตั้งสติให้มั่นทันที เขาสะบัดหัวไปมา
“นายเป็นอะไรไปน่ะ?” หลี่ย่าหลินถาม
ดวงตาคู่นั้นยังติดตรึงอยู่ในหัวของเขาไม่หาย “ผมว่า ผมเจอซอมบี้ตัวหนึ่ง…” เขาอึกอักอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงสับสน “ซอมบี้ที่อาจมีพลังจิตที่แข็งแกร่งที่สุด”
“อยู่ที่ไหน?” ซย่าน่าตวัดสายตามองไปรอบตัวทันที
“ไม่ได้อยู่ที่นี่” หลิงม่อส่ายหน้าไปมา “แต่…มันไปจากที่นี่นานมากแล้ว”
ในภาพที่หลิงม่อเห็น ดวงตาสีแดงคู่นั้นโผล่ขึ้นมาเพียงครั้งเดียว และซอมบี้ตัวนี้ก็เป็น “ผลิตภัณฑ์” ชุดแรก
ถ้าหากในสมองของมันไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับตัวแพร่เชื้อตัวแรกที่มากกว่านี้ ก็แสดงว่าอีกฝ่ายได้จากที่นี่ไป หลังจากที่สร้างพวกมันขึ้นมา
นับจากนั้นมาโรงงานแห่งนี้ก็ถูก ”ผลิตภัณฑ์” เหล่านี้ควบคุมดูแล และพวกมันก็ขับเคลื่อนวงจรการผลิตนี้มาเรื่อยๆ
ในทางทฤษฎี ความเป็นไปได้ที่ “ผลิตภัณฑ์” ชุดต่อๆ มาจะมีพลังจิตจะลดต่ำลงเรื่อยๆ และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำไมพวกหลิงม่อถึงได้เจอแต่ซอมบี้กลายร่าง ซึ่งกลายร่างตรงส่วนแขนและขาเป็นหลัก
“อา อย่างนั้นหรอ…” พอได้ยินคำตอบของหลิงม่อ ซย่าน่าก็ทำได้เพียงหยุดกวาดมองรอบด้าน
“อืม…” หลิงม่อส่งเสียงรับคำ ขณะเดียวกันก็กุมศีรษะลุกขึ้นยืน
เขายิ้มออกมาอย่างประหลาดใจปนดีใจ หลังจากที่ซอมบี้กลายร่างตัวนี้ถูกดูดพลังจนหมด เขาก็ได้รับการฟื้นฟูพลังจิตกลับมาแทบจะทั้งหมดตามที่คาดไว้
ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีพลังงานอีกส่วนที่กำลังถูกดูดกลืนอย่างช้าๆ ทันทีที่ขั้นตอนเหล่านี้เสร็จสิ้น พลังจิตโดยรวมของเขาก็จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
และพลังจิตโดยรวมของซอมบี้ตัวนี้ บางทีอาจมีไม่ถึงหนึ่งในสิบของตัวแพร่เชื้อตัวแรกเลยก็เป็นได้…
“อย่าใจร้อนๆ…” หลิงม่อรีบหักห้ามความคิดตัวเองทันที แล้วบอกว่า “ต้องรีบตามหาอวี๋ซือหรานอีก พวกเราลงมาข้างล่างนี้สิบกว่านาทีแล้ว หากชักช้าอีก พวกมู่เฉินต้องลงมาตามหาแน่ๆ”
“แต่ใครจะไปรู้ว่าพวกอวี๋ซือหรานอยู่ที่ไหน…” หลี่ย่าหลินเสยผม แล้วบอก
หลิงม่อมองซอมบี้ทารกในมือซย่าน่าด้วยสายตาแปลกๆ แล้วหัวเราะคิกคัก “พวกเรามีเจ้านี่อยู่ไม่ใช่หรอ?”
—————————————————————————–