ตอนที่ 6 สาวงามที่แสนดีเอ๋ย เจ้าเป็นที่หมายปองของชายหนุ่ม

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอนที่ 6 สาวงามที่แสนดีเอ๋ย เจ้าเป็นที่หมายปองของชายหนุ่ม

เย่ฉางชิงมองสำรวจราชันทมิฬอย่างสนใจ

เขากำลังครุ่นคิดว่าเจ้าลูกหมาตัวน้อยที่รักตัวกลัวตายตั้งแต่เด็กตัวนี้ หนึ่งปีที่หายไปมันไปเจอกับอะไรมาบ้าง

ตอนนี้มิเพียงแต่มันมีร่างกายบึกบึนแถมยังดูน่ากลัวมากอีกด้วย แต่ทว่านิสัยรักตัวกลัวตายนี้กลับมิเปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิดเดียว

แต่ตอนนี้มันกลับมานอนหมอบอยู่ที่พื้นทำไมกัน ?

เมื่อนึกขึ้นมาได้ เย่ฉางชิงจึงเลื่อนสายตามองไปยังภาพที่อยู่ตรงหน้าของราชันทมิฬ

‘ภาพราชันทมิฬ’

ที่จริงแล้วภาพนี้ก็มิมีอะไรเป็นพิเศษ

เป็นเพียงภาพสุนัขสีดำตัวใหญ่ตัวหนึ่งสวมกางเกงตัวใหญ่ยืนอยู่ราวกับมนุษย์ ด้านหน้ามีเมฆหมอกล่องลอยตัดกับลำแสงของพระเจ้าที่ปกคลุมอยู่ด้านหลัง แสงที่สาดส่องดูทรงพลังยิ่งนัก

ภาพราชันทมิฬภาพนี้เย่ฉางชิงเป็นคนวาดขึ้นเมื่อสี่ปีก่อน ตอนนั้นเขาได้ยินว่าบนโลกนี้ยังมีราชาปีศาจที่น่ากลัวหลงเหลืออยู่ และเพราะเขามิมีรากวิญญาณจึงทำให้มิสามารถบำเพ็ญเพียรได้ เขาจึงได้แรงบันดาลใจมาจากตัวของราชันทมิฬโดยบังเอิญ

เขาฝากความหวังเอาไว้ที่ราชันทมิฬ หวังว่าต่อไปมันจะสามารถฝึกตนและกลายเป็นราชาปีศาจกับเขาได้บ้าง

หากมีวันนั้นจริง ๆ ต่อให้เขาจะมิสามารถบำเพ็ญเพียรได้ แต่อย่างน้อยก็มีราชาปีศาจไว้คอยคุ้มกันสักตัว ถึงตอนนั้นคาดว่าบนโลกนี้คงมีมิกี่คนที่กล้ามาคุยโวต่อหน้าเขา

หากเป็นเช่นนั้นล่ะก็…

‘เจ้ากล้าเยาะเย้ยข้า ราชันทมิฬ จัดการมัน ! ’

‘เจ้ากล้าดูถูกข้า ราชันทมิฬ สังหารมัน ! ’

‘เจ้ากล้าล่วงเกินข้า ราชันทมิฬ สั่งสอนมัน…’

แต่สุดท้ายเมื่อเย่ฉางชิงวาดภาพราชันทมิฬเสร็จก็ต้องรู้สึกเสียใจภายหลัง

เพราะในตอนนั้นเมื่อราชันทมิฬได้เห็นภาพนี้มันกลับตกใจกลัว จนล้มลงนอนตัวสั่นอยู่กับพื้นส่งเสียงครางหงิง ๆ ไม่หยุด

อีกทั้งยังกลัวจนหมดท่าอยู่อย่างนั้นนานถึงครึ่งปีอีกด้วย

‘สุนัขที่ขี้ขลาดราวกับหนูเช่นนี้ จะฝึกตนเป็นราชาปีศาจได้อย่างนั้นรึ ? ’

เมื่อคิดเช่นนั้นเย่ฉางชิงหัวเราะขึ้นมา

กว่าจะรู้ตัวยามราตรีก็ย่างกรายเข้ามาปกคลุมเสียแล้ว

เย่ฉางชิงที่กินดื่มมาจนอิ่มหนำสำราญ กลัวว่าราชันทมิฬจะหิวจนเห่าหอนขึ้นมายามดึก จึงได้นำอาหารที่เหลืออยู่ในครัวมาวางไว้ตรงหน้าของราชันทมิฬ

‘เหตุใดถึงน่าเบื่อเช่นนี้นะ’

เย่ฉางชิงดีดพิณอยู่เพียงลำพัง เดินหมากกับตัวเอง รอจนถึงเวลาดึกสงัดจึงได้กลับห้องไปนอน

ไม่นานราชันทมิฬที่หมอบอยู่ในร้าน ในที่สุดก็เริ่มขยับตัว

เห็นเพียงแสงที่หมุนวนอยู่รอบกาย ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นลืมขึ้นมาช้า ๆ ทันใดนั้นกลับกลายเป็นแสงสีทองเจิดจ้า ไอปีศาจมหาศาลปะทุออกมาในพริบตา

แต่เพียงแวบเดียวไอปีศาจก็มลายหายไปอย่างน่าฉงน

‘เจ้าราชาปีศาจเพลิงที่น่ารังเกียจ กล้าร่วมมือกับราชาปีศาจตนอื่นจนทำให้ข้ากลับคืนสู่ร่างเดิม แต่โชคดีที่หนีกลับมาได้ ถึงเวลาข้าจะแก้แค้นพวกเจ้าด้วยเลือด ! ’

คิดถึงตรงนี้ราชันทมิฬก็อดที่จะแยกเขี้ยวออกมามิได้ ดวงตาสีทองเจิดจ้าคู่นั้นเต็มไปด้วยเพลิงแห่งโทสะและไอสังหาร

แต่ไม่นานก็สงบลง…

ย้อนถึงตอนนั้นที่ได้พบกับเย่ฉางชิง มันยังมิรู้แจ้งจึงดูเป็นเพียงลูกสุนัขตัวหนึ่งเท่านั้น และไม่นานก็ได้ตามเย่ฉางชิงมาอาศัยอยู่ที่เมืองเสี่ยวฉือแห่งนี้

แต่ทว่าด้วยความที่ซึมซับคลื่นปราณแห่งลัทธิเต๋ามาเป็นเวลานาน ทำให้หลังจากนั้นมิถึงครึ่งเดือนมันก็สามารถรู้แจ้งได้สำเร็จ

ต่อมาหลังจากนายท่านได้วาดภาพศักดิ์สิทธิ์ภาพนี้ให้ และด้วยภาพศักดิ์สิทธิ์นี้มิเพียงแต่ไปกระตุ้นสายเลือดสัตว์เทพในร่างกายได้เท่านั้น แต่มันยังสามารถฝึกตนได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

เวลาไม่ถึงสี่ปีมันจึงได้บรรลุถึงขอบเขตของราชาปีศาจ ที่เหล่าปีศาจธรรมดาต่างใช้ทั้งชีวิตดิ้นรนเพื่อมัน

หลังจากเงียบไปนานราชันทมิฬก็อดที่จะปาดน้ำตาและรำพึงกับตัวเองว่า ‘หนึ่งปีก่อนข้ามิน่าตามจิ้งจอกเฒ่าตัวนั้นไปจากนายท่านเลย แม้ว่าจะอยู่ในขอบเขตราชาปีศาจ แต่เมื่ออยู่ในหนานหลิงขอบเขตนี้ก็มิได้ทรงพลังอย่างที่คิด’

‘แต่ยังโชคดีที่ในที่สุดข้าก็หลบหนีกลับมาได้ อีกทั้งนายท่านยังรับข้าไว้โดยมิถือโทษเรื่องที่ผ่านมาอีกด้วย พวกเศษสวะที่ตามไล่ล่าข้า ข้ามีนายท่านคอยคุ้มครอง ต่อให้จ้าวปีศาจทั้งสี่แห่งหนานหลิงจะรวมตัวกัน ต่อหน้านายท่านของข้าแล้ว พวกมันก็ยังเป็นเพียงมดปลวกเท่านั้น ! ’

‘นับจากนี้ไปข้าราชันทมิฬขอสาบานต่อฟ้าว่าข้าจะมิจากนายท่านไปไหนอีก’

คิดแล้วราชันทมิฬก็แลบลิ้นสีแดงสดออกมาเลียมุมปาก และเอ่ยด้วยใบหน้าเคลิ้มฝัน ‘เมื่อไหร่ข้าจะมีจิตบริสุทธิ์เช่นนายท่านบ้างนะ ? ’

ราชันทมิฬที่เกิดความรู้สึกนี้ก็รอจนอารมณ์สงบลง จากนั้นจึงได้ค่อย ๆ เดินไปยังด้านหลังเรือน

ก่อนจะเดินไปหมอบลงที่ด้านนอกของเรือนไม้ที่เย่ฉางชิงอาศัยอยู่อย่างระแวดระวัง และดวงตาก็ค่อย ๆ ปิดลงไป

เวลาผ่านไปเกือบ 1 ก้านธูป จู่ ๆ ราชันทมิฬก็ลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว และพึมพำกับตัวมันเองว่า ‘เมื่อก่อนนายท่านชอบเอ่อว่า สาวงามที่แสนดีเอ๋ย เจ้าเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มมิใช่รึ อีกทั้งกลับมาครั้งนี้ข้าก็มิมีของอะไรกลับมาฝากนายท่านด้วย’

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาดวงตาของราชันทมิฬก็ส่องประกายเจิดจ้า หลังจากนั้นจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นเดินออกไปจากเรือน ก่อนจะหายไปในความมืดยามค่ำคืนอย่างรวดเร็ว

……………….

เช้าวันรุ่งขึ้น

เมื่อขอบฟ้าค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีขาว เย่ฉางชิงก็ตื่นขึ้นมาด้วยความเคยชิน

ปกติแล้วเวลานี้เขาต้องล้างหน้าล้างตา แล้วไปโรงเรียนเพื่อทำการสอนเด็ก ๆ

เย่ฉางชิงลูบหน้าตัวเองขึ้นลง ไม่นานก็หายจากความง่วงงุน

“ใช่แล้ว พวกเขาไปฝึกตนที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนกันหมดแล้ว ข้าจะตื่นเช้าขนาดนี้ทำไมกัน ? ”

เย่ฉางชิงเบะปากออกมา ก่อนจะค่อย ๆ หลับตาลงเตรียมนอนอีกครั้ง

แต่ทว่าวินาทีต่อมา เขาก็ต้องลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว และหันไปมองข้างกายทันที

เขาพบว่ามีสตรีลึกลับนางหนึ่งมานอนอยู่บนเตียงของเขา เขามิรู้ว่านางมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อใด และด้วยสาเหตุใดก็มิอาจรู้ได้

‘นี่มันเรื่องอะไรกัน ? ’ ใบหน้าเย่ฉางชิงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

‘หรือว่าเพียงแค่ตื่นมา จู่ ๆ ก็ปลุกดัชนีทองคำอะไรขึ้นมาได้งั้นรึ ? ’

เมื่อเห็นสตรีลึกลับที่หลับสนิทอยู่ข้างกายและหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ เย่ฉางชิงก็อดที่จะตกตะลึงมิได้ แต่ก็ยังแอบดีใจอยู่ลึก ๆ

มิหนำซ้ำสตรีลึกลับนางนี้ช่างงดงามยิ่งนัก

แม้เทียบกับลู่อู๋ซวงเมื่อวานแล้ว สตรีลึกลับผู้นี้จะขาดความพริ้มพราวไปบ้างเล็กน้อย แต่เรือนร่างของสตรีผู้นี้กลับมีเสน่ห์บางอย่างที่ต่างออกไป

ผิวพรรณละเอียดผุดผ่องดั่งหยก คิ้วคมเข้มดั่งหมึก สันจมูกตั้งตรง ริมฝีปากบางเฉียบและแดงฉ่ำ บนใบหน้ารูปไข่มีขนอ่อนนุ่มที่เห็นได้ลาง ๆ หน้าอกพุ่งตรง รูปร่างเพรียวบาง ช่างสมบูรณ์แบบยิ่งนัก

ในตอนที่เย่ฉางชิงกำลังสำรวจสตรีที่อ่อนเยาว์และงดงามนางนี้ราวกับอยู่ในความฝันนั้น

ขนตางอนยาวของหญิงสาวก็สั่นไหวเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา

“ที่… ที่นี่ที่ไหนกัน ? ”

ริมฝีปากของสตรีลึกลับขยับเบา ๆ ก่อนจะเปล่งเสียงนุ่มนวลออกมา

เพียงครู่เดียว

ดวงตาของนางก็หรี่ลงก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมาทันที

“ที่… ที่นี่ที่ไหนกัน ข้ามาอยู่ที่นี่ได้เยี่ยงไรกัน ? ! ”

สตรีลึกลับส่งเสียงแหลมเล็กออกมา ก่อนจะลุกขึ้นนั่งตัวตรงอย่างลนลาน

เมื่อนางเห็นเย่ฉางชิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็ชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นโกรธขึ้นมาในพริบตา

“เจ้าเป็นใครกัน ? มาอยู่บนเตียงของข้าได้เยี่ยงไร ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร ? ! ”

ภายในพริบตา สตรีลึกลับก็เอ่ยถามขึ้นมาเป็นชุด

เย่ฉางชิงยิ้มให้นางก่อนจะตอบกลับไปอย่างลื่นไหลว่า “แม่นาง ประการแรก ที่นี่คือบ้านของข้า ส่วนทำไมท่านถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้นั้นข้าเองก็ยังฉงนอยู่เช่นกัน ส่วนฐานะของท่านนั้น ข้าเองก็อยากจะถามท่านอยู่พอดี”

สถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ เย่ฉางชิงเข้าใจดีว่าหากยิ่งแสดงความตื่นตระหนกออกมา ก็จะยิ่งทำให้อีกฝ่ายสงสัยว่าเขามีเจตนาร้ายหรือทำเรื่องเลวร้ายได้

แต่ทว่าวินาทีต่อมา สตรีผู้นั้นกลับตะโกนขึ้นมาด้วยเสียงอันดังว่า “เด็ก ๆ ลากตัวคนผู้นี้ออกไปประหาร ! ”

ในหัวของเย่ฉางชิงเต็มไปด้วยความสับสน

ไม่นานเย่ฉางชิงที่ยังคงอยู่ในชุดนอนก็ถูกสตรีลึกลับไล่ตะเพิดออกมานอกห้อง

และในตอนนั้นเอง ราชันทมิฬที่นอนหมอบอยู่ใต้หน้าต่างก็ได้เงยหน้าขึ้นมองเย่ฉางชิง พร้อมกับส่ายหางไปมาไม่หยุด ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายแสงที่แปลกประหลาดออกมา มุมปากแทบจะฉีกถึงรูหูอยู่แล้ว

ทั้งหมดนี้ราวกับกำลังต้องการขอรับความดีความชอบอยู่อย่างไรอย่างนั้น