เล่มที่ 1 บทที่ 7 เปิดโปงแผนชั่ว

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

“พ่อบ้านเฉิน เหตุใดจึงกินไม่ได้เล่า? นี่เป็นพุทราที่น้องหลินเมิ้งหวู่มอบให้ข้าก่อนจะส่งมอบตัว นางกำชับมาเองว่าหากข้ากับท่านอ๋องอวี้ได้กินเข้าไปแล้วจะมีทายาทโดยเร็วนะ!”

หลินเมิ้งหยาเสแสร้งส่งเสียงไร้เดียงสา ถึงอย่างไรนางก็เป็นเพียงคนโง่ในสายตาผู้อื่น ไม่ว่าจะพูดอะไรก็คงไม่น่าสงสัย

ประโยคนี้ล้วนเป็นคำพูดของหลินเมิ้งหวู่ เพียงแต่…นางเติมคำว่าท่านอ๋องอวี้เข้าไปเท่านั้น

แผ่นหลังของพ่อบ้านเฉินเปียกชื้น ตอนนี้หากท่านอ๋องอวี้เกิดสงสัยขึ้นมาแล้วละก็ นั่นเท่ากับว่าคำพูดของหลินเมิ้งหยาเมื่อครู่เผยให้เห็นว่ามีคนใส่ยาพิษลงในพุทราและวางแผนร้ายลอบสังหารองค์ชาย!

เพราะความตื่นตระหนก ดังนั้นพ่อบ้านจึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเช่นเดียวกับหลินเมิ้งหยา “พุทราผลนี้ไม่สดแล้ว ท่านอ๋องเป็นผู้สูงศักดิ์ ดังนั้นจึงไม่มีทางชอบพุทราของพวกเราหรอก”

“โอ้…” หลินเมิ้งหยาจึงดึงมือซึ่งกำลังกำพุทราเอาออกจากปากท่านอ๋องอวี้ ก่อนจะพลิกไปมา

เมื่อเห็นสายตาประหนึ่งเห็นด้วยกับคำพูดของตนของหลินเมิ้งหยา พ่อบ้านเฉินจึงลอบถอนหายใจ

แต่ยังไม่ทันที่จะได้ผ่อนลมหายใจจนหมดปอด เสียงของหลินเมิ้งหยากลับดังขึ้นมาอีกครั้ง “เพราะแบบนี้เมื่อครู่พอข้ากินเข้าไปก็เลยปวดท้องซินะ แถมยังอ้วกออกมาเป็นของสีดำๆ อีกต่างหาก!”

ขณะที่พูด นางจึงกระตุกแขนเสื้อข้างที่เช็ดเลือดออกมาให้ทุกคนได้เห็น ก่อนจะส่งเสียงไร้เดียงสาอีกครั้ง “ดูสิ! ข้าก็หลงคิดว่าตัวเองไม่สบายเสียอีก ที่แท้ก็เพราะพุทรานี่เอง!”

ทุกคนพากันตื่นตะลึง เจ้าของสีดำๆ นั่นเห็นได้ชัดว่ามันคือเลือด! ที่มันเปลี่ยนเป็นสีดำก็เพราะถูกวางยาพิษอย่างไรเล่า!

ที่แท้ลูกสาวคนรองของสกุลหลินที่ว่าเป็นคนอ่อนโยนอ่อนหวานกลับกลายเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบายอย่างนั้นหรือ!

สีหน้าของหลงเทียนอวี้ยิ่งถมึงทึงมากขึ้น เขาเกิดมาในราชสกุลของฮ่องเต้ ดังนั้นเขาจึงเข้าใจลึกซึ้งถึงความชิงชังระหว่างพี่น้องด้วยกันเป็นอย่างดี

สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดคือโฉมหน้าที่ดูโอบอ้อมอารี ทว่าลับหลังกลับพร้อมที่จะหันปลายธนูเข้าหาตลอดเวลา!

แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงอย่างหลินเมิ้งหวู่จะปองร้ายพี่สาวแท้ๆ ของตนเองด้วยการวางยา!

เขานึกภาพของหญิงสาวในอ้อมกอดขณะที่กำลังอ้วกออกมาเป็นเลือดด้วยความทรมานได้

เหล่าราษฎรเริ่มส่งเสียงถกเถียงกันออกมา ใบหน้าของพ่อบ้านเฉินขาวซีดจนกลายเป็นสีเทาดั่งฝุ่นควัน หากดูจากสติปัญญาของท่านอ๋องอวี้แล้ว ต่อให้เขาพูดอะไรไปก็เปล่าประโยชน์!

อีกทั้งใบหน้าเงียบขรึมและถมึงทึงของท่านอ๋องยังทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่จะปริปากพูดอะไรออกมา เหตุเพราะเขาเพิ่งจะได้เห็นความโหดเหี้ยมอำมหิตของท่านอ๋องผู้นี้ไปหมาดๆ!

แต่เขาไม่รู้เลยว่าที่หลงเทียนอวี้ยังคงปิดปากนิ่งเงียบเช่นนี้ก็เพราะเขากำลังชมการแสดงตรงหน้า เขาอยากจะเห็นว่าหญิงสาวในอ้อมกอดที่ใครต่อใครตราหน้าว่าโง่เขลาเบาปัญญาจะจัดการคนเหล่านี้เช่นไร

ขณะที่ได้ยินเสียงด่าทอหลินเมิ้งหวู่และคำพูดที่หยาบคายมากขึ้นเรื่อยๆ มุมปากของนางหยักยิ้มขึ้นอีกครั้งภายใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวก่อนจะเอ่ย “ถ้าเช่นนั้นก็ได้ เอาแบบนี้แล้วกัน พวกเรานำพุทราเหล่านี้ไปตากแห้งกันเถิดท่านอ๋องอวี้ ถึงอย่างไรก็เป็นของขวัญที่น้องสาวมอบให้ เพียงแต่…ท่านอ๋องหยู่ห้ามกินเด็ดขาดเลยนะ!”

สายตาของหลงเทียนอวี้ยิ่งเผยให้เห็นการไตร่ตรองที่ล้ำลึกยิ่งขึ้น ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้โง่เลย อีกทั้งยังฉลาดมากด้วย!

หลินเมิ้งหวู่เป็นหลานสาวแท้ๆ ของฮองเฮา หากจะตามล่าหาความจริงกันแล้วละก็จะต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีประโยชน์อันใดเลยที่จะปรักปรำนาง

แต่นางกลับใช้วิธีนี้ในการป่าวประกาศให้คนทั้งโลกได้รับรู้และโจษจันเล่าขานชื่อเสียงในด้านที่ไม่ดีของหลินเมิ้งหวู่ด้วยท่าทางไร้เดียงสา สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่จะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงหลายสิบเท่า!

สุดท้ายนางยังไม่ลืมที่จะเก็บหลักฐานเอาไว้เผื่อว่าหากต้องการหลักฐานกล่าวอ้างในอนาคตก็จะสามารถคว้าออกมาใช้ได้ในทันที!

ผู้หญิงคนนี้…น่าสนใจจริงๆ!

ดูเหมือนว่าการแต่งงานในครั้งนี้จะไม่ได้น่าเบื่ออีกต่อไปแล้ว!

ความสุขเล็กน้อยส่งผ่านเข้ามาในหัวใจ มุมปากหยักยิ้มขึ้นโดยที่ตนเองไม่รู้สึกตัวพลางเอ่ย “ได้”

ดวงตาของประชาราษฎร์เปล่งประกาย ชายหนุ่มรูปงามเผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น รอยยิ้มนี้ช่างน่าหลงใหล แม้แต่หญิงสาวซึ่งแต่งงานแล้วบนท้องถนนยังเขินอายจนหน้าแดง อีกทั้งยังแอบอิจฉาหญิงสาวผู้ที่ท่านอ๋องอวี้กำลังโอบกอดคนนั้น!

ตอนนี้ความสงบนิ่งครอบคลุมทั่วทั้งบริเวณ

มีเพียงหลินเมิ้งหยาเท่านั้นที่ส่งเสียงทำลายความเงียบขึ้นอีกครา