ใช้กฎประจำตระกูลจัดการ!

กฎประจำตระกูลหวังค่อนข้างรุนแรงเอาการ สถานเบาคือโดนตีจนเดินไม่ได้หลายวันแต่ถ้าสถานหนักก็คือตัดนิ้ว!

หวังเจียเหยารีบโทรศัพท์หาเย่เฉินทันที

“มีอะไร?” เย่เฉินรับสายอย่างรวดเร็ว

หวังเจียเหยาตอบ “คุณย่าบอกให้นายรีบมา”

“ไม่ไป” เย่เฉินกดตัดสายทิ้งทันที

หวังเจียเหยาคิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะปฏิเสธตนเองรวดเร็วแบบนี้ เธอรีบวางสายแล้วบอกผู้เป็นย่า “เขาไม่มาค่ะ”

ซูหลานเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีจึงรีบพูดต่อ

“คุณแม่คะ วันนี้เป็นวันฉลองครบรอบอายุแปดสิบปีของคุณแม่ พวกเรามาจัดการเรื่องงานเลี้ยงกันก่อนเถอะค่ะ อย่าไปสนใจคนชั้นต่ำพรรค์นั้นเลย”

แต่คุณนายหวังก็ยังคงรั้นต่อ

“ขอแค่เป็นสิ่งของที่ตระกูลหวังของเราเคยเลี้ยง ไม่ว่าจะคนหรือหมาฉันเรียกหาก็ต้องมา!”

พูดพลางชี้มาที่หวังซ่าวเจี๋ย “ซ่าวเจี๋ย แกรีบไปเอาตัวเขามาให้ฉัน!”

“ได้ครับ”

หวังซ่าวเจี๋ยหักนิ้ว ปกติเขาเองก็รังแกเย่เฉินบ่อยๆ ครั้งนี้จะได้ฉวยโอกาสใช้กำลังสักหน่อย

พอหวังซ่าวเจี๋ยไปแล้ว คุณนายหวังก็กลับไปนั่งบนเก้าอี้ไม้แดงแล้วลูบเจ้าพุดเดิ้ลเพื่อสงบจิตใจ

หลังจากนั้นคุณนายหวังก็กล่าวต่อ “วันนี้ที่เรียกทุกคนมาที่นี่ก่อนเพราะมีเรื่องจะบอก”

หวังจื้อเฉียง หวังจื้อหย่วนและคนอื่นๆ ต่างก็นั่งอย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อยเพื่อรับฟังคำสั่งหญิงชรา

คุณนายหวังกล่าวต่อ “เมื่อวานอยู่ๆ บริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปก็มีประธานบริษัทคนใหม่โผล่มาจากไหนไม่รู้ ไม่มีใครรู้ว่าเขาชื่ออะไร เป็นใครหรือว่ามาจากไหน พวกแกก็รู้ว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ติ่งเฉิงของพวกเราร่วมมือกับบริษัทหัวเซิ่งมาตลอด แถมไม่พอช่วงนี้ก็กำลังคุยกันเรื่องโปรเจกต์ร่วมลงทุนเจ็ดสิบล้านอยู่ยังไม่ได้ลงนามเซ็นสัญญา ดังนั้นจำเป็นต้องผูกมิตรกับประธานคนใหม่เอาไว้เป็นเรื่องที่ถือได้ว่าสำคัญที่สุดในตอนนี้!”

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ติ่งเฉิงคือธุรกิจประจำตระกูลหวัง เขตซินเฉิงที่หวังเจียเหยาอยู่ก็เป็นพื้นที่ของที่บ้าน

ทว่าช่วงนี้เงินทุนของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ติ่งเฉิงกำลังเจอกับปัญหา ดังนั้นจึงต้องการเงินทุนจากฝั่งบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปอย่างมาก

พอได้ยินคำพูดของคุณนายหวังแล้วทุกคนก็เข้าใจทันที ใครผูกสัมพันธ์กับประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปแล้วจัดการเอาเงินลงทุนก้อนที่ว่ามาได้ คนผู้นั้นก็จะได้รับคะแนนนิยมจากคุณนายหวัง!

คะแนนนิยมนี้อาจจะเป็นการยกระดับตำแหน่งตนเองในธุรกิจที่บ้านและสุดท้ายอาจจะมีผลกับสิทธิ์ในมรดกและธุรกิจด้วยซ้ำ!

หวังจื้อหย่วนชิงพูดก่อน “คุณแม่ครับมอบหมายเรื่องนี้ให้ผมจัดการเถอะครับ ผมจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อผูกสัมพันธ์กับประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปให้ได้!”

หวังจื้อเฉียงพูดเยาะๆ “ทำไมต้องยกให้นายจัดการ? ปกติแล้วเรื่องการลงทุนเป็นหน้าที่ของฉันมาตลอด เรื่องนี้ฉันกับซ่าวเจี๋ยต้องจัดการได้แน่!”

คุณนายหวังเห็นทั้งสองคนต่างเต็มใจจะทำหน้าที่จึงกล่าวขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ

“วันนี้เป็นวันฉลองที่ฉันอายุครบแปดสิบปี อีกเดี๋ยวคนที่จะมาอวยพรให้ฉันจะมีแต่คนสำคัญๆ ในแวดวงธุรกิจต่างๆ ของอวิ๋นโจว ตอนพวกแกรับแขกก็ลองหาข่าวเกี่ยวกับประธานบริษัทคนใหม่มาด้วย ใครได้เรื่องฉันจะยกโปรเจกต์ให้คนนั้นจัดการ”

“ครับคุณแม่!” หวังจื้อหย่วนและหวังจื้อเฉียงประสานเสียง

……

หวังซ่าวเจี๋ยออกจากบ้าน ขับรถมาเซราติด้วยความเร็วจนเกิดน้ำสาดบนถนน

หวังซ่าวเจี๋ยสูบบุหรี่แล้วโทรศัพท์หาเย่เฉิน

“มีอะไร?” เย่เฉินถาม

หวังซ่าวเจี๋ยได้ยินเสียงของเย่เฉินก็กล่าวพลางหัวเราะ

“ฮ่าๆ เย่เฉิน เมื่อกี้เจียเหยาบอกเรื่องของพวกนายแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่านายจะใช้ได้เหมือนกันนี่!”

เย่เฉินประหลาดใจเล็กน้อย “เจียเหยา…บอกทุกคนแล้ว?”

หวังซ่าวเจี๋ยกล่าวต่อ “บอกแล้วสิ ร้องไห้ขี้มูกโป่งเลยล่ะ ฉันว่าเรื่องนี้เจียเหยาทำไม่ถูก นายคิดดูสิหล่อนจะมาแอ๊บแบ๊วอะไร? ก็แค่สวยหน่อยเท่านั้น หุ่นยังสู้หยวนหยวนน้องฉันไม่ได้เลย ทำไมถึงไม่ยอมหลับนอนกับนายไป?”

เย่เฉินไพล่ไปคิดว่าที่หวังเจียเหยาร้องไห้เพราะรู้สึกผิดจึงกล่าวพร้อมถอนหายใจ “เรื่องที่มันผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ”

จู่ๆ หวังซ่าวเจี๋ยก็ถามขึ้น “นายอยู่ไหน? เรามาคุยกันหน่อยสิ”

เย่เฉินตอบ “ผมกำลังส่งอาหารเดลิเวอรี่อยู่ที่เขตลวี่หยวน”

หวังซ่าวเจี๋ย “อ้อ ฉันจะถึงแล้ว นายรอฉันก่อน”

หวังซ่าวเจี๋ยเหยียบคันเร่ง แล้วไม่กี่นาทีเขาก็ถึงปากทางเขตลวี่หยวนทันเจอเย่เฉินที่ขับรถมอเตอร์ไซค์ออกมาพอดี

หวังซ่าวเจี๋ยไม่ลงรถแต่เปิดกระจกที่นั่งข้างคนขับแล้วบอกเย่เฉิน

“ขึ้นรถสิ คุณย่าอยากเจอนาย”

เย่เฉินไพล่ไปคิดว่าที่คุณนายหวังอยากเจอเขาเป็นเพราะจะขอร้องแทนหลานสาว

เย่เฉินกล่าวอย่างแน่วแน่ “ต่อให้ย่าพวกคุณมาอ้อนวอนผมแทนเจียเหยาก็ไร้ประโยชน์ ยังไงผมก็จะหย่าแน่!”

ใบหน้าหวังซ่าวเจี๋ยฉายแววระอา “นายคิดอะไร? คุณย่าจะมาอ้อนวอนอะไรนาย? คุณย่าจะใช้กฎประจำตระกูลจัดการนายต่างหาก!”

เพราะแสงแยงตาทำให้เย่เฉินลืมตาไม่ได้

เย่เฉินตกใจ “ใช้กฎประจำตระกูลลงโทษผม? พวกคุณมีสิทธิ์อะไร?”

หวังซ่าวเจี๋ยตอบ “มีสิทธิ์อะไรน่ะเหรอ? นายหาเศษหาเลยยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอว่ามีสิทธิ์อะไร?

ก็จริงที่ฉันมีความสุขมากทีเดียวที่ตอนนี้ได้เห็นเจียเหยาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ แต่ไม่ว่ายังไงหล่อนเองก็เป็นคนของบ้านตระกูลหวังเรา นายทำเรื่องผิดต่อตระกูลหวังเรา นายสมควรตาย!”

เย่เฉินชะงักค้างไป

“ผมเนี่ยนะหาเศษหาเลย? เจียเหยาบอกแบบนี้เหรอ?”

ไม่ว่ายังไงเย่เฉินก็คาดไม่ถึงว่าหวังเจียเหยาที่เป็นคนนอกใจก่อนแต่กลับใส่ร้ายเขา!

ช่างเป็นผู้หญิงหน้าไม่อายเลยจริงๆ

จะรังแกคนอื่นก็ต้องมีขอบเขตบ้าง!