หลังจากเดินวนไปมา ลู่ฝานก็ได้เดินมาถึงที่หน้าร้านแห่งหนึ่ง

นี่คือร้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ทรุดโทรม ไม่มีป้ายชื่อ และแหล่งลูกค้าก็ย่ำแย่มาก หาเลี้ยงชีพด้วยการขายเหล้าและอาหารทานเล่นเล็กๆ น้อยๆ ในวันธรรมดา นายของร้านเป็นชายชราผู้ย่ำแย่ ลู่ฝานมักเรียกเขาว่าลุงเฒ่าหวู ชายชราคนนี้มีอาการมึนเมามาโดยตลอด วันนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน ลู่ฝานได้เดินมาถึงที่ประตูของเขาแล้ว และเขายังคงนอนหลับสบายโดยมีขวดเหล้าอยู่ในอ้อมแขนของเขา

โต๊ะและเก้าอี้ที่ทรุดโทรม เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่า ฝุ่นมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง และก็ยังสามารถมองเห็นหนูสองสามตัวที่วิ่งเล่นอยู่ตรงมุมห้อง แต่ลู่ฝานกลับชอบที่นี่ เพราะมันเงียบสงบ ไม่มีการเยาะเย้ยหรือเสียดสี

“ลุงเฒ่าหวู ขอเหล้าให้ผมหน่อย”

ลู่ฝานเคาะที่เคาน์เตอร์ แล้วลุงเฒ่าหวูถึงลืมตาขึ้นมา

เมื่อมองขึ้นไปที่ลู่ฝาน ลุงเฒ่าหวูก็ยื่นมือออกมาก่อน และลู่ฝานก็หยิบเหรียญเงินหลายอันออกมาแล้วโยนมันลงบนเคาน์เตอร์

ลุงเฒ่าหวูเก็บเหรียญก่อน แล้วจึงยื่นขวดเหล่าในมือให้ลู่ฝาน และพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยชัดเจนเล็กน้อยว่า “ยังเหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง ให้คุณไปเลย ถ้าดื่มไม่หมดก็ให้นำมันกลับมาให้ฉัน……”

ลุงเฒ่าหวูยิ้มและหยิบชามที่มีรอยแตกออกมา แล้ววางบนเคาน์เตอร์

ลู่ฝานหยิบขวดเหล้าและชามไป หาโต๊ะที่หนึ่งแล้วนั่งลง เทเหล้าหนึ่งชาม เงยหน้าขึ้นแล้วดื่มลงไปคำหนึ่งใหญ่ๆ

เหล้าเข้มข้นเข้าสู่ช่องท้องจากลำคอของเขา และในไม่ช้าลู่ฝานก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองร้อนขึ้น ราวกับว่ามีเปลวไฟลุกโชนอยู่ในร่างกายของเขา

“เหล้าชั้นดี”

ลู่ฝานถอนหายใจด้วยความชื่นชม เหตุผลที่สองที่เขาชอบร้านนี้ก็เพราะว่าเหล้าของที่นี่เข้มข้นมาก และแตกต่างจากที่อื่น

ลุงเฒ่าหวูยิ้มและกล่าวว่า “ไม่ต้องพูดถึง ก็ไม่ดูว่าเป็นเหล้าบ้านใคร ลู่ฝาน นายโดนกระทบจิตใจมาอีกแล้วหรือ?”

ลุงเฒ่าหวูยิ้มอย่างขมขื่นแล้วกล่าวว่า “มีวันไหนที่ฉันจะไม่โดนกระทบล่ะ”

เหล้าหวูกล่าวว่า “อย่าพูดอย่างนั้น คุณไม่รู้สึกเหรอว่าการอยู่รอดจนถึงตอนนี้มันก็ถือเป็นปาฏิหาริย์แล้วไม่ใช่หรือ? ฉันยังจำได้ว่าครั้งแรกที่คุณเดินเข้ามาในร้านของฉัน คุณผอมเหมือนลิงน้อยตัวหนึ่ง เกือบจะตายแล้วด้วยซ้ำ ดูที่คุณตอนนี้สิ ทุกอย่างเป็นปกติ”

ลู่ฝานหัวเราะขึ้นมา แต่สิ่งที่ลุงเฒ่าหวูพูดนั้นถูกต้อง ตอนเด็กคุณหมอเคยวินิจฉัยว่า และเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ไม่ถึงสิบสองปีอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เขาอายุสิบเจ็ดแล้ว และก็ยังสบายดี มันเป็นเรื่องปาฏิหาริย์จริงๆ

ลู่ฝานหันไปหาลุงเฒ่าหวูและพูดว่า “นั่นอาจเป็นเพราะเหล้าของคุณดีด้วย”

มีแสงประหลาดแวบเข้ามาในดวงตาของเฒ่าหวู่ และเขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แน่นอน เหล้าของฉันดีที่สุดแน่นอน”

ลู่ฝานถอนหายใจและพูดว่า “ผู้หญิงของฉันทิ้งฉันเพราะฉันเป็นคนไร้ค่า”

ลุงเฒ่าหวูหรี่ตา และกล่าวว่า “งั้นนางจะต้องเสียใจทีหลังอย่างแน่นอน”

ลู่ฝานหัวเราะ และพูดว่า “ลุงเฒ่าหวู ขอบคุณที่ปลอบใจฉัน”

ลุงเฒ่าหวูยิ้มและพูดว่า “เชื่อฉันเถอะ นี่ไม่ใช่การปลอบใจ”

ลู่ฝานเทเหล้าให้ตัวเองอีกชาม แล้วพูดว่า “น่าเสียดาย เกรงว่าฉันจะไม่สามารถมานั่งดื่มเหล้าของคุณได้อีกแล้วในอนาคต”

รอยยิ้มบนใบหน้าของลุงเฒ่าหวูจางลง และเดินออกจากด้านหลังเคาน์เตอร์และพูดว่า “ทำไมเหรอ? คุณจะจากไปแล้วเหรอ?”

ลู่ฝานพยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่ ฉันกำลังจะจากไป การคัดเลือกของสถาบันสอนวิชาบู๊ในปีนี้ ฉันไม่ผ่านอีกแล้ว ฉันอายุสิบเจ็ดปีแล้ว และอย่างมากที่สุดฉันก็มีเพียงโอกาสทำการทดสอบครั้งสุดท้ายในครั้งต่อไปในปีหน้าและปีที่สาม แต่ทางตระกูลจะไม่ปล่อยให้ฉันขายหน้าพวกเขาจนสุดหรอก น่าจะปล่อยฉันออกไป หลังจากเทศกาลเซ่นไหว้ประจำปีในปีนี้แล้ว และฉันก็ไม่รู้ว่าฉันจะถูกปล่อยไปตรงไหน แต่ฉันแน่ใจว่าฉันจะไม่ได้กลับมาที่นี่แน่นอน”

ลุงเฒ่าหวูเดินโซเซและนั่งลงตรงข้ามกับลู่ฝาน และพูดว่า “ช่างน่าสังเวชแบบนี้เชียว?”

ลู่ฝานพยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่ มันช่างน่าสังเวชเหลือเกิน ลุงเฒ่าหวู ก่อนที่ฉันจะจากไปฉันจะซื้อเหล้าของคุณอีกสองสามขวด และเตรียมมันไว้สำหรับดื่มระหว่างทาง”

ลุงเฒ่าหวูพูดว่า “ไม่มีปัญหา ฉันจะเตรียมไว้ให้คุณหลายๆ ขวดอย่างแน่นอน แต่ฉันกลับคิดว่า คุณไม่จำเป็นต้องจากไป ทำไมปีหน้าคุณไม่ลองดูอีกสักครั้ง บางทีคุณอาจจะสอบผ่านก็ได้?”