บทที่ 9 คุณชายซางกวน

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 9

คุณชายซางกวน

ผู้คนโดยรอบต่างก็พากันหลับตาเพราะไม่อยากเห็นเหตุการณ์นองเลือด

หลินซีเหยียนมองดูหมัดที่กำลังพุ่งมาหาก็ได้ดึงเทียนเอ๋อถอยออกมาครึ่งก้าวอย่างช้าๆ

หมัดของหงชีพลาดเป้าไปทำให้เขาตกตะลึงและคิดว่าพวกนางคงแค่บังเอิญ จากนั้นก็ได้ใช้ร่างกายที่ราวกับวัวกระทิงนั้นต่อยหมัดเข้าใส่หลินซีเหยียนอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่โดนเลยแม้แต่ปลายแขนเสื้อของหลินซีเหยียนจนกระทั่งเขาหอบ

“นี่เจ้าใช้เวทมนตร์อะไรกันแน่?” หงชีที่ไม่สามารถต่อยเอาชนะได้ จึงได้รู้สึกหงุดหงิดและอับอายมาก ที่เขาไม่สามารถทำอะไรกับแม่ม่ายคนเดียวได้ช่างน่าอายยิ่งนัก

“เวทมนตร์?” หลินซีเหยียนพูดอย่างดูถูกและเยาะเย้ย “มันเป็นเพราะวิทยายุทธของเจ้าเองต่างหากที่ทำอะไรข้าไม่ได้ แล้วพวกเจ้าที่เหลือจะยืนดูอยู่เฉยๆไม่เข้ามาสู้รึยังไง?”

ถ้อยคำที่แดกดันและขบขันทำให้ผู้คนโดยรอบได้ยินแล้วก็หัวเราะออกมา หงชีก็รู้สึกได้ถึงสายตาดูถูกของผู้คนจึงทำให้หน้าแดง แล้วจากนั้นก็ได้สั่งลูกน้องของเขา“จัดการนังนั่นให้ข้าที”

ถึงแม้ว่าการใช้คนหมู่มากรุมรังแกผู้หญิงกับเด็กตัวคนเดียวจะทำให้เขารู้สึกอับอาย แต่คำสั่งก็เป็นคำสั่ง

แต่ในขณะที่หลินซีเหยียนกำลังคิดที่จะสั่งสอนบทเรียนให้พวกเขาอยู่นั้นเอง ก็มีชายหนุ่มในชุดสีฟ้าที่จู่ๆก็ลงมาจากฟ้าลงมายังที่ถนน ซึ่งชายหนุ่มผู้นี้มีดวงตาที่เบิกบานและยิ้มยิงฟันฟันขาว และด้วยดวงตาลูกท้อของเขาก็ได้ทำให้ผู้คนโดยรอบรู้สึกตกตะลึง หลังจากที่เขาร่อนลงพื้นอย่างนุ่มนวลแล้วเขาก็ได้สะบัดพัดในมือของเขา

“ข้าไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม นั่นคือบุตรชายคนเดียวของท่านกว๋อกงซางกวน ซางกวนจิ่นชายที่งามที่สุดในเมืองหลวง แล้วตระกูลของเขาก็ยังทำธุรกิจจนร่ำรวยมั่งคั่ง และท่านน้าของเขาก็ยังเป็นสนมที่โปรดปรานของฮ่องเต้ด้วยนะ” หญิงสาวคนหนึ่งที่มีดวงตาเป็นประกาย กรีดร้องออกมา

ดูเหมือนว่าหญิงสาวที่อยู่ข้างๆคนเมื่อสักครู่ก็จะรู้จัก ซางกวนจิ่นเป็นอย่างดีมากเช่นกัน “และเพราะรูปโฉมที่งดงามทำให้คุณชายซางกวนไม่ค่อยออกไปไหนมาไหนเพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องรักๆใคร่ๆ”

การปรากฏตัวของชายคนนั้นหญิงสาวจำนวนมากพากันลุ่มหลง แต่ทว่าเขากลับเดินไปหาและส่งยิ้มให้กับหลินซีเหยียน “สวัสดีสาวงามของข้า ข้ามีชื่อว่าซางกวนจิ่น แต่เจ้าจะเรียกข้าว่าจิ่นเฉยๆก็ได้”

หลังจากที่พูดจบเขาก็ได้กะพริบตาให้กับหลินซีเหยียน

หลินซีเหยียนกระตุกที่มุมปากของนาง และพูดโดยไม่ไว้หน้า “ข้าไม่รู้จักท่าน จะไปไหนก็ไปอย่ามาขวางทางข้า”

“คำพูดของแม่นางช่างเสียดแทงใจข้าเหลือเกิน ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน ข้าก็คงไม่ออกมาปรากฏต่อหน้าทุกคนง่ายๆเช่นนี้และทำให้ผู้คนต้องมาตกหลุมรักข้าเช่นนี้” ซางกวนจิ่นได้หลบสายตาลงและมีสีหน้าเสียใจ ซึ่งดึงดูดให้หญิงสาวจำนวนมากต่างก็พากันจับจ้องไปที่หลินซีเหยียนอย่างโมโห

หลินซีเหยียนก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมาที่หลังของนาง และทำสีหน้าอย่างช่วยไม่ได้ นางไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับชายที่ทำสีหน้าเศร้าตรงนี้ดี

ทันทีที่ซางกวนจิ่นปรากฏตัวออกมาหงชีก็ได้ถูกเมินไปจนหมดสิ้น เพื่อที่จะให้ผู้คนรับรู้ถึงการมีตัวตนของเขา จึงได้ทำเป็นไอกระแอมอยู่หลายครั้ง “คุณชาย ข้าน้อยคงจะต้องขอเตือนท่าน ผู้หญิงคนนั้นใช้ยาพิษกับนายน้อยเหวินจาง ท่านคงจะไม่เข้ามายุ่งกับเรื่องของนางหรอกใช่ไหม?”

“เฮอเหวินจางของตระกูลกว๋อกงจิ่งหยางน่ะเหรอ?” ซางกวนจิ่นถามหงชี

หงชีผงกหัว เขาคิดว่าซางกวนจิ่นคงจะยอมถอนตัวแต่โดยดี แต่เขาไม่คิดว่าซางกวนจิ่นจะพูดต่างจากที่เขาคิด “เฮ่อเหวินจางมันก็เป็นแค่ไอ้สารเลวในหมู่ขุนนางอย่างพวกเรา จะเอายาไปทำไม ขอแค่ไม่ถึงตายก็ไม่น่าจะเป็นอะไรแล้วนี่?”

หลินซีเหยียนก็ได้ยักคิ้วขึ้นมาราวกับเป็นการชื่นชมเล็กๆกับความทะนงตนของซางกวนจิ่น

“ท่านจะเข้ามายุ่งให้ได้จริงๆเหรอ?” หงชีถามอีกครั้งเพื่อเป็นการยืนยัน

“เจ้ามีปัญหาเรื่องการได้ยินรึยังไง?” ซางกวนจิ่นพูดอย่างขี้เกียจและยียวน ดวงตาดอกท้อของเขาก็ได้หรี่ลง และทำริมฝีปากย่น และปล่อยรังสีฆ่าฟันออกมาจากร่างกายของเขา “เจ้ายังไม่ออกไปจากที่นี่อีก”

หงชีนั้นแม้จะไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่สามารถล่วงเกินลูกชายเพียงคนเดียวของท่านกว๋อกงได้ เขาจึงได้ทำความเคารพซางกวนจิ่นแล้วถอนตัวกลับไป

“แม่นาง คนก่อกวนก็ไปแล้ว ไม่ทราบว่าพวกเราพอจะมาสานสัมพันธ์กันต่อได้หรือไม่?” ซางกวนจิ่นก็ได้เอนตัวมาตรงหน้าของหลินซีเหยียนด้วยสีหน้าที่ประจบ

“ท่านแม่ของข้าไม่ชอบพวกหลงตัวเองและตุ้งติ้งหรอกนะขอรับ ได้โปรดช่วยหลีกทางด้วย” เทียนเอ๋อก็ได้มายืนอยู่ข้างหน้าแม่ของเขาแล้วพูดกับซางกวนจิ่นด้วยสีหน้าจริงจัง

ซางกวนจิ่นก็คิ้วขมวดอย่างสงสัย หลงตัวเองยังพอเข้าใจ แต่ตุ้งติ้งเนี่ยหมายความว่าอย่างไร? แต่ดูจากสีหน้าของเจ้าเด็กน้อยนั่นแล้วคงจะไม่ใช่อะไรที่ดีแน่ๆ

ซางกวนจิ่นนั้นคิดจะพูดอะไรกลับไป แต่เขาก็ถูกขัดเสียก่อน เขาก็ได้มองอย่างไม่พอใจและพบว่าผู้ที่ขัดคือสาวงามที่มีดวงตาที่งดงามและบรรยากาศที่นุ่มนวล เขาจึงได้หุบปากด้วยเหตุนี้ เพราะมันจะไม่เป็นสุภาพบุรุษหากว่าเขาไปขัดคำพูดของสาวงาม

“ซีเหยียนงั้นเหรอ?” เสียงที่นุ่มเหมือนข้าวทำให้ผู้คนรู้สึกดีที่ได้ยิน แต่ทว่ามันกำลังทำให้หลินซีเหยียนรู้สึกอยากจะอ้วก นางก็ได้เงยหน้าขึ้นมาและมองผู้หญิงในชุดสีขาว

หลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาของนาง วันนี้ช่างโชคดีอะไรอย่างนี้อย่าว่าแต่จะได้เจอกับไอ้สารเลวนั่นแล้วก็ยังได้เจอกับนังดอกทองนี่อีก ผู้หญิงคนนี้คือพี่สาวของเจ้าของร่างนี้หลินหัวเยว่และเป็นหนึ่งในตัวการที่ฆ่าเจ้าของร่างนี้ คงจะดีถ้าหากซ่อนมีดไว้ในรอยยิ้มได้

หลินซีเหยียนยิ้มตอบและมองไปที่หลินหัวเยว่แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร หลินหัวเยว่เองก็ตกใจกับสิ่งที่นางเห็น แต่นางก็นึกได้ว่าหลินซีเหยียนนั้นเป็นแค่นังโง่ไร้สมอง แม้ว่าจะกลับมาได้อย่างปลอดภัยแต่กลับมาเอ้อระเหยลอยชายเช่นนี้ เมื่อคิดเช่นนี้นางเลยไม่ได้สนใจสายตาแปลกๆของหลินซีเหยียนมากนัก

“น้องรักทำไมถึงได้จ้องพี่สาวของเจ้าอย่างนั้นด้วย? เจ้าหายตัวไปตั้งนาน เจ้ารู้บ้างไหมว่าที่บ้านเป็นห่วงเจ้ากันแค่ไหน?”

ความจริงที่ว่าหลินซีเหยียนนั้นเป็นบุตรีคนที่สองของมหาเสนาบดีนั้นทำให้เกิดความฮือฮาในหมู่ฝูงชนขึ้นมาทันที

บุตรีคนที่สองของมหาเสนาบดีนั้นเคยเป็นที่ถกเถียงกันในเมืองหลวงเมื่อไม่กี่ปีก่อน “นางคนนั้นคือบุตรีคนที่สองของมหาเสนาบดีเหรอเนี่ย คนที่ว่าหนีตามไปกับผู้ชายหลังจากที่คอยตามติดคุณชายเหวินจางมากเกินไปนั่นน่ะเหรอ?”

“ถ้าอย่างนั้นเด็กคนที่อยู่ข้างๆนางก็….แบบนี้มันก็เรื่องฉาวโฉ่เลยไม่ใช่เหรอ?”

หลินซีเหยียนก็ได้คิ้วขมวดเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ และหันหน้ากลับไปหาผู้ที่พูด สายตาที่เย็นชาของนางทำให้คนคนนั้นหุบปากด้วยความกลัวทันที

“เสี่ยวเหยียนเอ๋อ ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะเป็นบุตรีคนที่สองของมหาเสนาบดี” ซางกวนจิ่นนั้นก็อาศัยอยู่ในเมืองหลวง จึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะได้ยินเรื่องของบุตรีคนที่สองที่โด่งดัง แต่เขาก็ไม่ได้ดูถูกหลินซีเหยียนแต่อย่างใดเพราะเขาเข้าใจดีว่า เสี่ยวเหยียนเอ๋อนั้นไม่ใช่คนโง่อย่างในข่าวลือแน่

“น้องเหยียน เจ้าอยู่ข้างนอกคงจะลำบากไม่น้อย เจ้ากลับมาที่บ้านกับพี่เถอะนะ พ่อของเจ้าจะไม่ดุเจ้าที่หนีตามชายอื่นไปอย่างแน่นอน” หลินหัวเยว่นั้นไม่ได้พูดเสียงเบา และคำพูดของนางนั้นทำให้คนที่ได้ยินยืนยันข่าวลือได้เป็นอย่างดีว่าหญิงสาวคนนี้หนีตามกันไปจริงๆ และเด็กคนนี้ก็คงจะเป็นลูกของชายคนนั้นแน่ๆ

“ข้าจำไม่ได้ว่าข้าหนีตามไปกับใคร ได้โปรดอย่ากล่าวหากันสั่วๆ” หลินซีเหยียนที่เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างก็ได้พูดออกมา “และแม่ของข้าก็ได้ให้กำเนิดข้าเพียงคนเดียว ดังนั้นข้าไม่มีพี่สาว”

หลินหัวเยว่ก็หน้าซีดขึ้นมาหลังจากที่ได้ยินนางพูด จึงได้ทำหน้าตาน่าสงสารขึ้นมา “นี่น้องยังโทษพี่ที่ไม่ได้ห้ามน้องตอนนั้นอีกเหรอ?”

ท่าทางของหลินหัวเยว่นั้นทำให้หลินซีเหยียนรู้สึกกระอักกระอ่วน

“น้องพี่ พี่นั้นเคยห้ามเจ้าแล้ว แต่เจ้าก็ยังยืนยันที่จะไปตามทางของเจ้า แล้วพี่สาวของเจ้าจะทำอะไรได้?” หลินหัวเยว่ทำสีหน้าน่าสงสาร ทำให้คนจำนวนมากเริ่มพูดต่อว่าหลินซีเหยียนว่าไร้ยางอายและไม่มีเหตุผล

ในเวลานี้ในใจของพวกเขานั้น หลินหัวเยว่นั้นคือพี่สาวคนโตที่มีจิตใจเมตตา และยังเป็นสาวงามอันดับสองในเมืองหลวง จึงได้พากันถ่มถุยหลินซีเหยียน