บทที่ 8 แสดงละครโดยไม่ต้องซ้อมบท

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

น้ำในบ่อเย็นเฉียบ เพียงชั่วครู่ก็ทำให้ร่างของหลินชิงเวยเปียกชุ่ม นางไอโขลกอย่างหนัก โชคยังดีที่นางเปลี่ยนร่างมาอีกร่างหนึ่งแต่ยังไม่ลืมทักษะการว่ายน้ำ นางวาดแขนทั้งคู่ขึ้นลงเพื่อว่ายอยู่ในบ่อน้ำ เส้นผมทั้งหมดเปียกชุ่มอยู่ในนั้น ไรผมเส้นเล็กละเอียดนั้นแนบติดไปบนใบหน้าเล็กๆ ทำให้นางมีสภาพน่าเวทนาเหมือนไก่ต้มน้ำแกง

หลินชิงเวยไม่ได้ตื่นตระหนกตกใจ นางยกมือขึ้นเช็ดหยดน้ำบนใบหน้าแล้วเงยหน้ามองขึ้นไป เห็นเพียงสตรีทั้งหลายยื้อแย่งกันยื่นหน้าเข้ามาดูด้านล่าง เห็นสถานการณ์ของนางไม่ดีนัก จึงค่อยๆ ปรากฏความพึงพอใจบนใบหน้า

หลังจากหลินชิงเวยเข้ามาที่นี่ แม้กระทั่งคำพูดสักประโยคก็ไม่เคยพูดกับพวกนาง ล้วนเป็นคนเก่ารังแกผู้มาใหม่ จนกลายเป็นกฎเกณฑ์ที่คุ้นเคยชนิดหนึ่ง อีกทั้งเป็นเวลานานแล้วที่ไม่มีผู้มาใหม่เข้ามา เมื่อพวกนางได้รังแกหลินชิงเวยจึงเหมือนได้ลิ้มรสชาติอันแปลกใหม่

หลินชิงเวยกะพริบตาที่ชื้นแฉะทั้งคู่ ดูเชือกที่ถูกชักรอกถูกปล่อยลงมา ในใจของนางพลันหนักอึ้ง นางไม่ได้คว้าเชือกเส้นนี้ตั้งแต่แรก ด้วยนางคิดว่าหากนางคว้าเชือกเส้นนี้เอาไว้ตั้งแต่แรกสตรีสติฟั่นเฟือนข้างบนบางคนจะต้องแย่งเชือกนี้ไปจากนาง เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วนอกเสียจากว่านางจะเป็นจิ้งจก หาไม่แล้วนางจะปีนขึ้นไปได้อย่างไรกัน

หลินชิงเวยรู้สึกหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด นางรู้สึกไม่มีทางสู้จึงเอ่ยถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า “เหตุใดพวกเจ้าจึงทำกับข้าเช่นนี้? ข้าทำผิดอะไรกันแน่ เหตุใดต้องทำกับข้าเช่นนี้?” พูดแล้วนางก็ร่ำไห้ด้วยท่าทีอ่อนแอ ด้วยบทละครของนางเอกในนวนิยายคลาสสิคของฉยงเหยาจึงพูดออกมาได้อย่างไหลลื่น เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะนำมาใช้ในสถานการณ์ที่ต้องการแสดงความอ่อนแอ

บรรดาสตรีทั้งหลายที่รอดูละครอยู่ข้างบนล้วนพอใจยิ่งยวด ผลลัพธ์เช่นนี้คือสิ่งที่พวกนางต้องการ

มีคนพูดอยู่ข้างบนว่า “หญิงต่ำช้า เจ้ามีความสามารถไปนอนกับบุรุษได้ แต่ไม่มีความสามารถที่จะปีนขึ้นมาเองหรือไร?” เสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังขึ้นระลอกหนึ่งจากเบื้องบน

หลินชิงเวยกัดริมฝีปาก กล่าวอย่างอับอาย “ทุกคนล้วนอาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน ไม่สมควรที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลต่อกันหรือไร?”

“ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน?” หญิงสาวหน้าตาโหดเหี้ยมคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นหัวเราะเสียงดังอย่างคลุ้มคลั่ง เสียงหัวเราะที่ได้ยินนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกขู่เข็ญ ทว่ากลับปนเปไปด้วยความสลดหดหู่ที่สัมผัสได้ไม่ง่ายดายนัก นางกล่าวว่า “ขอเพียงเป็นหญิงสาวที่ถูกส่งเข้ามา ล้วนเป็นหญิงสาวที่ถูกทอดทิ้งแล้วทั้งสิ้น ช่วยเหลือซึ่งกันและกันแล้วจะมีประโยชน์อันใด? พวกเราไม่ได้ทำผิดอะไรมากมาย ถูกขังอยู่ที่นี่ก็คือชั่วชีวิต เจ้าทำผิดกฎของตำหนักในกลับได้รับการละเว้นชีวิต ระหว่างชีวิตของคนเราแตกต่างกันเช่นนี้เอง ทุกคนเข้ามาอย่างไม่เสมอภาคเท่าเทียม ถือดีอย่างไรต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน?”

ความเคียดแค้นชิงชังที่มีมากมายเกินไป ทำให้จิตใจของมนุษย์เราร้อนรุ่มอย่างยากที่จะสงบลงได้

ต่อให้หลินชิงเวยพูดมากกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์ นางจึงได้แต่ร้องไห้กระซิกพูดจาวิงวอนไม่หยุด แสดงด้านที่อ่อนแอที่สุดของตนออกมาได้อย่างไร้ที่ติ ให้คนข้างบนเห็นแล้วรู้สึกหมดความสนใจต่อนาง

นับแต่หลินชิงเวยเข้ามาที่นี่ก็ไม่ได้อยู่ร่วมอาศัยกับพวกนาง พวกนางยังคิดว่าหลินชิงเวยแตกต่างจากตน ยามนี้กลับต้องตกอับมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ จึงได้แต่ร้องไห้กระซิกเพื่อวิงวอนให้ละเว้นโดยปราศจากการดิ้นรนและต่อต้านใดๆ ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกหมดสนุก

เมื่อยืนอยู่ริมบ่อน้ำครู่หนึ่งสตรีเหล่านั้นค่อยๆ แยกย้ายจากไปทีละคนๆ ไม่มีใครใส่ใจนาง และไม่มีใครคิดจะดึงนางขึ้นมาจากบ่อน้ำ

รอกระทั่งบริเวณบ่อน้ำไม่เหลือคนแม้แต่คนเดียว หลินชิงเวยจึงค่อยๆ หยุดร่ำไห้ สีหน้าของนางสงบนิ่ง บนใบหน้านางไม่เห็นความเจ็บช้ำน้ำใจหรือช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แม้แต่น้อย นางยกปลายนิ้วขาวผ่องราวกับไข่มุกขึ้นเช็ดน้ำตาจากหางตาทั้งคู่

แสดงละครประเภทนี้ นางไม่ต้องเสียเวลาคิดบทละครด้วยซ้ำ

หลินชิงเวยรออยู่ในน้ำครู่หนึ่ง กระทั่งข้างบนเงียบสงบ นางจึงค่อยๆ ยื่นมือไปจับเชือกเส้นนั้น รอกที่ผูกอยู่กับเชือกค่อยๆ เคลื่อนไหว กระทั่งสุดปลายเชือกจึงหยุดลง