บทที่ 10 ขายของ

ราชาซากศพ

บทที่ 10 ขายของ

เมื่อหลินเว่ยเดินเข้ามา เขาก็พบว่าไม่มีใครอยู่ในร้าน ยกเว้นชายชราคนหนึ่งที่กำลังงีบอยู่ที่โต๊ะรับแขก

“มีอะไรให้ข้าช่วยเจ้าได้บ้าง?” ในขณะที่หลินเว่ยกำลังจะปลุกชายชรา เสียงสดใสก็ดังออกมา

“อา…..หลินเว่ยสะดุ้ง เมื่อเสียงนั้นดังขึ้น เขารีบหันไปมองตามทิศทางของเสียง พบว่าเป็นเด็กผู้หญิงผมหางม้า กำลังจ้องมองตัวเขาอย่างสงสัย สูงประมาณ 1.5 เมตร น่าจะอายุระหว่าง 14 ถึง 16 ปี มีผ้าขนหนูอยู่ในมือ หลินเว่ยคิดว่า.. น่าจะเป็นผู้ช่วยในร้านนี้ “ข้าต้องการขายวัสดุจากสัตว์อสูร” หลังจากตกตะลึงสักพัก หลินเว่ยก็ได้สติอย่างรวดเร็วชี้ไปที่สิ่งที่เขาถืออยู่ในมือและพูดถึงจุดประสงค์ของตนเอง

“โอ้….หญิงสาวตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นเธอก็เห็นซากศพของสัตว์อสูรทั้งสองอยู่ในมือของหลินเว่ย จากนั้นเธอก็ตอบรับอย่างรวดเร็ว เธอวิ่งไปที่โต๊ะและผลักชายชราที่กำลังงีบหลับไม่กี่ครั้ง ในขณะเดียวกันเธอก็พูดว่า “ท่านปู่ตื่นเร็ว ๆ มีแขกมาหา ท่านปู่ … !” ช่างเป็นคนคนแก่ที่หลับอุตุโดยแท้! หลังจากการพยายามปลุกชายชราครั้งแล้วครั้งเล่า มือที่ประคองแก้มของชายชราก็หลุดลง ใบหน้าทั้งหมดตกลงไปกระแทกโต๊ะทันที และจมูกของเขาก็กระแทกลงบนโต๊ะ ทันใดนั้นชายชราก็ตื่นขึ้นมา และพูดว่า “โอ๊ย หลานตัวน้อย…อย่าเขย่าปู่อีกเลย กระดูกเก่าๆของข้ากำลังจะกระจุยแยกชิ้นออกจากร่างแล้ว”

“โอ้….เมื่อเห็นชายชรานวดหน้าผาก และบีบจมูกด้วยสีหน้าเศร้า หญิงสาวก็แลบลิ้นออกมา

เมื่อเห็นหลานสาวเป็นแบบนี้ ชายชราก็โกรธไม่ลง เมื่อเขาเห็นหลินเว่ยเขารู้ว่าเป็นเพราะตัวเขานั้นหลับอุตุ หลานสาวเลยต้องปลุกเขาเนื่องจากมีแขกเข้ามาที่ร้าน เขาพูดกับหลินเว่ยทันที “เด็กน้อยบอกข้ามา เจ้าอยากจะซื้ออะไร?”

หลินเว่ยไม่สนใจ เขาโยนซากสัตว์อสูรลงบนโต๊ะและพูดขึ้นว่า : “ขายวัตถุดิบ ร่างของสัตว์อสูร”

“โอ้! นี่มันคือ สัตว์อสูรจริง ๆ แม้ว่า มันจะเป็นแค่ขั้นศูนย์ แต่มันก็เป็นสัตว์อสูร อย่าบอกนะว่า… เจ้าฆ่ามันด้วยตัวคนเดียว?” ชายชราเห็นซากศพของสัตว์อสูร ที่หลินเว่ยโยนไว้บนโต๊ะ เขามองไปที่หลินเว่ยด้วยความประหลาดใจและถามขึ้น

“ใช่…..เมื่อได้ยินคำถามของอีกฝ่าย หลินเว่ยพยักหน้าและยอมรับโดยตรง

“โอ้! ทำไมข้าถึงดูไม่ออกเลยล่ะ! ว่าเจ้านั้นมีความแข็งแรงพอที่จะล่าและฆ่าสัตว์อสูรได้ ช่วยบอกชื่อของเจ้าหน่อยได้หรือไม่? ชายชราครุ่นคิดและถามเกี่ยวกับชื่อของหลินเว่ย

เมื่อเห็นชายชราถามเขาอย่างไม่หยุดหย่อน หลินเว่ยก็ขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน: “ข้าไม่สะดวกที่จะตอบ ข้ากำลังรีบ ถ้าท่านไม่ซื้อก็อย่าทำให้ข้าเสียเวลา”

“อา….ชายชราผู้มีใบหน้าสงสัย รู้สึกกระดากอายกับคำพูดของหลินเว่ย เขากล่าวว่า” ไม่….ไม่…ข้าจะคำนวณราคาให้เจ้าเอง “

“อ๊ะ! เจ้าทำแบบนี้ได้อย่างไร ปู่ข้าแค่อยากรู้จักชื่อของเจ้า! แค่ชื่อเท่านั้น! จู่ ๆ จะซื้อขายกับคนที่ไม่รู้จัก หากมีเรื่องราวตามมาทีหลังจะทำอย่างไร?” ชายชราที่ตะลึงงันพูดอะไรไม่ออก หลานสาวเมื่อเห็นดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะเข้ามาช่วยเหลือท่านปู่ทันที

เมื่อได้ยินคำถามของหญิงสาว หลินเว่ยก็ตะคอกว่า: “ฮึม! ข้ามาที่นี่เพื่อขายของ ไม่ใช่เพื่อมองหาสหาย แค่ซื้อขายกัน ทำไมจะต้องบอกชื่อแซ่ บอกแล้วราคาจะได้เพิ่มขึ้นงั้นหรือ? “

“ดี! นี่ … นี่เจ้า … เจ้าทำให้ข้าโมโหจริง ๆ!” เมื่อได้ยินคำพูดที่สมเหตุสมผลของหลินเว่ย หญิงสาวก็พูดไม่ออกและทำหน้าบึ้งตึง

“เด็กชาย ข้าคำนวณแล้วว่า หนูศิลาระดับสี่ตัวนี้สมบูรณ์มากตั้งแต่คอลงไป แต่มันเล็กเกินไป ได้ประมาณเหรียญเงินสามเหรียญ แต่กระต่ายหูยักษ์ตัวนี้ มีราคาสูงกว่าหนูศิลา แต่มันเหลือแค่เพียงครึ่งเดียว ทั้งฟันและกรงเล็บของมัน ข้าให้ราคาได้เพียงเหรียญเงินสามเหรียญ ทั้งหมดหกเหรียญเงิน นี่คือราคาดีที่สุดที่ข้าจะให้ได้ หรือเจ้าสามารถนำไปให้ร้านอื่นตีราคาให้ได้ เจ้าคิดว่าอย่างไร? “ชายชราเห็นหลานสาวของเขาทำหน้าบูดบึ้ง ใบหน้าของเขาก็มีรอยยิ้มที่น่ากลัว และชี้ไปที่ศพทั้งสองของสัตว์อสูรและตีราคาออกมา

“ไม่ต้องกังวล แค่เงินหกเหรียญเงินก็พอ แยกเนื้อให้ข้าด้วย! ข้ามีอย่างอื่นต้องไปทำ” เมื่อได้ยินข้อเสนอของชายชรา หลินเว่ยก็กล่าวตกลงที่จะขายให้กับชายชรา

ไม่ใช่ว่าหลินเว่ยไม่อยากไปร้านอื่น แต่เขาเคยไปที่ร้านค้าหลายแห่ง ก่อนที่เขาจะมาที่นี่ และสอบถามราคา ไม่มีใครเสนอราคาที่สูงกว่าชายชรา ดังนั้นเขาจึงตกลงโดยไม่ลังเล

“ดี! เพียงครู่เดียวที่หลินเว่ยตกลง ใบหน้าของชายชราก็มีความสุข เขารีบหยิบซากอสูรและเดินตรงไปที่หลังร้าน

หลินเว่ยรอไม่นาน กู่เทียนหมิงชายชราก็เดินออกมาพร้อมกับถุงที่บรรจุเนื้อของสัตว์อสูร ชายชรากล่าวว่า

“นี่คือเนื้อของสัตว์อสูรที่เจ้าต้องการและมีหกเหรียญเงิน อยู่ในนี้” ชายชราเดินกลับไปที่โต๊ะและส่งถุงเงินให้หลินเว่ย หลังจากที่หลินเว่ยหยิบมันขึ้นมา เขาตรวจนับถุงเงินเล็ก ๆ

“ดี!” หลินเว่ยตรวจสอบถุงเงิน และเห็นว่ามีเหรียญเงินหกเหรียญอยู่ในนั้น เขาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ยัดถุงเงินเข้าในอกเสื้อและหยิบถุงเนื้อสัตว์อสูร จากนั้นหันหลังเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร

“ท่านปู่….ดูสิว่า เขาเป็นใครกัน! แค่สัตว์อสูรระดับต่ำ ทำเป็นโอ้อวด ไม่มีแม้คำขอบคุณ ไร้มารยาท” ทันทีที่เท้าของหลินเว่ย เดินออกจากร้านไป หลานสาวก็กล่าวบ่น ๆ กับชายชราด้วยความโกรธ

“เฟยหยาง ! ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา! ปู่คิดว่าเขาอายุแค่สิบเอ็ดหรือสิบสองปีเท่านั้น และเขาสามารถล่าสัตว์อสูรและสังหารสัตว์อสูรระดับหกได้ เจ้าไม่รู้ว่าสัตว์อสูรนั้นแข็งแกร่งกว่าระดับผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ทั่ว ๆ ไปอีก

พูดง่าย ๆ คือ เราไม่สามารถต่อสู้ได้เพียงลำพัง อย่างน้อยจะต้องเป็นนักสู้ ปู่สงสัยว่า เด็กคนนั้นอาจเป็นระดับนักรบแล้ว เขากลายเป็นนักรบตั้งแต่อายุยังน้อยและอนาคตของเขาก็ไร้ขีดจำกัด ! บางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องโชคดีของเราก็ได้ที่จะซื้อขายกับเขา” เมื่อได้ยินคำพูดของหลานสาว ผู้เฒ่าก็ส่ายหัวและกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“ฮึ่ม! ข้าหวังว่าท่านปู่จะคิดได้ถูกต้องนะ” หลังจากฟังคำอธิบายของชายชรา กู่เฟยหยางก็หันหน้าไปด้านหนึ่ง และแค่นเสียงพูดด้วยเสียงอย่างเย็นชา

“ฮ่าๆ!” เมื่อเห็นหลานสาวของเขา ทำท่าทางแบบนั้น ชายชราที่ยังไม่มั่นใจเท่าไรนัก ก็ได้แต่หัวเราะ และไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม