ในบันไดที่ทั้งเล็กและแคบ เย่เฉินตัวเล็กกว่าพวกเขามากตจนดูเหมือนว่าจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

แต่เย่เฉินกลับหลบหมัดของทั้งสองคนนั้นได้อย่างง่ายดายแล้วกระโดดขึ้นไปบนราวบันไดอย่างสบายๆ จากนั้นก็เตะเข้าใส่ใบหน้าของหนึ่งในนั้น

“แม่ง! ไอ้เด็กนี่เตะเจ็บชิบเลย!”

คนที่ถูกเตะเลือดกำเดาไหลออกมาทันที

เย่เฉินยิ้มน้อยๆ “ขายหน้าแล้ว สายดำระดับสี่น่ะ”

“ฉันสายดำระดับเก้าเว้ย!”

คนที่โดนเตะพุ่งไปหาเย่เฉินด้วยโทสะ

เย่เฉินกระโดดลงจากราวบันไดแล้วประเคนหมัดให้อีกฝ่ายอีกครั้ง จากนั้นจึงส่ายหัวพร้อมหัวเราะเยาะความโง่เขลาของฝ่ายตรงข้าม

ไอ้สายดำระดับสี่ของเย่เฉินน่ะจริงแท้แน่นอน แต่สายดำระดับเก้ามีเงื่อนไขว่าจะต้องได้ 55 คะแนนเป็นอย่างน้อย ซึ่งดูแล้วหมอนี้ไม่ได้รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำ

เย่เฉินเรียนวิชาป้องกันตัวมาหลายปี เขาไม่ได้เรียนแค่เทควันโดเท่านั้น

โครม!

ชุดหมัดแบบหลี่เสี่ยวหลงของเย่เฉินทำฝ่ายตรงข้ามอาเจียนออกมาทันที

โครม!

เย่เฉินจับคนที่ตัวหนักกว่าเขาทุ่มแล้วฟาดลงบนระเบียงบันไดสุดแรง!

ผู้เชี่ยวชาญในด้านการต่อยตีทั้งสองคนพ่ายแพ้ให้กับเย่เฉินอย่างง่ายดาย!

….

ณ งานเลี้ยงคุณนายหวังซึ่งจัดที่โรงแรมมาริออท เมืองอวิ๋นโจว

สีหน้าหวังจื้อเฉียงขัดเขินขณะกล่าวกับคุณนายหวัง “คุณแม่ครับ นักเลงหัวไม้ของผมถูกเย่เฉินเล่นงานจนอ่วมไปแล้ว!”

“อะไรนะ?”

ทุกคนต่างตื่นตระหนก ที่แท้เขยขยะคนนี้เป็นคนที่มีความสามารถหรือนี่?

“หรือว่าจะไม่มีใครสั่งสอนเดียรัจฉานตัวนี้ได้เลยหรือ?”

คุณนายหวังตบโต๊ะอย่างโกรธจัด หม่าเสินที่เป็นตัวแทนของบริษัทเดลิเวอรี่ถวนถวนประจำเมืองอวิ๋นโจวหอบของขวัญมาเพื่อร่วมงานเลี้ยงมาพอดี

พอเห็นหม่าเสินบนใบหน้าหวังจื้อเฉียงก็มีรอยยิ้มทันที

ที่จริงแล้วหม่าเสินเป็นเพียงคนโนเนมในเมืองอวิ๋นโจว เมื่อหลายปีก่อนบริษัทเดลิเวอรี่ยังไม่เป็นที่นิยม เขาใช้เงินเพียงสองแสนหยวนก็ได้กลายเป็นตัวแทนของอวิ๋นโจว

หากเป็นตอนนี้เกรงว่าต่อให้เพิ่มเงินเข้าไปอีกหลักก็ยังซื้อไม่ได้

หลังจากที่อาศัยทำมาหากินกับบริษัทเดลิเวอรี่ถวนถวนที่เป็นราวบ่อเงินบ่อทอง หม่าเสินจึงได้ยกระดับตัวเองขึ้นมาอยู่ในสังคมชั้นสูงในเมืองอวิ๋นโจว

วันนี้เป็นวันครบรอบแปดสิบปีของคุณนายหวัง เขาจึงอาศัยโอกาสนี้เอาอกเอาใจคนตระกูลหวังเพื่อให้อีกฝ่ายรู้จักเขา

“เถ้าแก่หม่า ยินดีต้อนรับๆ ช่วงนี้เป็นไงบ้าง?”

หวังจื้อเฉียงเดินไปต้อนรับด้วยรอยยิ้ม

มือข้างหนึ่งของหม่าเสินถือขวดไวน์แดง ส่วนมืออีกข้างจับมือทักทายกับหวังจื้อเฉียง “ขอบคุณคุณหวังที่เป็นห่วง ผมสบายดีมากครับ”

จากนั้นก็เดินไปหาคุณนายหวังแล้วส่งไวน์ให้อีกฝ่าย

“คุณนายหวัง ได้ยินมาว่าท่านชอบดื่มไวน์ นี่คือไวน์โรมาเน่-ก็องติ ปี 90 ครับ สุขสันต์วันเกิดนะครับ ขอให้อายุยืนยาว!”

คุณนายหวังลุกขึ้นเพื่อแสดงความขอบคุณ “ขอบคุณนะคะเถ้าแก่หม่า ช่างมีน้ำใจจริงๆ”

แล้วหม่าเสินจึงถามต่อว่า “คุณนายสบายดีไหมครับ?”

คุณนายหวังกลับถอนหายใจ

หม่าเสินเห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยปากถามหม่าจื้อเฉียง “คุณหวังครับ เหมือนคุณนายหวังจะไม่ค่อยสบายใจนะครับ?”

หวังจื้อเฉียงเองก็ถอนหายใจเช่นกัน “ไม่กลัวขายหน้าเลยนะครับ บ้านตระกูลหวังเราเกิดเรื่องครับผม! คุณยังจำเย่เฉิน เขยที่แต่งเข้าของบ้านน้องชายผมไหมครับ?”

หม่าเสินพยักศีรษะ เมื่อสามปีก่อนหวังเจียเหยาผู้เป็นสาวงามแห่งเมืองอวิ๋นโจวแต่งกับพนักงานธรรมดาๆ ตกเป็นหัวข้อถกเถียงไม่น้อยในเมือง

ในตอนนั้นหม่าเสินเองเกลียดตัวเองนักที่ไม่ได้เป็นเย่เฉิน!

เป็นแค่คนโนเนมและไม่มีคนหนุนหลังเหมือนกัน เขาเองก็อยากจะตกถังข้าวสารเหมือนอีกฝ่าย!

หวังจื้อเฉียงพูดต่อ “เดียรัจฉานตัวนั้นไม่เพียงแค่นอกใจ แต่ยังซ้อมลูกชายของผมด้วย คุณดูสิ ดูสภาพลูกชายผมสิ!”

หม่าเสินถึงได้เห็นบาดแผลบนใบหน้าของหวังซ่าวเจี๋ย

ทว่าในตอนนี้หม่าเสินเองก็ลำบากใจขึ้นมา

เขาเป็นแค่คนตัวเล็กๆ ไหนเลยจะมีสิทธิ์ไปยุ่งเรื่องในครอบครัวคนอื่น?

หม่าเสินกล่าวว่า “เสียดายที่ผมไม่ได้มีเส้นสายอะไรในอวิ๋นโจว ถ้าขนาดคุณหวังยังแก้ปัญหาไม่ได้ เกรงว่าผมก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้ถึงอยากจะช่วยก็ตาม ไม่อย่างนั้นผมจะต้องสั่งสอนเดียรัจฉานเนรคุณตัวนี้แน่!”

หวังจื้อเฉียงตบบ่าหม่าเสินแล้วกล่าว “เถ้าแก่หม่าคุณถ่อมตัวเกินไปแล้ว เรื่องนี้คุณช่วยผมได้จริงๆ”

“คนๆ นั้นเป็นคนงานของคุณ เขาเป็นคนส่งอาหารของถวนถวน!” หวังซ่าวเจี๋ยโพล่งออกมา

พอหม่าเสินได้ยินก็ดีใจทันที “เย่เฉินเป็นพนักงานของบริษัทเดลิเวอรี่ถวนถวนเหรอครับ? งั้นยกเรื่องนี้ให้ผมจัดการเถอะครับคุณหวัง!”

หม่าเสินเป็นตัวแทนของเมืองอวิ๋นโจว ดังนั้นจึงมีอำนาจเหนือเย่เฉิน หรืออาจจะถึงขั้นรู้เส้นทางการเดินทางของเขาเป็นอย่างดี

หม่าเสินโทรศัพท์ทันที “ฮัลโหล เสี่ยวช่ายใช่ไหม ช่วยเช็คเลขประจำตัวพนักงานของคนชื่อเย่เฉินที แล้วก็ขอตำแหน่งของเขาตอนนี้หน่อย

“ได้ แล้วส่งคำสั่งซื้อให้เขาเอาอาหารมาส่งที่โรงแรมมาริออทนี่”

พอคุยโทรศัพท์เสร็จ หม่าเสินก็กล่าวกับคุณนายหวังอย่างนอบน้อม

“คุณนายหวังครับ คนหน้าตัวเมียคนนั้นจะมาแล้ว เดี๋ยวผมจะจัดการเขาแทนท่านเองครับ!”

ใบหน้าคุณนายหวัง หวังจื้อเฉียงและหวังซ่าวเจี๋ยก็มีรอยยิ้มออกมา

สิบห้านาทีต่อมาเย่เฉินก็ขับมอเตอร์ไซค์มาถึงปากประตูโรงแรมมาริออท

เย่เฉินกดโทรหาลูกค้า “คุณหม่าครับ อาหารของคุณมาถึงแล้วครับ ตอนนี้ผมอยู่ที่หน้าโรงแรมมาริออทรบกวนคุณออกมาเอาอาหารหน่อย”

หม่าเสินกำลังคุยกับพวกคุณหวังอยู่ที่ล็อบบี้โรงแรมพอดี

เขาสั่ง “เข้ามาส่งข้างใน!”

เย่เฉินเงยหน้ามองป้ายประดับที่บริเวณประตูโรงแรมก็เห็นว่าด้านบนเขียนไว้ว่า ‘สุขสันต์วันคล้ายวันเกิดครบแปดสิบปีของคุณนายหวัง’

บวกกับโรงแรมมาริออทเป็นโรงแรมที่จัดงานเลี้ยงได้ดีที่สุดในอวิ๋นโจว เขาก็เดาได้ว่าครอบครัวหวังเจียเหยาจะต้องอยู่ที่นี่แน่

เย่เฉินจึงตอบไปว่า “โรงแรมไม่ให้เข้าไปส่งอาหารด้านในครับ คุณออกมาเอาดีกว่า”

หม่าเสินเอามือปิดไมโครโฟนไว้จากนั้นก็บอกใบ้คุณนายหวังแล้วพูดต่อ “ได้ รอฉันอยู่ที่ประตูแล้วกัน!”

สองนาทีจากนั้นจึงเห็นหม่าเสินและคนตระกูลหวังเดินออกมา!