ตอนที่ 9 ยากระตุ้นยีน!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

เวลาผ่านไปอีกห้าเดือน หลิงหลานที่อายุหกเดือนก็เริ่มพลิกตัวเหมือนกับเด็กทารกทั่วไปและพัฒนาเป็นสิ่งมีชีวิตที่คลานได้ในที่สุด หลิงหลานรู้สึกว่าลิ้นของเธอคล้ายกับยังควบคุมไม่ได้นิดหน่อย เธอได้แต่ส่งเสียงแอ้ๆ ทีละพยางค์เท่านั้น ต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ยังทำให้หลานลั่วเฟิ่งมารดาของเธอตื่นเต้นดีใจเป็นล้นพ้น เมื่อเทียบกับเด็กคนอื่นแล้ว การออกเสียงของหลิงหลานชัดเจนมากราวกับสามารถฟังเข้าใจว่าเธออยากจะสื่อถึงอะไร

หลิงหลานแทบจะร้องไห้ด้วยความตื่นเต้น ในที่สุดเธอก็บอกให้มารดาเข้าใจได้แล้วว่าจะเข้าห้องน้ำเมื่อไหร่ ช่วงเวลานี้เธออดทนแล้วอดทนอีกก็ไม่อาจสู้มารดาที่อยู่กันคนคลื่นกับเธอ เข้าใจการบอกใบ้ของเธอผิดๆ จนทำให้เธอเผชิญกับความอับอายจากการฉี่รดที่นอนอีกครั้งในยี่สิบเจ็ดปีให้หลัง

เอาเถอะ เรื่องน่าขายหน้าต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหกเดือนที่ผ่านมาก็มากมายนับไม่ถ้วน หลิงหลานไม่อยากหวนนึกถึงอีกแล้ว เธอตัดสินใจแล้วว่าเธอจะลบความทรงจำช่วงนี้ไป

และวันนี้หลิงหลานที่เพิ่งตื่นนอนก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย พ่อบ้านหลิงฉินทำสีหน้าเคร่งเครียดมาก ส่วนมารดาก็ช่วยเธอสวมกางเกงหลวมๆ ตัวน้อยที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ไม่เปิดเผยความลับของเธอ ป้องกันอย่างแน่นหนาโดยสมบูรณ์

เอาล่ะ ถ้าหากเมินลูกกลมๆ นุ่มๆ สองลูกที่อยู่ด้านในไป หลิงหลานก็คิดว่ากางเกงที่สวมอยู่สบายเอามากๆ

ไม่นาน จู่ๆ ก็มีคนแปลกหน้าที่สวมเครื่องแบบทหารหลายคนมาถึงคฤหาสน์ตระกูลหลิง

หลิงหลานมองดูแวบหนึ่งและตกตะลึงไป ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าทหารที่กลับมาจากสงครามจะมีลักษณะท่าทางที่ดูมีอำนาจแบบนี้หรือเปล่า แต่หลิงหลานสัมผัสได้อย่างรวดเร็วถึงลักษณะท่าทางรุนแรงปราดเปรียวที่ซ่อนอยู่ภายใต้เครื่องแบบ นี่ย่อมเป็นทหารหน่วยกล้าตายที่เคยเห็นเลือดและมีประสบการณ์ในการรบมาอย่างโชกโชนแน่นอน

หลิงหลานทำหน้าโง่งมแสร้งทำเป็นเล่นกับตัวเอง แต่ความจริงแล้วหูกลับยืดยาว เธอดีใจอย่างยิ่งที่ครอบครัวที่เธอมาเกิดใหม่ในหนึ่งหมื่นปีให้หลังยังคงเป็นคนจีน ภาษาที่พูดยังเป็นภาษาจีน ทำให้เธอไม่ต้องเรียนรู้ภาษาตัวอักษรใหม่อีกครั้ง และสามารถได้รับข้อมูลที่ตัวเองต้องการจากคำพูดของคนเหล่านี้ตั้งแต่สมัยที่เป็นเด็กทารก

หลังจากคนที่มาเยือนได้พูดคุยกับมารดาอยู่หลายประโยค หลิงหลานก็รู้ชัดเจนแล้วว่าที่แท้พวกเขาก็เป็นคนคุ้มกันบำเหน็จความชอบที่หลิงหลานได้รับสืบทอดมา และทุกๆ ครึ่งปีให้หลังก็จะนำมาส่งให้หนึ่งครั้ง

ตั้งแต่วันนี้ไปหลิงหลานถึงได้เข้าใจว่า สิ่งที่เรียกว่าบำเหน็จความชอบคือของอะไร มันเป็นยากระตุ้นยีนที่เพิ่มศักยภาพและคุณสมบัติร่างกายจำนวนมาก

ยากระตุ้นยีนที่จำหน่ายอยู่ในตลาดมีอยู่สี่ระดับ แบ่งเป็นระดับหนึ่งถึงสี่ ระดับสี่คือแย่ที่สุด ส่วนระดับหนึ่งคือดีที่สุด การแบ่งระดับนี้ขึ้นอยู่กับระดับความบริสุทธิ์ของยากระตุ้นยีน ยากระตุ้นระดับสี่มีระดับความบริสุทธิ์ 30% ระดับสามมี 45% ระดับสองมี 60% ระดับหนึ่งมี 75% ยิ่งยากระตุ้นมีระดับความบริสุทธิ์สูง มันยิ่งส่งผลร้ายต่อร่างกายน้อย มันสามารถทำให้ผู้รับดูดซึมยาได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้จนกระตุ้นศักยภาพรวมไปถึงคุณสมบัติร่างกายของตัวเองให้เพิ่มขึ้น

ดังนั้น ร่างกายเด็กยิ่งได้รับยาเยอะ การพัฒนาในอนาคตของเขาก็จะยิ่งดีมากขึ้น จนสร้างรากฐานที่มั่นคงเพื่อที่ตอนสุดท้ายอาจจะกลายเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะได้

อย่างไรก็ตาม ยากระตุ้นยีนประเภทนี้มีราคาที่น่าตกใจมากเช่นกัน พูดแบบนี้ละกัน คนธรรมดาที่เหน็ดเหนื่อยหาเงินมาชั่วชีวิตอาจจะเพียงพอซื้อได้แค่ยากระตุ้นยีนระดับต่ำสุดแค่ขวดเดียว ยาที่สูงเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับก็จะมีราคาสูงขึ้นสิบเท่า แค่คิดก็รู้ได้ว่า มีเพียงพวกคนที่มีเงินมีอำนาจถึงจะซื้อยากระตุ้นยีนระดับหนึ่งได้ ประชาชนทั่วไปทำได้แค่มองดูเท่านั้น

แน่นอนว่าคนธรรมดาทั่วไปไม่ใช่จะไม่มีโอกาสได้รับทรัพยากรที่ดีมากขึ้น ทารกทุกคนที่ถือกำเนิดสามารถไปตรวจวัดร่างกายของทารกที่ศูนย์การประเมินที่ตั้งขึ้นโดยรัฐได้ โดยที่วัดผลได้ทั้งหมดหกระดับ

ทารกที่ถูกประเมินออกมาว่าเป็นระดับ F จะไม่ได้รับการช่วยเหลือจากประเทศชาติ ทารกระดับ D สามารถได้รับยากระตุ้นยีนระดับสี่ สองขวดต่อปี จนกระทั่งไม่สามารถดูดซับได้อีก ทารกระดับ C สามารถได้รับยาระดับสาม สองขวดต่อปี จนกว่าจะไม่สามารถดูดซับได้อีก ส่วนทารกระดับ B สามารถได้รับยาระดับสอง สองขวดต่อปี จนกระทั่งไม่สามารถดูดซับต่อไปได้อีก

แต่ทารกระดับ A มีตัวเลือกสองแบบ หนึ่งคือเลือกที่จะรับยาระดับหนึ่ง สองขวดต่อปี ทว่ายังคงเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างอิสระ ส่วนตัวเลือกอีกอย่างคือเข้าร่วมกองทัพ ได้รับการอบรมสั่งสอนอย่างเป็นระบบจากกองทัพ และจัดหายาระดับหนึ่งให้อย่างไม่มีจำกัด อย่างไรก็ตาม ชั่วชีวิตของเด็กคนนี้ได้แต่รับใช้กองทัพเท่านั้น

ทารกระดับ S จะถูกฝ่ายกองทัพรับไปอบรมสั่งสอนโดยตรง แน่นอนว่าความเป็นไปได้แบบนี้มีน้อยมาก ข้อความก่อนหน้านี้ก็มีบอกไปแล้วว่า น้อยมากที่จะมีเด็กธรรมดาทั่วไปที่มีคุณสมบัติร่างกายที่ยอดเยี่ยมเหนือธรรมชาติปรากฏตัวขึ้นมา หรือพูดได้ว่า ยีนกำหนดทุกสิ่งทุกอย่าง

แต่ดูเหมือนสิ่งที่ผู้สืบทอดบำเหน็จความชอบอย่างหลิงหลานได้รับจะเป็นยากระตุ้นยีนระดับพิเศษที่จะมีแค่ภายในกองทัพเท่านั้น ยาชนิดนี้ยังมีระดับความบริสุทธิ์สูงกว่ายาระดับหนึ่งที่อยู่ในตลาด มันแทบจะมีประสิทธิภาพที่ไร้ขีดจำกัดเกือบจะถึง 90% นี่ก็จนปัญญาแล้วนะ การวิจัยระดับความบริสุทธิ์ของยากระตุ้นยีนอยู่ในสภาพติดขัด การจะให้มีค่าความบริสุทธิ์สูงถึง 90% อย่างแท้จริงดูเหมือนจะใกล้มาก แต่ความจริงแล้วไม่มีทางก้าวมาถึงขั้นนี้ได้

ครั้งนี้หน่วยกองทัพนำยาระดับพิเศษมาสิบหลอดเต็มๆ เนื่องจากยาสิบหลอดนี้มีค่าควรเมือง หน่วยกองทัพจึงจำเป็นต้องส่งผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาออกมาคุ้มกัน

หลิงหลานถูกเปลื้องผ้าอย่างรวดเร็วเหลือเพียงกางเกงตัวน้อยที่เอาไว้ปกปิดตัวนั้น จากนั้นก็เห็นทหารหนึ่งในนั้นที่ดูเหมือนจะเป็นแพทย์ทหารหยิบเข็มฉีดยายาวสุดขีดกระบอกหนึ่งที่ส่องเป็นประกายเย็นเยียบออกมาจากในกล่องข้างกาย หลังจากนั้นก็ดูดยากระตุ้นยีนระดับพิเศษขึ้นมาจากหนึ่งในหลอดยาเหล่านั้น

หลิงหลานแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น อย่างไรก็ตามก็ทำได้แค่มองไม่เห็นเท่านั้น เด็กทารกอายุหกเดือนรู้ว่าความกลัวคืออะไรด้วยเหรอ เวลานี้หลิงหลานรู้สึกดีใจมากๆ ชาติที่แล้วเธอถูกเข็มทิ่มทุกวันจนด้านชาเพราะว่าต้องรักษาอาการป่วย ดังนั้นตอนนี้เลยทำหน้านิ่งเผชิญหน้าโดยที่ไม่รู้สึกหวาดกลัวได้

เข็มฉีดยาถูกปักเข้าไปที่แขนอย่างรวดเร็ว เทคนิคของแพทย์ทหารสูงมาก หลิงหลานรู้สึกคันและชาตอนที่เข็มเข้าไปเหมือนกับถูกยุงกัดจริงๆ

แพทย์ทหารค่อยๆ ดันยาเข้าไปในแขนของหลิงหลาน เขามองปฏิกิริยาตอบสนองของหลิงหลานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด มีทารกบางคนที่ไม่เข้ากับยา และมีทารกบางคนที่เกิดอาการแพ้ยา สรุปคือ ครั้งแรกที่ฉีดยากระตุ้นยีนให้กับเด็กทารกจะต้องระมัดระวังแล้วระมัดระวังอีกเพื่อไม่ให้เกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น

หลิงหลานยังไม่ทันได้รู้สึกว่ามีอะไรแตกต่าง เสี่ยวซื่อที่อยู่ในสมองก็ออกมาโดยไม่ได้รับเชิญ

“ฉันสัมผัสได้ถึงของอร่อย! เป็นรสชาติในความทรงจำของฉัน! แต่มีบางอย่างที่แตกต่างอยู่นะ…แหยะ นี่มันขยะอะไรกันเนี่ย ไม่คิดเลยว่าจะมีสารเจือปนด้วย มันส่งผลกระทบต่อรสชาตินะ!” เสี่ยวซื่อไม่พอใจมากๆ มันรู้สึกว่าตัวเองถูกหยอกเล่น

หลิงหลานได้ยินเสียงของเสี่ยวซื่อก็รีบหลับตาลง ไม่ใช่ว่าดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจเหรอ ขืนถูกคนมองเห็นปัญหาอะไรจากในแววตาของเธอละก็ ถ้าอย่างนั้นเธอก็คงเสียใจจนตายแล้ว หลิงหลานเอ่ยด้วยความลนลานว่า “นายออกมาทำไม”

เสี่ยวซื่อรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมเอามากๆ มันนึกว่าของดีที่อยู่ในความทรงจำของมันปรากฏตัวขึ้นมา แต่ไม่คาดคิดว่านี่จะเป็นเพียงของลอกเลียนแบบเท่านั้น มันกล่าวด้วยความเสียใจว่า “ฉันนึกว่ามีของดีโผล่มาซะอีก ไม่คิดเลยว่าจะเป็นของเลียนแบบ ข้างในมีสารเจือปนมากมาย ถ้าเกิดไม่กำจัดทิ้งละก็ มันจะเป็นอันตรายต่อร่างกายเธอนะ”

หลิงหลานได้ยินคำว่าอันตรายก็รีบเอ่ยว่า “เสี่ยวซื่อ นายช่วยฉันกำจัดทิ้งได้หรือเปล่า”

เสี่ยวซื่อได้ยินคำพูดนี้ก็เอ่ยด้วยความอวดดีทันทีว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ไม่ดูเลยว่าฉันเป็นใคร ฉันคืออุปกรณ์การเรียนรู้ของราชาหุ่นรบที่ฉลาดที่สุดในระบบดาวแมนโดรานะ ฉันสามารถช่วยเหลือผู้ทำสัญญาได้มากมาย ยกตัวอย่างเช่น ขับของที่ส่งผลเสียต่อร่างกายได้”

หลิงหลานเมินการโอ้อวดตัวเองของเสี่ยวซื่อ เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัยอยู่บ้าง “ในเมื่อของสิ่งนี้ส่งผลเสียต่อร่างกาย แล้วทำไมคนที่นี่ยังฉีดให้กับเด็กทารกอีกล่ะ”

“ความจริงแล้วนี่เป็นของดีนะ มันสามารถอัปเกรดศักยภาพและคุณสมบัติของร่างกายเธอได้ แต่ว่าเทคโนโลยีของที่นี่ดูเหมือนไม่สามารถทำให้มันบริสุทธิ์ได้หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นมันถึงได้มีสารปนเปื้อนที่ทำร้ายร่างกายหลงเหลืออยู่ แต่ว่าต่อให้เป็นแบบนี้ มันก็ยังมีประโยชน์มากกว่าผลเสีย เพียงแต่ว่ายาชนิดนี้ไม่สามารถถูกดูดซับได้อย่างไร้ขีดจำกัดเพราะว่าเมื่อสารปนเปื้อนสะสมไปจนถึงระดับหนึ่งแล้ว มันจะทำให้ร่างกายสูญเสียความสามารถในการดูดซับยาไปโดยสิ้นเชิง” เสี่ยวซื่ออธิบาย

หลิงหลานค่อยวางใจ ขอเพียงมีประโยชน์และไม่มีอันตรายอะไรกับชีวิต เธอก็ยอมรับได้ ยิ่งไปกว่านั้น เสี่ยวซื่อเองก็รับปากแล้วเหมือนกันว่ามันสามารถกำจัดสารปนเปื้อนพวกนี้ออกไปได้

ยาหนึ่งหลอดถูกหลิงหลานดูดซับลงไปอย่างรวดเร็ว แพทย์ทหารฉีดหลอดที่สองต่อ แล้วก็หลอดที่สาม…เมื่อแพทย์ทหารหยิบยาหลอดที่แปด หน้าผากของเขาก็มีเหงื่อเย็นๆ ไหลซึมออกมา มือที่เดิมทีสงบนิ่งก็สั่นขึ้นมาโดยไม่คาดคิด

……………………………………………..