ตอนที่ 17 สั่งสอนนางกำนัล (2) / ตอนที่ 18 สั่งสอนนางกำนัล (3)

เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา

ตอนที่ 17 สั่งสอนนางกำนัล (2) 

 

 

“ได้ งั้นข้าจะยกจวนที่ถนนทิศใต้ให้เจ้าแล้วกัน จวนนั่นอยู่ไม่ไกลจากบ้านแม่ทัพน่าหลานนัก”  

 

 

เฟิงเทียนอวี้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า  

 

 

“แต่ที่เมื่อก่อนพวกแม่ทัพน่าหลานขัดขวางเจ้าไม่ให้ใกล้ชิดกับหรงกุ้ยเฟย เพราะพวกเขาหวังดีกับเจ้า ต่อไปเจ้าอย่าได้บาดหมางกับพวกเขาอีกเลย ถึงอย่างไร…พวกเขาก็เป็นคนในตระกูลของแม่เจ้า” 

 

 

เฟิงหรูชิงหลุบตาลง 

 

 

น่าหลานเยียนแม่ของนางเป็นคุณหนูของบ้านสกุลน่าหลาน หลังจากแม่นางลาโลกนี้ไป แม่ทัพน่าหลานผู้เป็นท่านลุงของนางดีกับนางเป็นอย่างมาก แต่นางกลับถูกหรงกุ้ยเฟยปั่นหัว ไม่เพียงไม่สนใจการห้ามปรามจากแม่ทัพน่าหลาน ซ้ำร้ายนางยังยกป้ายเลือดเหล็กให้หรงกุ้ยเฟยไป 

 

 

แถมยังชอบสมคบกับเฟิงหรูซวงมารังแกท่านลุงเป็นประจำ 

 

 

เมื่อคิดถึงเรื่องต่างๆ ที่องค์หญิงคนเดิมทำไว้ในสมัยก่อน เฟิงหรูชิงรู้สึกปวดหัวจนพูดอะไรไม่ออก 

 

 

“เสด็จพ่อวางพระทัยเถิดเพคะ หม่อมฉันจะไม่ก่อเรื่องบาดหมางใจกับพวกท่านลุงอีกเพคะ” 

 

 

เฟิงหรูชิงคนเดิมช่างโง่เขลา ใครดีกับนาง ใครหลอกใช้นาง นางแยกแยะไม่ออก แถมยังทำให้บรรดาญาติของนางต้องเสียใจ 

 

 

แต่…พูดถึงเรื่องป้ายเลือดเหล็ก ของชิ้นนี้…นางต้องเอากลับคืนมาให้ได้! 

 

 

“เจ้าคิดได้แบบนี้ พ่อก็สบายใจ” เฟิงเทียนอวี้ยิ้ม “แต่ว่าก่อนนี้ข้ารู้สึกประหลาดใจกับการเปลี่ยนแปลงของเจ้า ตอนนี้ได้รู้ว่าเจ้ากลายเป็นศิษย์ของกั๋วซือ ข้าก็ไม่แปลกใจแล้วล่ะ ต้องเป็นเพราะกั๋วซือช่วยกล่อมเกลาเจ้า เจ้าถึงได้รู้ผิดชอบชั่วดีแบบนี้” 

 

 

กั๋วซือ…กล่อมเกลานาง? 

 

 

เฟิงหรูชิงหลับตาพริ้ม หากกั๋วซือยอมแก้ผ้าละก็ นางคงยินดีที่จะถูกเขากล่อมเกลา 

 

 

“กั๋วซือดีมากเพคะ” เฟิงหรูชิงยิ้มตาหยี 

 

 

กั๋วซือรูปงามขนาดนั้น ก็ต้องดีอยู่แล้วล่ะ 

 

 

“ฝ่าบาท” 

 

 

ในตอนนั้นเอง ขันทีนายหนึ่งรีบเดินเข้ามา เขาสะบัดแส้ ถวายบังคมแล้วพูดว่า “ท่านเสนาบดีมาขอเข้าเฝ้าอยู่ด้านนอกพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

เสนาบดี? พ่อของหลิ่วอวี้เฉิน? 

 

 

เพราะเรื่องของหลิ่วอวี้เฉิน เฟิงหรูชิงจึงไม่อยากพบหน้าคนของจวนเสนาบดี นางคิ้วขมวดและพูดว่า “เสด็จพ่อ ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันทูลลาก่อนนะเพคะ ธุระของเสด็จพ่อสำคัญกว่า” 

 

 

“ได้” 

 

 

สีหน้าของเฟิงเทียนอวี้ราบเรียบ พูดเสียงแข็ง “ใครก็ได้ เรียกหลิ่วเฟยหงเข้ามา” 

 

 

… 

 

 

เมื่อเฟิงหรูชิงหันหลังจะเดินออกจากห้องทรงพระอักษร ก็มองไปเห็นหลิ่วเฟยหงที่ยืนรออยู่เงียบๆ หน้าประตูพอดี 

 

 

หลิ่วเฟยหงคิดไม่ถึงว่าองค์หญิงจะหายปกติได้เร็วขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นคือการได้เจอกันที่ห้องทรงพระอักษร ดังนั้น เมื่อเห็นหญิงสาวอวบอ้วนคนนั้นเดินออกมา สีหน้าของเขาดูเจื่อนๆ และถวายการคำนับด้วยท่าทีประหม่า 

 

 

“ถวายพระพรองค์หญิง” 

 

 

เฟิงหรูชิงมองดูหลิ่วเฟยหงด้วยท่าทีสงบ หยุดยืนอยู่แล้วพูดว่า “ท่านเสนาบดีหลิ่ว จดหมายหย่าของหลิ่วอวี้เฉินล่ะ?” 

 

 

ก่อนนี้หลิ่วอวี้เฉินยื่นจดหมายหย่าจนถึงมือนาง แต่เสียดายที่นางรับเรื่องเสียดแทงใจแบบนั้นไม่ไหวจึงเลือกที่จะปลิดชีพตัวเอง แน่นอนว่าจดหมายหย่าฉบับนั้นต้องตกอยู่ในบ้านสกุลหลิ่ว 

 

 

หลิ่วเฟยหงตกใจ เขารีบอธิบาย “องค์หญิง กระหม่อมจะให้หลิ่วอวี้เฉินถอนคืนจดหมายหย่าและฉีกทำลายทิ้งเสีย อีกอย่าง เขาจะเป็นคนหามเกี้ยวมารับองค์หญิงด้วยตัวเอง ขอองค์หญิงได้โปรดให้โอกาสเขาอีกสักครั้งนะพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

เฟิงหรูชิงยิ้ม รอยยิ้มของนางดูชัดเจนมาก “ท่านเสนาบดี ข้าว่าท่านคงเข้าใจผิดแล้ว ข้าขอให้ท่านช่วยส่งจดหมายหย่าไปให้ข้าที่จวน ข้าตกลงกับหลิ่วอวี้เฉินเรียบร้อยแล้ว ต่อไปข้ากับเขามิใช่สามีภรรยากันอีก” 

 

 

หลิ่วเฟยหงอึ้ง แววตาทั้งสองเต็มไปด้วยความสับสน มองดูเฟิงหรูชิงแบบทำอะไรไม่ถูก 

 

 

นี่องค์หญิง…ต้องการหย่าขาดกับอวี้เฉินหรือ 

 

 

นางรักอวี้เฉินสุดใจขาดดิ้นมิใช่หรือ ทำใจหย่ากับอวี้เฉินได้ลงจริงหรือ 

 

 

อีกอย่าง ชื่อเสียงขององค์หญิงก็ฟอนเฟะ แถมยังอวบอ้วนอัปลักษณ์ ต่อไปได้ชื่อว่าเคยถูกหย่า นางจะหาคนมาแต่งงานด้วยได้อีกหรือ 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 18 สั่งสอนนางกำนัล (3) 

 

 

แต่คำพูดพวกนี้ หลิ่วเฟยหงไม่กล้าพูดต่อหน้าเฟิงหรูชิง เขาปาดเหงื่อบนหน้าผาก ยิ้มแล้วพูดเชิงเอาใจ “องค์หญิง กระหม่อมสั่งสอนอวี้เฉินแล้ว ต่อไปเขาไม่กล้าทำอย่างนั้นอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“คำพูดของข้ามีเท่านี้แหละ ถ้าเจ้าไม่ยอมเอาจดหมายหย่าส่งมาให้ข้าที่จวน ข้าเฟิงหรูชิงจะประกาศให้คนทั้งแคว้นได้รู้ว่าข้าหย่ากับหลิ่วอวี้เฉินแล้ว!” 

 

 

คราวนี้ ไม่ใช่หลิ่วอวี้เฉินบอกหย่านาง แต่เป็นนางที่บอกหย่าเขา! 

 

 

เมื่อพูดจบ เฟิงหรูชิงก็เคลื่อนกายอันอวบอ้วนของนางมุ่งหน้าไปยังตำหนักที่ประทับ ร่างกายนี้เทอะทะงุ่มง่าม วันนี้นางเดินไปเยอะมาก ทำให้นางเหนื่อยหอบ หน้าผากอันขาวผ่องของนางเต็มไปด้วยเหงื่อ 

 

 

แต่…ความรู้สึกที่ได้ลุกลงจากเตียงมาเดินแบบนี้มันช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน ตอนนางอยู่สถานฟื้นฟูผู้ป่วย เป็นเวลานานมากแล้วที่นอนติดอยู่กับเตียงผู้ป่วยไม่ได้ลุกไปไหน 

 

 

ไกลออกไป เฟิงหรูชิงเห็นชิงหลิงยืนอยู่ที่ประตู นางหันมองไปรอบด้านด้วยความร้อนใจ จนกระทั่งมองไปเห็นเฟิงหรูชิง จึงดูโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด 

 

 

“ถวายพระบังคมเพคะ องค์หญิง” ชิงหลิงย่อตัวลงถวายการคารวะ 

 

 

“ชิงหลิง เจ้ามานี่ซิข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า” เฟิงหรูชิงมองไปที่ชิงหลิง มือผลักประตูตำหนักที่ประทับให้เปิดออกแล้วเดินเข้าไป 

 

 

ชิงหลิงรู้สึกใจตุ๊มๆ ต่อมๆ นางรีบเดินตามเฟิงหรูชิงเข้าไป ความรู้สึกน้อยใจท่วมท้นล้นเอ่อออกมา นางเบ้าตาแดงๆ 

 

 

“องค์หญิง บ่าวทำผิดอะไรหรือเปล่าเพคะ” 

 

 

“ข้าจำได้ว่า เจ้าเป็นคนที่หรงกุ้ยเฟยส่งมาอยู่กับข้า?” เฟิงหรูชิงหยีตาเบาๆ มุมปากของนางจะยิ้มก็ไม่ใช่ 

 

 

ตอนแรกนางกำนัลของนางไม่ใช่ชิงหลิง แต่เป็นคนที่เคยรับใช้เสด็จแม่มาก่อน แต่หลังจากได้รู้จักกับหรงกุ้ยเฟย เพราะความลวงหลอกของหรงกุ้ยเฟย นางจึงคิดว่านางกำนัลคนที่คอยเตือนคอยโน้มน้าวนางด้วยความอดทนเป็นคนที่น่ารำคาญ จากนั้นจึงไล่นางกำนัลคนนั้นไปอยู่ห้องซักล้าง 

 

 

ชิงหลิงคนนี้เป็นคนที่หรงกุ้ยเฟยส่งมา ไม่ว่าเรื่องอะไรก็คอยพึ่งนาง เรื่องก็ก่อด้วยกันไปรุมอัดคนก็ไปด้วยกัน 

 

 

ชิงหลิงอึ้งไป มองดูเฟิงหรูชิงอย่างสงสัย 

 

 

“บ่าวเป็นคนที่พระชายาหรงกุ้ยเฟยส่งให้มาอยู่กับองค์หญิง องค์หญิงลืมแล้วหรือเพคะ” 

 

 

“อืม” เฟิงหรูชิงขานต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “งั้นเจ้าบอกข้าได้หรือไม่ หลังจากหรงกุ้ยเฟยให้เจ้าติดตามข้า นางให้เจ้าทำอะไรบ้าง” 

 

 

ชิงหลิงพูดด้วยความน้อยใจ 

 

 

“หรงกุ้ยเฟยรับสั่งให้บ่าวคอยดูแลองค์หญิง แถมทุกเรื่องให้ทำตามพระประสงค์ขององค์หญิง องค์หญิงอยากเสวยอะไร ก็ให้จัดให้ตามนั้น องค์หญิงอยากทำอะไร ให้คอยทำเป็นเพื่อน ถ้าบ่าวไม่ทำตามที่องค์หญิงรับสั่งก็จะเฆี่ยนหม่อมฉันให้ตาย” 

 

 

“นางยังพูดอย่างอื่นอีกหรือไม่” 

 

 

“ไม่มีแล้วเพคะ” ชิงหลิงส่ายหน้า ท่าทางเสียใจ “องค์หญิง แต่ไรมาบ่าวไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งขององค์หญิง และคอยทำตามรับสั่งของพระชายาหรงกุ้ยเฟยมาตลอด ไม่รู้ว่าช่วงนี้บ่าวทำอะไรผิดหรือเปล่า ทำอะไรให้องค์หญิงไม่พอพระทัยหรือไม่เพคะ” 

 

 

เฟิงหรูชิงแสยะยิ้มไม่พูดอะไร นิสัยที่ไร้ความยำเกรงขององค์หญิงคนเดิม มาจากการให้ท้ายของหรงกุ้ยเฟยจริงๆ 

 

 

ส่วนชิงหลิงคนนี้ดูแล้วไม่มีปัญหาอะไร นางเป็นห่วงองค์หญิงด้วยใจจริง แต่การที่นางเป็นเพียงนางกำนัลอยู่ในฐานะที่ตัดสินใจอะไรเองไม่ได้ ถ้าไม่ทำตามองค์หญิงสั่งไม่เพียงถูกหรงกุ้ยเฟยทำโทษถึงตาย แม้แต่องค์หญิงคนเดิมก็คงไม่เก็บนางไว้ 

 

 

“ชิงหลิง เจ้าจงจำไว้ว่า ในวังหลวงเสด็จพ่อข้าต่างหากที่เป็นใหญ่ แต่ไรมาเสด็จพ่อรักข้า แต่เจ้ากลับทำตามหรงกุ้ยเฟย แบบนี้มันดูแยกแยะไม่เป็นหรือเปล่า” 

 

 

ชิงหลิงนิ่งเหม่อไป แต่คนที่เชื่อฟังหรงกุ้ยเฟยยิ่งกว่า ไม่ใช่องค์หญิงหรอกหรือ 

 

 

“ต่อไปข้าจะย้ายออกจากตำหนักที่ประทับ แล้วไปอยู่ที่จวนองค์หญิง ในจวนนั้นเจ้าฟังคำสั่งข้าคนเดียวพอ ถ้าข้าจับได้ว่าเจ้ากับหรงกุ้ยเฟยไปมาหาสู่กัน…” เฟิงหรูชิงยิ้มตาหยี “สมัยก่อนข้าเคยทำกับคนอื่นยังไง ข้าก็จะทำกับเจ้าแบบนั้นเหมือนกัน”