บทที่ 11 อาจารย์ของอวี้ตี๋เอ๋อ

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 11

อาจารย์ของอวี้ตี๋เอ๋อ

เจียงหวายเย่ก็ได้มองไปท่าทางที่องอาจของเจ้าลูกชิ้นแล้วเขาก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา “ใครบอกเจ้าแบบนี้?”

“ท่านแม่ของข้าบอกเอาไว้” เทียนเอ๋อทุบอกของตัวเองแล้วหันไปมองหลินซีเหยียนอย่างภาคภูมิใจ

หลินซีเหยียนก็ไม่ได้คิดจะโต้แย้ง แล้วลูบหัวของ เทียนเอ๋อ

เมื่อเจียงหวายเย่ได้ยินประโยคนี้ “เทียนเอ๋อเป็นอัจฉริยะด้านการต่อสู้สินะ” เขาพูดกับหลินซีเหยียนอย่างติดตลก เขาก็ได้มองไปที่ท้องฟ้านอกหน้าต่างแล้วก็พูดขึ้นมา “นับแต่วันนี้ไปเจ้าจะมาเป็นศิษย์ของข้าเจียงหวายเย่”

“เทียนเอ๋อเจ้ามัวทำอะไรอยู่ ทำไมยังไม่รีบคำนับขอเป็นศิษย์อีก” เมื่อหลินซีเหยียนเห็นเทียนเอ๋อที่มีทีท่าตกใจ นางก็รีบเตือนเขา แล้วจากนั้นเทียนเอ๋อก็รู้สึกตัว รีบคำนับเขาเป็นศิษย์

หลังจากที่เสร็จสิ้น เจียงหวายเย่ก็ได้พาพวกเขามาที่สนามฝึก แล้วก็พูดขึ้นมา “อันอี้ เจ้าไปประลองฝีมือกับเทียนเอ๋อ ข้าอยากจะดูความสามารถของอัจฉริยะด้านการต่อสู้เสียหน่อย”

เทียนเอ๋อก็ได้ยืนอยู่ในสนามประลองด้วยความฮึกเหิม กระตือรือร้นที่จะได้ประลอง แต่ทว่าอันอี้ผู้ที่ถูกตั้งชื่อโดยองค์ชายเย่ ก็ได้มองไปที่ร่างเล็กๆที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยสีหน้าหดหู่มาก เขาเกรงว่าจะไปทำร้ายเด็กน้อยเข้า

“เข้ามาเลย” เทียนเอ๋อตั้งท่าไท่เก๊กพื้นฐานและรอรับมืออันอี้

มองการตั้งท่าแปลกๆของเทียนเอ๋อแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาได้ลดความเร็วและความแข็งแกร่งของเขาลงมาต่ำกว่า 10% เพราะเขากลัวว่าเทียนเอ๋อจะได้รับบาดเจ็บ

มองไปที่หมัดที่ทรงพลัง เทียนเอ๋อก็หาได้ตื่นตระหนกไม่ กลับกันเขาคิดที่จะใช้ความแข็งแกร่งของเขา แสดงให้คนอื่นได้เห็นและเข้าใจตัวเขาใหม่

ในระหว่างการประลองนี้ อันอี้ก็ได้ทำหน้าที่คู่ซ้อมเป็นอย่างดี ทำให้เจียงหวายเย่รู้สึกได้ถึงความไม่ธรรมดาของ เทียนเอ๋อในเวลานี้ แล้วเขาก็หยิบเอาขวดยาหยกสีดำออกมาจากแขนเสื้อแล้วเทเอายาเม็ดสีแดงออกมาจากขวด จากนั้นก็เอาใส่ปาก “อันอี้ถอยออกมา”

อันอี้มองไปที่องค์ชายเย่ด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล จากนั้นก็ถอยออกมาจากสนามประลอง ไม่นานนักที่สนามประลองขนาดใหญ่แต่กลับมีคนอยู่แค่ 3 คนเท่านั้น

“เมื่อสักครู่ท่านกินอะไรเข้าไป?” หลินซีเหยียนถามอย่างเป็นกังวล

“ไม่ต้องกังวล มันก็แค่ยาที่ทำให้เปิ่นหวางสามารถยืนขึ้นมาได้ชั่วขณะน่ะ” เจียงหวายเย่ยักคิ้วขึ้นมา แล้วจากนั้นก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปในสนามประลอง และมองไปที่เทียนเอ๋อ แล้วกล่าว “ข้าคืออาจารย์ของเจ้า ดังนั้นข้าจะสอนวิทยายุทธให้ด้วยตัวเอง และวิชาที่ข้าจะสอนเจ้าคือหมัดสวินจง เจ้าคอยดูเอาไว้ให้ดี”

หลังจากนั้นเจียงหวายเย่ก็ได้เริ่มใช้วิชาหมัด กระบวนท่าของสวินจงนั้นดุดันมาก ซึ่งเทียนเอ๋อก็ได้ยืนดูอย่างสนใจ จากนั้นเทียนเอ๋อก็ได้หลับตาลงเมื่อเจียงหวายเย่เสร็จกระบวนท่า

เจียงหวายเย่มองไปที่เทียนเอ๋อ แล้วคิดว่าบางทีกระบวนท่าอาจจะดูซับซ้อนเกินไป ทำให้เทียนเอ๋อจำไม่ได้แต่เขาอายที่จะยอมรับ จึงได้หลับตาและไม่พูดอะไร

“กระบวนท่าของหมัดสวินจงนั้นซับซ้อนนิดหน่อย จึงเป็นเรื่องปกติที่จะจำไม่ได้”

เขาพูดปลอบใจไม่ทันไร เทียนเอ๋อก็ได้ลืมตาขึ้นมาแล้วใช้กระบวนท่าหมัดสวินจงได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งทำให้ เจียงหวายเย่รู้สึกยินดี “เทียนเอ๋อเป็นอัจฉริยะด้านการต่อสู้จริงๆด้วย”

หลังจากนั้นสักพักเจียงหวายเย่ก็มีสีหน้าซีดเซียว แล้วเขาก็นั่งลงที่เก้าอี้รถเข็นพร้อมกับมีเหงื่อไหลออกมาที่หน้าผากของเขา หลินซีเหยียนจึงได้จับข้อมือของเขาก่อนที่เขาจะปฏิเสธได้ทัน แล้วจากนั้นก็คิ้วขมวด “ต่อจากนี้ห้ามใช้ยานั่นอีกแล้วนะ ยานั่นมีผลข้างเคียงมันจะให้ขาของท่านปวดจนทนไม่ไหว”

“ไม่เป็นไร เทียบกับการที่ข้ายืนได้ ผลข้างเคียงแค่นี้เล็กน้อย” เจียงหวายเย่ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับอาการปวดนี้ดี ดังนั้นเขาจึงไม่ใส่ใจมาก

“ส่งมาให้ข้า” หลินซีเหยียนไม่พูดอะไรมาก แต่วางแผนที่จะพัฒนายานี้ให้ดีขึ้นเผื่อฉุกเฉิน

เจียงหวายเย่ก็ได้หยิบเอาขวดยาออกมาจากในแขนเสื้อแล้วส่งให้หลินซีเหยียน หลินซีเหยียนก็รับยามาและไม่คิดที่จะคืนให้กับเขา

ในขณะที่เจียงหวายเย่กำลังจะขอคืน เขาก็พบอันอี้ที่วิ่งหน้าตาตื่นมาหา

“องค์ชายขอรับ หมอเทวดาเฉินมาที่นี่ขอรับ”

“เขามาที่นี่ทำไมกัน?” เจียงหวายเย่ก็ได้ใส่หน้ากากแล้วให้อันอี้เข็นเขาไปที่ห้องโถง

แต่ก่อนที่จะเดินไปถึงที่ห้องโถง เขาก็ได้ยินเสียงของ อวี้ตี๋เอ๋อดังขึ้นมา “ท่านอาจารย์เจ้าคะ ท่านจะต้องทำยาขึ้นมาและสั่งสอนผู้หญิงคนนั้นนะเจ้าคะ เพราะผู้หญิงคนนั้นทำให้องค์ชายไม่ยอมกินยาเจ้าค่ะ”

คำพูดนี้ได้ทำให้เจียงหวายเย่คิ้วขมวด เขาเข้าไปในห้องโถงแล้วก็พบชายชราผู้หนึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้ ชายชราไว้หนวดยาวผู้นี้มีอายุเกือบจะ 100 ปีแล้ว และมีโครงกระดูกแบบวิถีเซียน แบบเดียวกับพวกนักพรตแลดูมีบรรยากาศที่สูงส่ง

“องค์ชายเย่” เมื่อเห็นองค์ชายเข้ามา หมอเทวดาเฉินก็ได้รีบลุกขึ้นยืนและทำความเคารพอย่างรวดเร็ว

เจียงหวายเย่ก็ได้โบกมือของเขา “ท่านหมอเฉิน เชิญนั่งลงก่อน”

เมื่อทุกคนนั่งลงแล้ว เจียงหวายเย่ก็ได้หยิบชาจากบนโต๊ะขึ้นมาจิบ “ท่านหมอเฉินมาหาข้านี้มีเรื่องอันใดรึ?”

“ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ข้าก็แค่อยากจะมาพบกับหญิงสาวที่สงสัยในวิชารักษาของข้าก็เท่านั้น” ในขณะที่หมอเฉินพูดเรื่องนี้ ก็ปรากฏสายตาประชดประชันขึ้นมาในดวงตาของเขา

อย่างที่เขาว่าอาจารย์เป็นเช่นไรลูกศิษย์ก็ย่อมเป็นเช่นนั้น ดวงตาของเจียงหวายเย่ก็ได้เย็นชาขึ้นมาแม้แต่เสียงของเขาก็ยังเต็มไปด้วยความเยือกเย็น “ไปตามแม่นางหลินมาที่นี่ที”

อันอี้ขานรับแล้วถอยออกไปทันที

หลังจากนั้นไม่นานหลินซีเหยียนก็ได้เข้ามา โดยที่ไม่มีเทียนเอ๋อตามหลังนางรีบมาด้วย หลินซีเหยียนยืนอยู่ตรงกลางห้องโถง แล้วพูดขึ้นอย่างไม่มีพิธีรีตอง “องค์ชายเรียกหาข้าเหรอเจ้าคะ?”

“ท่านหมอเฉินอยากจะพบเจ้าน่ะ” เจียงหวายเย่จ้องไปที่หมอเทวดาเฉินด้วยสายตาที่ดำมืด ความเย็นชาในสายตาของเขาทำให้ชายชรารู้สึกหนาวสั่น และรู้สึกคิดผิดขึ้นมานิดหน่อย ในตอนที่เขาได้ยินที่อวี้ตี๋เอ๋อเล่าแล้ว ทำให้เขาต้องรีบมาทันที

“เหรอเจ้าคะ? ไม่ทราบว่าท่านหมอเทวดาเฉินถามหาข้าทำไมเหรอเจ้าคะ?”

หมอเทวดาเฉินก็ได้จ้องไปที่หลินซีเหยียนอย่างดูถูกและพูดด้วยน้ำเสียงที่กลางๆ “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าสงสัยในวิชาหมอของข้าและไม่ให้องค์ชายดื่มยาของข้าใช่หรือไม่”

หลินซีเหยียนได้ยินก็ผงกหัวอย่างเรียบร้อย “ข้าพูดแค่ว่าสูตรยาอันนั้นมันขยะเกินไป และมันไม่เป็นผลดีต่อองค์ชายหากดื่มเข้าไป”

เจียงหวายเย่ได้ฟัง ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมาหน่อยๆ

“เจ้า…เจ้ากล้า…..”

มองดูชายชราที่โกรธจัดจนพูดไม่ออก ทำให้ หลินซีเหยียนรู้สึกยินดีมาก นางนั้นไม่ชอบการที่คนอื่นมาดูถูกนางเช่นนี้ นางนั้นชื่นชอบคำชมเชยมากกว่า

“มีเพียงคนเลวและผู้หญิงที่เลี้ยงยังไงก็ไม่เชื่อง โบราณว่าไว้ไม่มีผิดจริงๆ” หมอเทวดาเฉินที่ยังคงพูดอย่างสุภาพและมองไปที่องค์ชายเย่ “องค์ชายผู้หญิงคนนี้หยาบคายมาก ท่านควรจะไล่นางออกไปจากราชวังจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่สามารถตั้งสมาธิในการรักษาพิษขององค์ชายได้แน่”

เจียงหวายเย่ได้ยินเช่นนี้ สายตาของเขาก็ได้ดำมืดมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ “ท่านหมอเฉินกำลังขู่ข้าอย่างนั้นเหรอ?”

หมอเทวดาเฉินก็ได้หดคอลงไป แต่เมื่อเขาคิดว่า เจียงหวายเย่นั้นจะต้องพึ่งพาเขาในการรักษาพิษของเขาเป็นแน่ เขาจึงได้ฟื้นความมั่นใจกลับมา “องค์ชายลองคิดดูให้ดี ข้าไม่ได้ขู่ท่าน แต่ข้าแค่พูดความจริงเท่านั้น”

“พูดความจริงงั้นเหรอ ถ้าเช่นนั้นอาการของข้าก็จะไม่ขอรบกวนท่านหมอเฉินอีก ส่งแขก”

เจียงหวายเย่นั้นเกลียดคำขู่มากที่สุดในชีวิตของเขา และในเวลานี้เขาโกรธมากแต่ยังมีความอดทนมากพอที่จะไว้ชีวิตชายชราและเขาเองก็ติดหนี้บุญคุณที่เคยรักษาเขาด้วย

หมอเทวดาเฉินก็ตะลึงงัน “องค์ชายท่านลองคิดดูให้ดีก่อน พิษของท่านมันยากเกินที่หมอทั่วไปจะรักษาได้นะ”

“ไม่ต้องกังวลท่านหมอเทวดา ข้าจะรักษาอาการขององค์ชายโดยไม่ต้องใช้สูตรยาขยะของท่าน” หลินซีเหยียนก็ได้พูดอย่างดูถูก

“ข้าไม่เคยเจอใครที่อวดดีอย่างเจ้ามาก่อน” ด้วยความชราภาพของหมอเฉินทำให้เขาเริ่มที่จะหายใจแทบไม่ทัน