บทที่ 19 คำถาม + บทที่ 20 หยางเล่อเล่อ Ink Stone_Romance
บทที่ 19 คำถาม
“ซิ่วเอ๋อร์ เจ้าพูดอะไรน่ะ บอกแม่มาว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” นางหลัวมองลูกสาวของตน แม้ว่าน้ำเสียงของหยางซิ่วเอ๋อร์จะไม่น่าฟังนัก แต่นางก็ไม่อาจดุด่า หรือทุบตีลูกสาวได้
หยางซิ่วเอ๋อร์เห็นว่าผู้เป็นแม่เป็นห่วง และไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องตลก ทั้งยังรู้ว่านางเพิ่งเจอเรื่องไม่เข้าท่ามาก่อนหน้านี้ นางจึงพูดราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นคนผิด “ท่านแม่ หนิงเมิ่งเหยาทำเช่นนี้กับข้าได้เช่นไรกัน” นางยิ่งรู้สึกขุ่นเคืองเมื่อคิดย้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตัวเมือง
นางรู้สึกขายหน้าต่อหน้าคนอื่นๆ เพราะเรื่องของค่าโดยสารเกวียนนั่น และยังต้องขายหน้าในหอลั่วหยุนอีก ทั้งหมดเป็นเพราะหนิงเมิ่งเหยาทั้งสิ้น
“หา มันเกิดเรื่องบ้าบออะไรขึ้น” นางหลัวรีบเอ่ยปากถามในทันทีอย่างเป็นห่วง หลังจากเห็นลูกสาวมีท่าทีแปลกไปจนกระทั่งน้ำตาของนางเริ่มไหลริน
หยางซิ่วเอ๋อร์เล่าเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตัวเมืองให้กับผู้เป็นแม่ฟัง ทำให้นางหลัวรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ‘มันราคาแค่สองอีแปะเท่านั้นเอง และไม่ใช่ว่าหญิงสาวจะไม่มีเงินเสียหน่อย แล้วทำไมนางจึงไม่ไว้หน้าหยางซิ่วเอ๋อร์บ้างเลย ทำเกินไปแล้วจริงๆ ’
แล้วเหตุใดจึงไม่ยอมพาลูกสาวของนางไปหอลั่วหยุนด้วยเล่า
ดวงตาของนางหลัวลุกโชนไม่หยุดขณะกำลังครุ่นคิด ก่อนจะพาหยางซิ่วเอ๋อร์ไปหาหนิงเมิ่งเหยา “ไปหานางตัวดีนั่นกันเถอะ แม่อยากจะถามนางนักว่าทำไมถึงกล้าทำกับเจ้าเช่นนี้”
หากเป็นแต่ก่อน หยางซิ่วเอ๋อร์จะต้องยอมไปอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้นางกลับไม่กล้า เพราะเกรงว่าหากไปถึงแล้ว นอกจากจะสร้างปัญหาให้กับหนิงเมิ่งเหยา ยังเป็นการประจานตนเองอีกด้วย
หยางซิ่วเอ๋อร์หยุดฝีเท้าลง แล้วรั้งแขนนางหลัว ก่อนจะสงบจิตใจของตนลง “ท่านแม่ เราไปหาเรื่องหนิงเมิ่งเหยาตอนนี้ไม่ได้หรอก ข้าจะปล่อยนางไปก่อนสักสองสามวัน แล้วจึงค่อยเข้าไปคุย” เพราะเมื่อถึงเวลานั้น นางคงจะพอคิดคำพูดออกว่าควรเอ่ยอะไรกับหญิงสาวบ้าง
ทั้งนี้ทั้งนั้น หากพวกนางเข้าไปหาตอนนี้ มีแต่จะทำให้ตัวเองนั้นตกอยู่ในกำมือของอีกฝ่าย
นางหลัวเห็นด้วยกับคำพูดของลูกสาว “ถ้าเช่นนั้น ต่อจากนี้ไป เจ้าก็คอยดูว่ามันจะเป็นเช่นไร แต่เจ้าจะยอมกล้ำกลืนความโกรธนี้เอาไว้หรือ”
หยางซิ่วเอ๋อร์เย้ยหยัน ‘จะให้นางกล้ำกลืนความโกรธเช่นนั้นหรือ จะเป็นไปได้อย่างไรกัน รอให้นางขุดคุ้ยความลับทั้งหมดของหญิงสาวก่อนเถอะ แล้วจะได้รู้ว่าการทำตัวเป็นปรปักษ์กับนางนั้นมีผลลัพธ์เช่นไร’
หนิงเมิ่งเหยากำลังจัดแต่งลวดลายบนงานปักผ้าของตนอยู่ในขณะนั้น โดยไม่รู้แผนการของแม่ลูกคู่นี้เลยแม้แต่น้อย
หยางซิ่วเอ๋อร์ตั้งใจเมินเฉย และไม่ไปหาหนิงเมิ่งเหยาสองสามวัน จนกระทั่งวันนี้ นางไปหาหญิงสาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับถืองานปักเย็บของตนไปด้วย
เมื่อพ้นประตูบ้านเข้ามา นางก็พบว่าหญิงสาวกำลังสอนบทเรียนให้กับเด็กๆ อยู่ จึงรู้สึกหงุดหงิด “เมิ่งเหยาทำอะไรอยู่ มาเย็บผ้าด้วยกันดีกว่า”
หนิงเมิ่งเหยามองหยางซิ่วเอ๋อร์ด้วยแววตาราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นคนโง่งมนัก นางโตมาขนาดนี้ได้เช่นไรกัน ช่างไม่มีสมองเสียจริง
ในขณะนั้น หญิงสาวกำลังสอนให้เหล่าเด็กน้อยรู้วิธีการอ่านหนังสือรวมถึงจดจำคำศัพท์ต่างๆ โดยมีบรรดาชาวบ้านที่ไม่มีธุระต้องทำเข้ามาร่วมฟังด้วย แต่พวกเขาจะยืนออกันด้านนอก และฟังอย่างเงียบๆ แต่ทว่าตอนนี้ จู่ๆ หยางซิ่วเอ๋อร์ปรากฏตัวขึ้นและแทรกกลางระหว่างบทเรียนของหนิงเมิ่งเหยา ทั้งยังต้องการให้หญิงสาวหยุดสอนเรื่องคำศัพท์ต่างๆ ให้กับเด็กๆ เพื่อจะมาเย็บปักผ้าด้วยกัน
การขัดขวางการเรียนหนังสือของเด็กๆ นั้นถือเป็นเรื่องใหญ่เอาการ
กลุ่มแม่บ้านที่ฟังบทเรียนของหนิงเมิ่งเหยาอยู่ด้านนอกต่างไม่ชอบใจ และเดินผ่านประตูเข้ามาจ้องหน้าหยางซิ่วเอ๋อร์เอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “ซิ่วเอ๋อร์ การเรียนการสอนก็มีมานานแล้วนะ เจ้าควรจะรู้กาลเทศะว่าในช่วงเช้า จะเป็นเวลาที่เมิ่งเหยาสอนเด็กๆ อ่านหนังสือ และท่องคำศัพท์ต่างๆ แต่นี่เจ้ากลับอยากให้นางหยุดสอนเพื่อมาปักเย็บผ้ากับเจ้า หมายความว่าเจ้าเห็นเรื่องของตนเองสำคัญกว่าการเรียนรู้ของเด็กน้อยเหล่านี้เช่นนั้นหรือ”
“นั่นสิ เจ้าไม่เห็นหรือว่าเด็กๆ กำลังตั้งใจเล่าเรียนกันอยู่ เจ้าจะมาก่อกวนที่นี่เช่นนั้นหรือ”
“ข้า…ข้า…” หยางซิ่วเอ๋อร์หน้าตาบูดบึ้งหลังจากโดนผู้คนรุมตำหนิ ก่อนจะหันมองหนิงเมิ่งเหยา แล้วพบว่าหญิงสาวกำลังมองนางด้วยแววตาไม่แยแสราวกับว่าไม่ใช่เรื่องของตนเอง
“ทุกคนอย่าโกรธกันเลย พวกเรามาเรียนกันต่อเถอะ” หนิงเมิ่งเหยาเอ่ยขึ้นเพื่อสงบจิตใจของเหล่าแม่บ้านที่กำลังโมโห ก่อนจะหันมองหยางซิ่วเอ๋อร์ “หวังว่าเจ้าจะอยู่เงียบๆ เป็นนะ”
เมื่อพูดจบ หญิงสาวจึงหันมองเด็กๆ และให้พวกเขาเปิดหนังสือในบทเรียนหน้าต่อไป ขณะที่สีหน้าของหยางซิ่วเอ๋อร์นั้นแดงก่ำ
ในขณะนั้นยังเป็นช่วงเช้า หนิงเมิ่งเหยาสอนคำศัพท์บางคำ รวมถึงวิธีการนับเลขให้กับเด็กๆ จนเกือบเที่ยง จากนั้นจึงให้การบ้าน และปล่อยทุกคนกลับบ้าน
บรรดาลูกศิษย์ตัวน้อยต่างชอบวิธีการสอนของหญิงสาวมาก เพราะเด็กๆ ได้เล่าเรียนวิชาในช่วงเช้า พอตกบ่ายก็มีเวลาเล่น รวมถึงมีเวลาพักผ่อนระหว่างช่วงที่พวกเขาเล่น และเรียนอีกด้วย ทุกคนจึงมีความสุขอย่างยิ่ง
บทที่ 20 หยางเล่อเล่อ
หนิงเมิ่งเหยารอให้เด็กๆ กลับบ้านจนหมด จากนั้นก็เริ่มเก็บโต๊ะ และเก้าอี้ในลานบ้าน หยางซิ่วเอ๋อร์รู้สึกโมโห เพราะเห็นว่าหญิงสาวเมินเฉยตน จึงเดินไปข้างๆ แล้วผลักโต๊ะ และเก้าอี้ที่อีกฝ่ายพับเก็บไว้อย่างแรงจนพวกมันล้มระเนระนาดลงกับพื้น
“หนิงเมิ่งเหยา นี่มันหมายความว่าเช่นไร เจ้าเห็นข้าเป็นตัวตลกเช่นนั้นหรือ” หยางซิ่วเอ๋อร์ชี้หน้าหญิงสาวด้วยความโกรธเคือง
ไม่มีชาวบ้านคนใดรู้เรื่องเหตุการณ์ในตัวเมืองเมื่อวันนั้น ดังนั้นนางจึงพอทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ แต่สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านไป๋ซานแห่งนี้ นางจะแสร้งไม่รู้ไม่ชี้ได้เช่นไรกัน หยางซิ่วเอ๋อร์มั่นใจว่าเมื่อผู้คนทั้งหลายเดินทางกลับหมู่บ้าน พวกเขาจะต้องแพร่กระจายข่าวคราวออกไปอย่างแน่นอน
หนิงเมิ่งเหยาหันหน้ามามองนางด้วยใบหน้าสงบนิ่งและไม่มีวี่แววของความไม่พอใจแต่อย่างใด ทว่ากลับทำให้อีกฝ่ายหวาดกลัวจนขนลุก
“ข้าดูเป็นคนที่ถูกรังแกได้ง่ายเช่นนั้นหรือ”
“ข้า…เมิ่งเหยา ข้าไม่…” หยางซิ่วเอ๋อร์พยายามพูดอธิบายอย่างไม่ทันตั้งตัว
หนิงเมิ่งเหยายิ้มเย้ยหยัน ก่อนจะก้มลงเก็บโต๊ะ และเก้าอี้บนพื้น “ต่อไปนี้ข้าไม่ต้องการเห็นเจ้าที่บ้านของข้าอีก เข้าใจหรือไม่”
สีหน้าของหยางซิ่วเอ๋อร์ซีดเผือด “เมิ่งเหยา ข้าไม่ตั้งใจจะทำให้เจ้าโกรธนะ”
“เหยาเหยา ข้ามาหา” หยางเล่อเล่อวิ่งมาพร้อมถืองานปักผ้าในมือ เมื่อเห็นหยางซิ่วเอ๋อร์กำลังดึงมือเพื่อนรักของตนอยู่ด้านใน นางก็หน้าซีดไป
หยางเล่อเล่อมองหยางซิ่วเอ๋อร์อย่างไม่ไว้ใจ ก่อนจะถามด้วยความเป็นห่วง “เหยาเหยา เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า”
“เปล่าหรอก หยางซิ่วเอ๋อร์ ข้าหวังว่าเจ้าจะจำคำพูดของข้าได้” หลังจากสิ้นวาจา หนิงเมิ่งเหยาจึงเริ่มจัดโต๊ะ และเก้าอี้ให้เรียบร้อยต่อ
หยางเล่อเล่อเห็นดังนั้น จึงวางตะกร้าเย็บปักถักร้อยของตนลงข้างๆ และช่วยหญิงสาวจัดโต๊ะ และเก้าอี้
ระหว่างนั้น หยางซิ่วเอ๋อร์เหลือบมองในตะกร้าของหยางเล่อเล่อ แล้วพบว่ามีบรรดาปลอกหมอนลายนกเป็ดน้ำซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่นักสำหรับนาง หลังจากนั้นใบหน้าของนางก็ถมึงทึงไปชั่วครู่
‘ทั้งหมดนี่ต้องเป็นฝีมือของหนิงเมิ่งเหยาแน่นอน เพราะจากทักษะของหยางเล่อเล่อแล้ว คงไม่อาจเย็บปักลายเหล่านี้ได้เป็นแน่’
หยางซิ่วเอ๋อร์รู้สึกอิจฉา และเกลียดชังอยู่ภายใน จนอยากจะเข้าไปฉีกงานปักผ้าในตะกร้าเหล่านั้นให้ขาดเป็นชิ้นๆ แต่ทำได้แค่อดกลั้นเอาไว้ในใจ
นางรอให้หญิงสาวทั้งสองจัดข้าวของจนเสร็จ แล้วเดินเข้าไปหาพร้อมมองงานปักผ้าในตะกร้าของหยางเล่อเล่อด้วยแววตาไม่อยากเชื่อ “เจ้าไม่กังวลหรือว่าจะปักลายนี้ได้ออกมาห่วยแตก จนต้องจ่ายเงินชดเชยเสียเอง”
หากเป็นเมื่อก่อน หยางเล่อเล่อคงวิตกจริตและไม่มั่นใจในตัวเองไปแล้ว แต่ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว นางจะไม่เชื่อคำพูดของหญิงสาวคนนี้อีกต่อไป
“ถ้าจะต้องจ่ายเงินชดเชยมันก็เป็นเรื่องของข้า ข้าไม่ได้ขอใช้เงินเจ้าเสียหน่อย” หยางเล่อเล่อเบะปาก และส่งเสียงฮึดฮัด
สีหน้าของหยางซิ่วเอ๋อร์อึ้งไปขณะมองเด็กสาวอย่างประหลาดใจ เมื่อก่อนตอนนางพูดเช่นนี้ หยางเล่อเล่อมักจะหวั่นวิตกและเป็นกังวลเสมอ แต่ตอนนี้ นอกจากอีกฝ่ายจะไม่สะทกสะท้านแล้ว ยังตอกหน้านางกลับอีกด้วย
หยางซิ่วเอ๋อร์หันไปมองหนิงเมิ่งเหยาที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ‘ถ้าหญิงสาวเป็นผู้ช่วยปักเย็บงานชิ้นนี้ หยางเล่อเล่อก็ต้องทำได้อยู่แล้วน่ะสิ’
นางมองหนิงเมิ่งเหยาอย่างสงสัย และต้องการเอ่ยถาม แต่หญิงสาวผู้นั้นก็หันมองหยางเล่อเล่อพอดี “เล่อเล่อ ขึ้นเขาไปเก็บเห็ดกันเถอะ ของป่าที่บ้านข้าจะหมดแล้ว”
เด็กสาวหันมา และพยักหน้ารับ “ดีเลย เดี๋ยวกลับไปเอาตะกร้าสะพายหลังก่อนนะ” นางหยิบตะกร้าเย็บปักของตนแล้วหมุนตัวจากไป
หยางซิ่วเอ๋อร์รอจนหยางเล่อเล่อออกไป ก่อนจะมองหนิงเมิ่งเหยาพลางเอ่ยถาม “เจ้าช่วยนางเย็บปลอกหมอนเหล่านั้นหรือ”
หญิงสาวเมินเฉยต่อข้อสงสัยของอีกฝ่าย เพราะต้องการพักผ่อน และจัดการธุระของตนเอง
เมื่อหยางซิ่วเอ๋อร์เห็นว่าหนิงเมิ่งเหยาไม่ตอบ จึงคิดเองเออเองว่าเป็นการยอมรับ นางพยายามสะกดความโกรธในใจขณะจ้องมองหญิงสาวอย่างขุ่นเคือง “เจ้าไม่อยากสอนทักษะปักเข็มเย็บผ้าให้กับข้า แต่กลับไปช่วยงานปักผ้าของหยางเล่อเล่อเนี่ยนะ หนิงเมิ่งเหยา เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”
หญิงสาวมองหยางซิ่วเอ๋อร์ และเงียบ ‘สมองของนางผู้นี้คงเป็นหลุมว่างเปล่าที่กว้างเกินกว่าจะคิด’ หนิงเมิ่งเหยาจึงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
“เล่อเล่อมีมือเป็นของตัวเอง ข้าจึงไม่จำเป็นต้องยื่นมือเข้าไปช่วย และข้าต้องขอโทษด้วยหากเจ้ามาที่นี่เพื่อจะปักเย็บผ้า เพราะเรากำลังจะขึ้นเขากัน ทำให้ไม่อาจอยู่ร่วมวงกับเจ้าได้” หลังจากหนิงเมิ่งเหยาพูดจบ ก็เดินเข้าครัวไปทำอาหารเรื่อยเปื่อยระหว่างรอหยางเล่อเล่อกลับมาเพื่อจะชวนนางกินข้าวก่อนออกไปหาของป่าด้วยกัน