กัดฟันพูด

 

 

 

 

จริงๆแล้วอวี๋หมิงหลางต้องการให้หัวหน้าใหญ่เปิดประเด็นเรื่องขอคืนดีในเวลาที่เหมาะสม พูดคุยไปเรื่อยๆแล้วถ้าบรรยากาศไปได้สวยก็ลองๆหยั่งเชิงดูท่าทีของศาสตราจารย์หลิว บอกว่าการกลับมาอยู่ด้วยกันดีต่อลูกนะ 

 

 

แต่พอเห็นศาสตราจารย์หลิวนอนบนเตียงหน้าตาซีดเซียว เข็มให้น้ำเกลือยังคาอยู่ที่มือ หัวหน้าใหญ่ก็พูดไม่ออก ผลจากครอบครัวแตกแยกทำให้เธอต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้ คำพูดบางคำเขาก็พูดไม่ออก รู้สึกว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ 

 

 

“ไข่เหล็กให้คุณทำอะไร?” 

 

 

“เปล่า…คุณพักรักษาตัวนะ ไม่ต้องเป็นห่วง ปล่อยลูกชายให้อยู่กับผมสามวัน ผมจะไม่ทำให้เขาเกิดอันตราย” หัวหน้าใหญ่พูดจบก็ทำตัวเหมือนมีคนวิ่งไล่ รีบเดินออกไปทันที พอปิดประตูต่างก็รู้สึกผิดหวัง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ 

 

 

ขณะที่อวี๋หมิงหลางคร่อมตัวเสี่ยวเชี่ยนอยู่นั้น มือของเขาก็เคลื่อนไปวุ่นอยู่กับชุดชั้นในสีชมพูของเธอแล้ว สวยสะกดตา ตราตรึงในหัวใจ ยากที่จะปล่อยไป พอมีโอกาสก็อยากจะพาไปล่องลอยด้วยกัน 

 

 

แต่ในขณะที่ล่องลอยอยู่นั้น หัวใจก็เริ่มจะควบคุมไม่อยู่แล้ว 

 

 

“เซ็งโว้ย” 

 

 

เขาเอาหน้าซุกกับไหล่เธอ งับหูเธออย่างหมั่นเขี้ยว รู้สึกว่าจมูกร้อนมาก ‘ลอย’ ต่อไปไม่ได้แล้ว แล้วนี่ถ้าตอนดึกเลือดกำเดาไหลจะทำไง 

 

 

“อยากจับคุณมัดแล้วอุ้มไปด้วยเลยจริงๆ” อุ้มไปที่โรงแรม ฉีกชุดชั้นในสีชมพูทิ้ง แล้วทำสงครามอันดุเดือด 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนก็อยาก เสี่ยวเฉียงของเธอน่าสงสารเหลือเกิน อยากจะทำภารกิจรักอุปสรรคก็มาแล้วมาอีก 

 

 

แต่จะไปกับเขาก็ไม่ได้ อาจารย์นอนป่วยอยู่ข้างบน คืนนี้เธอต้องอยู่เฝ้าอาจารย์ 

 

 

“พรุ่งนี้เช้า…นายไปเข้าหน่วยกี่โมง?” เสี่ยวเชี่ยนถาม 

 

 

“หกโมง ผมต้องขึ้นเขาแล้วไปตั้งสนามสอบ” 

 

 

สนามสอบอยู่ในภูเขา มีกับดักนานาชนิด ต้องตรวจสอบอีกรอบ จะทดสอบคนให้ถึงที่สุดก็ต้องทำบนพื้นฐานด้านความปลอดภัยสูงสุดเช่นกัน 

 

 

เช้าเกินไป ไม่มีเวลาทำ เสี่ยวเชี่ยนคิดแล้วถามอีก 

 

 

“ทดสอบเสร็จยังมีเวลาไหม?” มีเวลาสักสองสามชั่วโมงก็พอแล้ว เสี่ยวเฉียงของเธอต้องข่มอารมณ์ขนาดนี้ เธอเองก็ทนดูไม่ไหว 

 

 

“ไม่มีเลย ทดสอบเสร็จก็ต้องพาคนที่ผ่านกลับหน่วย ทุกอย่างทำต่อเนื่องกันหมด” อวี๋หมิงหลางกัดฟันตอบ 

 

 

ทำไมเวลาช่างเล่นตลกอะไรแบบนี้ พอเขาพาคนใหม่กลับหน่วยก็ต้องฝึกซ้อมแบบปิดอีกหนึ่งเดือน 

 

 

จะกินเนื้อทั้งทีทำไมมันลำบากแบบนี้ นี่เขาไปทำบาปกับใครไว้เนี่ย 

 

 

พอเห็นหัวหน้าใหญ่เดินออกมาจากตึกอวี๋หมิงหลางก็รู้ว่าต้องแยกจากเสี่ยวเชี่ยนแล้ว ถึงไม่อยากก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่ใช้เวลาตอนที่หัวหน้าใหญ่ยังเดินมาไม่ถึง อาศัยต้นไม้บัง แล้วขย้ำลงไปบนเนินนางที่อยู่ภายใต้ชุดชั้นในสีชมพู ยังไม่ลืมที่จะประทับรอยจูบแดงลงไปบนนั้น 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเจ็บจนร้องออกมา ตาบ้า จะขยำอะไรขนาดนั้น นุ่มนวลหน่อยไม่ได้หรือไง 

 

 

“เสี่ยวเชี่ยนเป็นอะไรไป?” หัวหน้าใหญ่เดินมาถึง เห็นสีหน้าของเสี่ยวเชี่ยนดูไม่ค่อยโอเคเท่าไร 

 

 

ดูเหมือนจะไม่สบาย? 

 

 

อวี๋หมิงหลางหันไปมองเธอ แล้วพูดด้วยท่าทีจริงจัง “อยู่ข้างนอกไม่ค่อยสบายเท่าไร คุณผู้หญิงมีเรื่องยุ่งยากให้เจอตลอด” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนอยากถุยใส่หน้าเขาจริงๆ ไอ้ที่ไม่ค่อยสบายน่ะเพราะถูกเขาขย้ำอย่างไม่ใยดี ถุย 

 

 

แยกกันครั้งนี้คงอีกนานกว่าจะได้เจอกันอีก เสี่ยวเชี่ยนมองส่งอวี๋หมิงหลาง อวี๋หมิงหลางเองก็เดินไปพลางหันกลับมามองบ่อยๆ 

 

 

แต่ทว่าทั้งสองคนคงนึกไม่ถึงว่า จริงๆแล้วอีกไม่นานก็จะได้เจอกันอีก เซอร์ไพร้ส์แบบเหนือความคาดหมายมักมีอยู่เสมอ รอทั้งสองคนอยู่ไม่ไกล ชีวิตคนเราเต็มไปด้วยเรื่องปาฏิหาริย์ แต่นั่นก็เป็นเรื่องในภายหลัง 

 

 

ปกติประธานเชี่ยนไม่ทำงานปรนนิบัติใคร แต่ถ้าเป็นการเฝ้าอาจารย์ผู้มีพระคุณยามป่วย นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง 

 

 

ช่วงดึก หลังจากที่เสี่ยวเชี่ยนส่งข้อความสุดท้ายหาอวี๋หมิงหลางแล้วเธอก็ตั้งนาฬิกาปลุกแล้วปิดโทรศัพท์ ศาสตราจารย์หลิวที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยหลับไปแล้ว 

 

 

เธอกับเสี่ยวเฉียงส่งข้อความไร้สาระคุยกันสามชั่วโมงกว่า มีแต่เนื้อหาอะไรก็ไม่รู้ ก็เหมือนกับชายหญิงที่กำลังคบกันทั่วไป คุยไร้สาระกันแต่ก็มีความสุข 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนลงจากเตียงไปห่มผ้าห่มให้อาจารย์แล้วถึงกลับเตียงตัวเองไปนอน 

 

 

วันต่อมา พอศาสตราจารย์หลิวตื่นขึ้น เสี่ยวเชี่ยนก็ซื้ออาหารเช้ากลับมาแล้ว 

 

 

“เดี๋ยวฉันจะไปจัดการเรื่องออกจากโรงพยาบาล ตอนบ่ายมีธุระ” ศาสตราจารย์หลิวกับเสี่ยวเชี่ยนนั่งหันหน้าเข้าหากัน กินข้าวไปคุยไป 

 

 

“หนูโทรหาอาจารย์ที่ปรึกษาแล้วค่ะ โปรเจ็คต์ของอาจารย์ให้หยุดไปก่อนสองวัน ช่วงสองวันนี้ให้พักผ่อนนอนที่โรงพยาบาลไป หนูถามหมอแล้ว ตอนนี้อาจารย์ห้ามทำงานหนักนะคะ” 

 

 

“ไม่จำเป็น ร่างกายของฉันๆรู้ดี” 

 

 

“ถ้ารู้แล้วจะเป็นลมไปเหรอคะ? โรคหัวใจไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นอนดูอาการสักสองวันแล้วก็ถือโอกาสตรวจสุขภาพทั้งหมดไปด้วยเลย อาจารย์กลับไปตอนนี้ที่บ้านก็ไม่มีใคร หลิวลี่ถูกพ่อพาไปขึ้นเขาแล้วนะคะ” 

 

 

“พาไปแล้วจริงๆเหรอ?” ศาสตราจารย์หลิวไม่คิดว่าเขาจะเอาจริง 

 

 

ตาแก่นี่เปลี่ยนไปไม่น้อย นี่ไม่เหมือนเรื่องที่คนอย่างเขาทำเลยสักนิด ยังคิดว่าเขาก็แค่พูดไปงั้น 

 

 

“ค่ะ เมื่อเช้าหมิงหลางโทรหาหนู เขาจะคอยดูหลิวลี่กับพ่อตลอดการทดสอบ จะไม่ปล่อยให้หลิวลี่เกิดอันตราย อาจารย์คะ อันที่จริงคนเราเปลี่ยนกันได้จริงๆ สามีอาจารย์เปลี่ยนไปแล้ว อาจารย์จะให้โอกาสเขาอีกครั้งไหมคะ?” 

 

 

“ถ้าเธอไม่อยากเรียนจบก่อนสองปีก็ช่วยเขาพูดไปเรื่อยๆเลยนะ เธอเป็นนักเรียนของฉัน เอาแต่เข้าข้างเขาทำไม?” ศาสตราจารย์หลิวถลึงตาใส่เสี่ยวเชี่ยน 

 

 

“ดูสิ นิสัยแย่แบบนี้ มิน่าหลายปีมานี้ถึงไม่มีเพื่อนเลย ล้มป่วยยังต้องให้หนูมาดูแล…” 

 

 

มาถึงจุดที่ไม่มีคนมาเฝ้าไข้เลย ศาสตราจารย์หลิวนี่สุดยอดจริงๆ 

 

 

“ไม่อยากอยู่ก็รีบกลับมหาลัยไป ไม่ต้องมายุ่งเรื่องครอบครัวคนอื่น” 

 

 

ศาสตราจารย์หลิวขี้โมโหจริงๆ ทุกคนต่างกลัว แต่เสี่ยวเชี่ยนไม่กลัว แบบนี้เขาเรียกว่าใจกล้าหน้าด้าน 

 

 

“ทำไมจะเป็นแค่เรื่องในครอบครัวอาจารย์ล่ะคะ? งั้นหนูก็ทำเพื่อความปลอดภัยของคู่หมั้นเหมือนกัน” 

 

 

“เกี่ยวอะไรกับอวี๋ไข่เหล็ก?” 

 

 

“ไข่เหล็กของหนูอยู่ในกำมือของสามีอาจารย์นะคะ ถ้าสามีอาจารย์ไม่อยู่ในสภาพพร้อมทำงาน ไข่เหล็กของหนูก็จะกลายเป็นไข่เหลว ครอบครัวปรองดองทหารที่อยู่แนวหน้าก็อุ่นใจ อาจารย์ไม่เห็นสามีอาจารย์เหรอคะว่าทำตัวดีขึ้นแค่ไหน รู้จักดูแลลูกแล้ว” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนดันชามโจ๊กให้ศาสตราจารย์หลิว โจ๊กที่เคี่ยวจนเหนียวหนืด กับสายตาที่เต็มไปด้วยแผน 

 

 

“ลูกของเขาถ้าเขาไม่ดูแลใครจะดูแล? ต่อไปห้ามพูดถึงเขาต่อหน้าฉันอีก เดี๋ยวฉันจะออกจากโรงพยาบาล ตอนบ่ายนัดคนไข้ไว้” ศาสตราจารย์หลิวกินโจ๊กภายใต้การจับจ้องของเสี่ยวเชี่ยน 

 

 

กินข้าวเสร็จศาสตราจารย์หลิวก็เก็บของ ขณะที่กำลังจะไปทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลก็เห็นเสี่ยวเชี่ยนเอาแต่จ้องโทรศัพท์มือถือ 

 

 

“เสี่ยวปืนเหล็กมองอะไรน่ะ รอคนโทรมาเหรอ?” 

 

 

“เปล่าค่ะ หนูมองเวลา จะหนึ่งชั่วโมงแล้ว” 

 

 

“อะไรหนึ่งชั่วโมง?” 

 

 

“ยาใกล้ออกฤทธิ์แล้ว…อาจารย์ ง่วงไหมคะ?” 

 

 

พอเสี่ยวเชี่ยนพูดศาสตราจารย์หลิวก็รู้สึกง่วงขึ้นมาจริงๆ เปลือกตาบนล่างพยายามพุ่งเข้าหากัน 

 

 

“นิดหน่อย…” แปลกจัง ทำไมเธอง่วงขนาดนี้? 

 

 

“งั้นก็ไปนอนพักสักหน่อยนะคะ หนูจะไปทำเรื่องให้ เสร็จแล้วเดี๋ยวมาเรียกค่ะ” 

 

 

“ก็ได้” ศาสตราจารย์หลิวง่วงจริงๆ เธอคิดว่าเมื่อคืนสงสัยนอนไม่พอ 

 

 

พอเห็นอาจารย์หลิวกลับไปนอนที่เตียงแล้ว เสี่ยวเชี่ยนก็เก็บโทรศัพท์ แล้วห่มผ้าให้ศาสตราจารย์หลิว 

 

 

“อาจารย์คะ คำโกหกที่เจตนาดีสมควรได้รับการอภัย ดังนั้นอาจารย์ก็จะอภัยที่หนูวางยาใช่ไหมคะ? ไม่ให้อภัยก็ทำอะไรไม่ได้ หมอบอกแล้วว่าอาจารย์ต้องนอนพักสักสองวัน”