บทที่ 10 เคารพดั่งเทพเจ้า EnjoyBook
บทที่ 10 เคารพดั่งเทพเจ้า
รุ่งเช้า…
รถยนต์หรูยี่ห้อโรลส์รอยซ์คันหนึ่งขับแล่นเข้ามาในภูเขาเฉียนหลง ก่อนจะหยุดที่หน้าบ้านพักของฉู่ชวิ๋น เป็นเฉินฮั่นหลงที่ลงมาจากรถ เขาจัดชุดตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน
เดินเข้าไปไม่กี่ก้าว เฉินฮั่นหลงแววตาเต็มไปด้วยความสงสัยก่อนจะเดินเข้าไปต่อเพียงพักเดียวสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นเขาตกใจมากเพราะทั้ง ๆ ที่เห็นว่าบ้านพักอยู่ตรงหน้า แต่เดินไปเท่าไหร่ก็ไม่ถึงเหมือนกับว่าเขาเดินอยู่กับที่ตลอดเวลา เฉินฮั่นหลงไม่กล้าบุ่มบ่าม นี่ต้องเป็นค่ายกลของท่านเทพอย่างแน่นอน
คนขับรถมองเห็นเฉินฮั่นหลงที่ไม่ได้เดินเข้าไปต่อซะที แถมยังเช็ดเหงื่อตลอดเวลาก็เลยคิดว่าเฉินฮั่นหลงน่าจะไม่สบาย คนขับรถเลยจะวิ่งเข้าไปหาเฉินฮั่นหลง
“นายอย่าเข้ามานะ….” เฉินฮั่นหลงที่เห็นคนขับรถวิ่งเข้ามาก็รีบบอก แต่พูดไม่ทันขาดคำเขาก็ต้องนิ่งอึ้งเมื่อคนขับรถที่เพิ่งจะวิ่งเข้ามาหายไปต่อหน้าต่อตา
“คุณเฉิน…คุณเฉิน…”
คนขับรถอย่างเสี่ยวหลี่ก็เจอกับเหตุการณ์เหมือนกับเฉินฮั่นหลง ทั้ง ๆ ที่เห็นว่าเฉินฮั่นหลงอยู่ตรงหน้า แต่กลับหายไปต่อหน้าต่อตา หรือว่าผีหลอก? เสี่ยวหลี่คิดแล้วเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก
คนที่กำลังฝึกฝนอย่างฉู่ชวิ๋น ลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาคิ้วขมวดนิดหน่อยก่อนจะคลายออก เฉินฮั่นหลงไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย เป็นเพราะเจอเรื่องแบบนี้ครั้งแรก ทำให้เขาไม่กล้าแม้จะถอนหายใจแรง ๆ และในเวลานั้น ก็มีเงาของคนคนหนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้า เฉินฮั่นหลงมองอย่างตะลึง ก่อนจะโค้งคำนับอย่างรวดเร็ว “คุณท่าน”
“ตามฉันมา” ฉู่ชวิ๋นหันหลังกลับ และเฉินฮั่นหลงก็ตามไปอย่างรวดเร็ว เดินไปไม่กี่ก้าวสายตาเขาก็กระจ่างอีกครั้ง บ้านพัก รถของเขา และยังคนขับรถที่นั่งหอบหายใจอยู่อย่างเสี่ยวหลี่ยังอยู่ที่เดิม
สีหน้าของเฉินฮั่นหลงยิ่งศรัทธาขึ้นไปใหญ่ นี่จะต้องเป็นฝีมือของคุณท่านอย่างแน่นอน
“มาหาฉันมีเรื่องอะไร?” ฉู่ชวิ๋นถามขึ้น
เฉินฮั่นหลงตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว “ท่านครับ ป้ายทะเบียนรถที่ท่านให้ผมตามหา พบเบาะแสแล้วครับ” ฉู่ชวิ๋นถอนหายใจออกมา มีแต่เรื่องพ่อกับแม่เท่านั้นที่ทำให้เขาหวั่นใจขนาดนี้ได้
“คนคนนั้นผมหาเจอแล้ว….” เฉินฮั่นหลงพูดไม่ทันจบ ฉู่ชวิ๋นก็ขัดขึ้นมาซะก่อน “พาฉันไปหาเขา”
เฉินฮั่นหลงได้ยินก็รีบไปเปิดประตูให้ฉู่ชวิ๋นขึ้นรถ คนขับรถอย่างเสี่ยวหลี่ก็รีบวิ่งตามเฉินฮั่นหลงไปแบบมึน ๆ
“นายหาทางกลับเองได้สินะ เรื่องที่เห็นในวันนี้ต้องเก็บไว้เป็นความลับ เข้าใจไหม?” เสี่ยวหลี่พยักหน้ารับรู้อย่างรวดเร็ว เขาพอจะรู้ความเบื้องลึกเบื้องหลังของเฉินฮั่นหลงอยู่นิดหน่อยและเรื่องแปลก ๆ ที่เขาพบเจอก่อนหน้านี้ รวมถึงท่าทีที่เฉินฮั่นหลงทำต่อฉู่ชวิ๋น จะโง่แค่ไหนก็พอจะเดาออก
เฉินฮั่นหลงขับรถให้ฉู่ชวิ๋นด้วยตัวเอง หนึ่งชั่วโมงต่อมา รถก็จอดอยู่หน้าผับที่มีชื่อว่าโฮ่วไห่
ชายหนุ่มที่รูปร่างบึกบึนรอที่ประตูนี่นานแล้ว พอเห็นเฉินฮั่นหลงลงมาจากรถก็รีบวิ่งเข้ามาทักทาย “พี่ใหญ่”
เฉินฮั่นหลงไม่ได้สนใจ แต่กลับเดินไปเปิดประตูหลังรถแทนก่อนฉู่ชวิ๋นจะเดินลงมา ชายหนุ่มนิ่งไปพักหนึ่ง เขาชื่อซุนหยิง ถือว่าเป็นเพื่อนร่วมตายของเฉินฮั่นหลง เมื่อก่อนร่วมกันสร้างชื่อเสียงของกลุ่มเหยี่ยวมังกรขึ้นมาทำให้เป็นใหญ่เป็นโตของพวกใต้ดินในเมืองกู่เจียง
หลังจากที่เฉินฮั่นหลงชุบตัวเองเสร็จ กลุ่มเหยี่ยวมังกรก็มีเขามาคอยดูแล เขารู้จักเฉินฮั่นหลงมาหลายปี ไม่เคยเห็นเขาทำแบบนี้มาก่อน ทั้งมึนงงทั้งโกรธ ท่าทางฉู่ชวิ๋นเป็นเพียงแค่เด็กมหาลัยเท่านั้น มีดีอะไรให้พี่ใหญ่ของกลุ่มเหยี่ยวมังกรต้องเคารพขนาดนั้น
“พี่ใหญ่ ไอ้หนุ่มนี่คือ…”
“หุบปาก!” เฉินฮั่นหลงตกใจกับคำพูดที่ไม่ให้เกียรติของซุนหยิง ก่อนจะรีบตำหนิ แล้วหันไปบอกกับฉู่ชวิ๋น “คุณท่านอย่าไปใส่ใจ มันไม่ได้มีเจตนาหยาบคาย”
“ไม่เป็นไร” ฉู่ชวิ๋นพูดขึ้นเรียบ ๆ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ไม่พอที่จะทำให้เขาโกรธ
“ยังไม่มาขอโทษคุณท่านอีก” เฉินฮั่นหลงหันมาตะคอกใส่ซุนหยิง ด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความโมโห
“พี่ใหญ่ ผมพูดอะไรไปล่ะ ทำไมต้องขอโทษ” ซุนหยิงพูดอย่างไม่พอใจ เพราะอย่างน้อย ๆ เขาก็เป็นถึงหัวหน้าคนแล้วจะให้ขอโทษคนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าได้ยังไง
“ยังจะกล้าปากดี ปีกกล้าขาแข็งแล้วรึไง ไม่เห็นฉันเป็นพี่ใหญ่แล้วใช่ไหม” เฉินฮั่นหลงพูดด้วยสีหน้าหนักแน่น ซุนหยิงมองบนอย่างยากที่จะเชื่อพร้อมกับมองที่เฉินฮั่นหลง
“พี่ใหญ่ นี่พี่เป็นอะไรกันแน่?”
เฉินฮั่นหลงชายตามองที่ฉู่ชวิ๋นเล็กน้อย รู้สึกกังวลนิด ๆ ในใจ แต่ฉู่ชวิ๋นไม่พูดอะไร เขาก็ไม่กล้าจะชี้แจงตรง ๆ ได้แต่มองไปที่ซุนหยิงแบบนัย ๆ เพราะกลัวว่าซุนหยิงจะพูดอะไรที่มันล่วงเกินไปกว่านี้
ฉู่ชวิ๋นไม่อยากจะเสียเวลากับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ก็เลยขมวดคิ้วขึ้นนิดหน่อย เฉินฮั่นหลงพอเห็นแบบนั้นแล้ว หัวใจก็ยิ่งเต้นแรงไปอีก ถ้าเกิดว่าซุนหยิงไปทำให้ฉู่ชวิ๋นไม่พอใจเข้ามันจะต้องไม่ดีแน่ ๆ ก็เลยรีบหันไปถามซุนหยิงแทน “คนที่ให้ตามหาล่ะ?”
“ผมให้คนไปจับตัวมาแล้ว อีกไม่นานก็คงถึง” ซุนหยิงพูดอย่างไม่ชอบใจ เฉินฮั่นหลงแทบอยากจะ ตบเข้าให้สักฉาด เขาย้ำแล้วย้ำอีกว่าจะต้องหาให้เร็วที่สุด แต่ตอนนี้กลับยังหาไม่เจอ และในตอนนั้นเองก็มีรถคันสีบรอนซ์ขาวแล่นเข้ามาจอดตรงหน้าของพวกเขา
พอประตูรถถูกเปิดออก ชายที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดก็ล้มลงมา
“เฮยพี…” ซุนหยิงตกใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไป
“พี่ซุน รีบช่วยพวกพี่ไท้ถานเร็ว”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ซุนหยิงตะโกนถามด้วยน้ำเสียงที่โกรธจัดขณะที่ดวงตาแดงก่ำ
“พวกเรา….” เฮยพีมีรอยมีดฟันลงบนหน้าอกอย่างน่ากลัว มันลึกจนแทบเห็นกระดูก ไม่รู้ว่าระหว่างทางกลับมาเสียเลือดไปเท่าไหร่ สามารถทนมาได้ขนาดนี้ก็ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว เขาพยายามพูดออกมาได้แค่สองคำก็สลบเหมือดไป
“หลีกไป!”
ฉู่ชวิ๋นเดินไปนั่งลงตรงหน้าเฮยพี
“นั้นแกจะทำอะไรน่ะ!!” ซุนหยิงตะคอกออกมาทันที เฉินฮั่นหลงรวบตัวซุนหยิงเอาไว้ก่อนจะพูดขึ้น “อย่าใจร้อน ฉันเชื่อว่าคุณท่านมีวิธี”
“มีวิธีบ้าอะไรล่ะ มันเป็นหมอรึไง มันช่วยเฮยพีได้เหรอ?” ซุนหยิงตะคอกขณะดวงตาแดงก่ำและยังชี้ไปที่ฉู่ชวิ๋น
“แกอย่าเตะพี่น้องของฉัน ไม่งั้นฉันจะฆ่าแก”
ฉู่ชวิ๋นยืนมือไปที่หน้าอกที่มีรอยแผลของเฮยพี ใช้ส่งพลังลมปราณเข้าไปรอยแผลบนตัวของเฮยพีสมานตัวเข้าหากันอย่างรวดเร็ว พอฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้น ซุนหยิงก็เหมือนโดนสายฟ้าฟาดเข้าอย่างจัง ดวงตาเบิกโพลงเหมือนตากบ ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น แผลที่หน้าอกของเฮยพีที่ลึกจนเห็นกระดูกกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เฉินฮั่นหลงเคารพที่ฉู่ชวิ๋นเหมือนเทพเซียนมาตลอด แต่เมื่อเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้ามันทำให้เขาตกตะลงจนแทบจะกัดลิ้นตัวเอง
“พี่ใหญ่ เขา….” ซุนหยิงที่เหมือนจะพูดอะไรออกมาสักอย่าง แต่กลับพูดออกมาไม่เป็นคำ เฉินฮั่นหลงถอนหายใจออกมายาว ๆ ก่อนจะกดให้ซุนหยิงคุกเข่าลง และพยายามพูดด้วยเสียงที่สั่นไหวของตัวเอง “คราวนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงทำแบบนั้น คุณท่านเป็นเหมือนเทพที่ลงมาจุติบนโลกมนุษย์”
ซุนหยิงชายตามองฉู่ชวิ๋นที่ไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมาทางสีหน้า ในใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ฝีมือที่ดั่งเทพเจ้าแบบนี้ เขาเคยเห็นแต่ในนิยายเท่านั้น ตอนนี้เขาไม่สนใจภาพพจน์ของตัวเองและวางมาดอะไรอีกแล้ว เขาที่เป็นแค่หัวหน้าแก๊งจะไปเทียบกับท่านเทพเซียนได้ยังไง เขารีบมานั่งคุกเข่าตรงหน้าฉู่ชวิ๋น “ท่านเทพได้โปรดไว้ชีวิต เมื่อครู่ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ ขอให้ท่านโปรดใจกว้าง อย่าได้เอาเรื่องข้าน้อยเลย!”
“คุณท่านครับ ซุนหยิงไม่ได้ตั้งใจล่วงเกิน ขอให้ท่านละเว้นเขาสักครั้ง” ถึงยังไงซุนหยิงก็ถือว่าเป็นพี่น้องของเขา เฉินฮั่นหลงรีบร้อนขอให้ละเว้น
“พวกนายลุกขึ้นเถอะ ถามเขาดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หลังจากที่ฉู่ชวิ๋นพูดจบ เฮยพีก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือพอเห็นซุนหยิงที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าก็รีบลุกขึ้นถามอย่างร้อนรน
“พี่ซุน นี่มันเรื่องอะไรกัน…” ยังพูดไม่ทันจบตัวเองก็ต้องตกใจเมื่อลูบดูที่หน้าอกตัวเอง ก่อนจะตกตะลึงแล้วลองหายใจเข้าออกหลายครั้ง “แผลของผม…นี่ผมฝันไปรึเปล่า แผลผมหายดีแล้ว…”
“ยังจะอึ้งอะไรอยู่ แผลของนายเป็นเพราะได้คุณท่านช่วยไว้ต่างหาก ยังไม่รีบขอบคุณอีก!” พอเห็นว่าเฉินฮั่นหลงเรียกฉู่ชวิ๋นว่าคุณท่าน ซุนหยิงก็เรียกตาม เฮยพียังไม่ทันได้รู้ตัวดีก็ถูกกดให้คุกเข่าลง
เฮยพีแรก ๆ ก็มึนนิดหน่อย พอได้ยินว่าฉู่ชวิ๋นช่วยรักษาเขาไว้ ก็อดไม่ได้ที่จะมองฉู่ชวิ๋นหลายครั้ง และอีกอย่างเขาก็ไม่เชื่อว่าซุนหยิงจะโกหกถึงได้รีบพูดขึ้นมา “ขอบคุณมากครับคุณท่าน!”
ฉู่ชวิ๋นโบกมือเล็กน้อยเพื่อบ่งบอกให้ทุกคนลุกคน พอทั้งสามลุกขึ้น ฉู่ชวิ๋นถึงได้ถามขึ้น “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เฮยพีอดไม่ได้ที่จะมองไปยังซุนหยิง
“มองฉันทำไม คุณท่านถามอะไรก็ตอบไปตามนั้น” ซุนหยิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์
เฮยพีรีบเล่าต้นตอของเรื่องให้ฟัง ที่แท้เมืองกู่เจียงโด่งดังเพราะแม่น้ำโบราณและยังใช้เป็นเส้นแบ่งเขตแดนกับเมืองเจียงหนานที่ถือเป็นถิ่นของกลุ่มเหยี่ยวมังกร ส่วนเมืองเจียงเป่ยเป็นถิ่นของกลุ่มพันธมิตรโลหิต
ในตอนที่สืบเรื่องรถคันนั้น(กล่าวถึงรถที่จะชนแม่ของฉู่ชวิ๋น) เขาก็ได้รู้ว่ามันได้เปลี่ยนเจ้าของไปหลายคนแล้ว เจ้าของรถคนแรกชื่อหวังซง และหวังซงก็ทำงานอยู่ในผับที่ชื่อว่า เมิ้งเทียนถาง[9]
ผับเมิ้งเทียนถาง ถือได้ว่าเป็นของกลุ่มพันธมิตรโลหิต เดิมทีแล้วพวกเขาอยากจะจับตัวหวังซงมาอย่างเงียบๆ ซึ่งกลุ่มพันธมิตรโลหิตไม่น่าจะสนใจคนธรรมดาอย่างนั้น แต่ใครจะรู้ว่าหวังซงกับกลุ่มพันธมิตรโลหิตสนิทกันเป็นอย่างมาก
ผลสุดท้าย ในตอนที่พวกเขากำลังจะเอาตัวหวังซงกลับมา ก็โดนคนของกลุ่มพันธมิตรโลหิตล้อมเอาไว้ซะหมด เฮยพีได้แต่เสี่ยงชีวิตหนีออกมาเพื่อเอาข่าวมาบอกกับทุกคน!