ตอนที่ 14 : เรื่องบังเอิญ
“กล้าด่าลูซี่แบบนี้ ไม่มีสมองหรือยังไง ลูซี่คนนี้เป็นคนที่มีข่าวว่าเป็นแฟนสาวของประธานจิ่งไม่ใช่เหรอ กล้ามากเลยนะ เป็นฉันคงไม่กล้าแน่ ๆ”
“ลูซี่เป็นนางแบบที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในแวดวง ทั้งยังมีประธานจิ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ไปยั่วโมโหของลูซี่แบบนี้คงมองหาความตายอยู่สินะ”
ลูซี่ได้ยินก็รู้สึกภาคภูมิใจและมีความมั่นใจมากขึ้น “ก็ไม่เข้าใจจริง ๆ ทำไมเธอถึงได้คิดอยากจะเป็นโฆษกฝ่ายโฆษณา ไม่มีภาพลักษณ์เลยสักนิด น้ำเสียงก็น่าเกลียด”
อันโหรวรู้สึกอึ้งไปเล็กน้อย “โฆษกฝ่ายโฆษณา?” เห็นได้ชัดว่าเธอไปเพื่อสัมภาษณ์แผนกวางแผนเท่านั้น
“ยังทำตัวโง่ ๆ แบบนี้อีกเหรอ เมื่อครู่นี้การสัมภาษณ์รอบสุดท้ายของฝ่ายโฆษกโฆษณา เธอคิดว่าเธอจะเอาชนะฉันได้งั้นเหรอ?” ลูซี่พูดขณะที่ยกหน้าอกด้วยมือขึ้นมาและทำท่าโอ้อวด
อันโหรวเริ่มมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป เมื่อครู่นี้เธอเข้าไปผิดห้องงั้นเหรอ! หลินจือเซี๋ยวที่แท้ก็บอกเธอไปผิดห้องนี่เอง!
เมื่อเห็นลูซี่แสดงท่าทางแบบนี้ใส่ตัวเอง อันโหรวก็พลันหัวเราะออกมาเบา ๆ
“คุณไม่สามารถเป็นโฆษกของผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทจิ่งได้หรอก”
ลูซี่พลันตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันที ก่อนจะพูดว่า “ไร้สาระ ไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าฉันอีกแล้ว”
เมื่อพูดมาถึงจุดตรงนี้ เสียงของเธอก็เอ่ยขึ้นมาเบา ๆ อีกครั้ง “เธอเป็นอะไรกัน ถึงจะมาชี้นิ้วสั่งคนโน้นคนนี้ได้”
อันโหรวยิ้มกว้างมากขึ้น “ขอโทษนะ แต่ครั้งนี้ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ของบริษัท รวมถึงด้านการโฆษณาทุกอย่างเป็นฉันที่ดูแลแต่เพียงผู้เดียว ลูซี่ ถ้าหากว่าคุณมีคำถามอะไรมาก ๆ ละก็ ไปถามประธานจิ่งจะดีกว่านะ”
“เธอ….” ลูซี่อ้าปากค้าง พลางมองไปที่ด้านหลังของอันโหรวที่กำลังเดินจากไป แม้แต่สักประโยคเดียวก็พูดไม่ออก
ที่หน้าบ้าน อันโหรวยังไม่ได้หยิบกุญแจออกมา ประตูก็ถูกเปิดออกมาเสียก่อน
เมื่อเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของลูกสาว เธอก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นในทันที
“แม่จ๋า กอดหน่อย” อันหน่วนยื่นแขนออกมาพร้อมทำท่าทางออดอ้อน
“หน่วนหน่วน พี่ชายอยู่ไหน?” เธออุ้มลูกสาวของเธอขึ้นมา ก่อนจะปิดประตูด้วยหลังมือ
“พี่บอกว่าแม่จ๋ากลับมาจากที่ทำงานเหนื่อย ๆ เลยอยากทำอาหารดี ๆ ให้แม่กิน”
อันโหรวได้ยินก็พลันรู้สึกกระวนกระวาย เด็กคนนี้ทำไมถึงเข้าครัวอีกแล้ว เธอรีบวางลูกสาวลงทันที ก่อนจะรีบวิ่งไปยังห้องครัว
“หยางหยาง”
“แม่ ไม่ต้องรีบร้อน อีกเดี๋ยวก็ได้กินแล้ว น้าจือเซี๋ยวกลับมาพร้อมกันหรือเปล่า?” อันหยางพูดในขณะที่กำลังเทซุปไข่มะเขือเทศใส่ชาม
เมื่อมองไปยังอาหารสามจานที่วางอยู่บนโต๊ะ อันโหรวก็รู้สึกว่าลูกชายของเธอนั้นจะมีความสามารถมากเกินไปแล้ว
“แม่จ๋า วันนี้สัมภาษณ์เป็นยังไงบ้าง?” อันหยางมองมาด้วยสายตาที่เป็นห่วง มันเหมือนความรู้สึกของผู้ใหญ่ที่อยู่ในร่างเด็ก
อันโหรวมองไปยังลูกชายของตน ในสมองกลับปรากฏภาพของชายคนนั้นขึ้นมาทันที ถ้าหากถูกพบเข้าละก็..
“แม่จ๋า แม่เป็นอะไรเหรอ?” อันหน่วนทำหน้ามุ่ยเหมือนจะร้องไห้ออกมา
อันโหรวยื่นแขนออกไปและโอบกอดทั้งลูกชายและลูกสาวไว้ในอ้อมแขน “พวกลูกเป็นดาวดวงน้อย ๆ ที่โชคดีของแม่ การสัมภาษณ์วันนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ได้รับมาเต็ม ๆ เลย”
ในขณะที่ห้วงบรรยากาศกำลังอบอุ่น ประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง หลินจือเซี๋ยวรีบเดินเข้ามาด้วยความเร่งรีบ
“โหรวโหรว เธอฆ่าฉันให้ตายเถอะ ฉันบอกสถานที่สัมภาษณ์ผิดไป” เมื่อหลินจือเซี๋ยวเห็นอันหยางที่กำลังขมวดคิ้วมองมาทางนี้ ทันใดนั้นก็พลันรู้สึกคิดว่าหยางหยางกับประธานจิ่งนั้นดูเหมือนกันมาก
ในความคิดแวบแรกที่เข้ามาในสมอง หลินจือเซี๋ยวรีบเปลี่ยนสีหน้าของตนทันที เธอรีบดึงอันโหรวให้ลุกขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยถามเบา ๆ “โหรวโหรว เธอคิดไหมว่าหยางหยางกับประธานจิ่งนั้นเหมือนกันมาก?”
หัวใจของอันโหรวพลันเต้นแรงขึ้นมาทันที “มีความบังเอิญมากมายในโลกนี้ เธอดูหน่วนหน่วนกับหยางหยางสิ เหมือนกันหรือเปล่า อีกคนหนึ่งดูเหมือนลูกครึ่ง อีกคนก็ดูเหมือนคนจีนแท้”
“ก็จริง คงเรื่องบังเอิญแหละ แต่ว่าเธอต้องไม่ให้ประธานจิ่งเห็นหยางหยางนะ ไม่อย่างนั้นละก็…”