บทที่ 14 ลูกสาวเมียน้อยสร้างปัญหา

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 14

ลูกสาวเมียน้อยสร้างปัญหา

“ทำไมข้าจะต้องคุกเข่าด้วย? ท่านมหาเสนาบดีช่วยบอกเหตุผลแก่ข้าหน่อย?” หลินซีเหยียนพูดพร้อมกับยิ้ม ถึงแม้ว่ารอยยิ้มของนางนั้นจะสดใส แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกดูถูกนางไม่ได้

มหาเสนาบดีเองก็ผงะ จากนั้นก็มองไปที่ลูกสาวของเขาที่ไม่ได้พบเจอหน้ากันถึง 5 ปีอย่างตั้งใจ ด้วยเหตุผลบางอย่างใบหน้าของคนที่อยู่ตรงหน้าเขานี้แม้ว่าจะไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แต่กลับสวยงามไร้รอยเปื้อนฝุ่น ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกไม่คุ้นหน้า

แต่ทว่าไม่ว่าเขาจะสงสัยมากเพียงใดก็ตาม แต่ด้วยในฐานะของผู้นำตระกูลแล้วเขาจะมามัวทำแบบนั้นไม่ได้ “เจ้าหนีตามคนอื่นไปตั้ง 5 ปี โดยที่ไม่ได้ส่งข่าวคราวมาเลย แต่พอกลับมาเมืองหลวงก็ยังไม่กลับบ้านซ้ำยังใช้ยาพิษกับคู่หมั้นตัวเอง การกระทำเช่นนี้ยังไม่สมควรจะให้ถูกลงโทษอีกรึ?”

มองไปที่พ่อที่ดูเที่ยงธรรมของนาง หลินซีเหยียนก็ได้ยิ้มอย่างดูถูกแล้วกล่าว “หลังจากที่หายตัวไป 5 ปี ท่านมหาเสนาบดีก็ล้มเลิกการตามหาซีเหยียนและยืนยันว่าซีเหยียนหนีตามชายหนุ่มไป ในเวลานี้ท่านยังจะมาโทษซีเหยียนเรื่องนี้อีกเหรอเจ้าคะ?”

“เจ้าจะบอกว่าเป็นความผิดของพ่อเจ้าหรืออย่างไร?” มหาเสนาบดีโกรธจนหนวดกระตุก

หลินซีเหยียนก็ตอบกลับด้วยใบหน้านิ่งๆ “ท่านมหาเสนาบดีก็น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจนะเจ้าคะ”

“น้องรัก เจ้าพูดเช่นนั้นกับท่านพ่อได้อย่างไร?” เมื่อทราบข่าวการมาของหลินซีเหยียน หลินหัวเยว่ก็ได้รีบออกมาและได้รีบเติมเชื้อไฟอย่างขยันขันแข็ง

“เจ้าช่างหยาบคายยิ่งนัก เจ้าไม่รู้จักมารยาทเลยรึไง?” เมื่อเห็นลูกสาวคนโตของนางที่ทั้งสุภาพและอ่อนโยน มหาเสนาบดีก็ได้มองดูหลินซีเหยียนด้วยสายตาที่ขยะแขยง

“ท่านพ่อใจเย็นก่อน น้องจะต้องถูกทำร้ายมาจากข้างนอกแน่ นั่นจึงเป็นสาเหตุให้นางเกลียดชังท่านพ่อกับพี่เหวินจาง ข้าหวังให้ท่านพ่อกับลุงเฮออย่าเพิ่งโกรธน้องเลยนะเจ้าคะ”

หลินหัวเยว่ได้พูดยั่วทั้งสองคน โดยทำเป็นพูดปลอบ

ถูกทำให้อับอายโดยความต่างของลูกสาวทั้งคู่เช่นนี้ เขาหลินจิ่งโจวไม่เอาไว้แน่

ลูกสะใภ้ที่กล้าใช้ยาพิษกับเหวินจางนั้นเขาไม่มีวันยอมรับอย่างแน่นอน

หลินซีเหยียนก็ได้หันหน้าไปหาหลินหัวเยว่แล้วกล่าว “เจ้าลืมที่ข้าเตือนไว้เร็วจังนะ?”

หลินหัวเยว่นั้นยังมีความกลัวอยู่ในใจของนางเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน นางจึงได้หลบไปข้างหลังมหาเสนาบดีหลินแล้วเรียกด้วยความกลัว “ท่านพ่อ”

มหาเสนาบดีหลินเองก็พอจะรู้เรื่องวันนั้นอยู่บ้าง เขาจึงมองไปที่หลินซีเหยียนและปกป้องหลินหัวเยว่ราวกับลูกวัว “นังลูกไม่รักดี เจ้ายังจะกล้าทำร้ายพี่สาวเจ้าต่อหน้าพ่ออย่างนั้นเรอะ?”

ความโกรธของมหาเสนาบดีหลินนั้นหาได้ทำให้ หลินซีเหยียนรู้สึกกลัว

กว๋อกงจิ่งหยางก็ได้นึกถึงลูกชายสุดรักของเขา ในเวลานี้เขานั้นนอนติดเตียงเต็มไปด้วยเลือดพิษ และต้องทนต่ออาการคันถึงกระดูก ซึ่งในระหว่างนั้นเขาได้ตามหมอมามากมายนับไม่ถ้วน แต่ทว่าพวกเขาต่างก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้

เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาก็มีสายตาที่มืดมนขึ้นมา “นังผู้หญิงชั่วช้า ยังไม่รีบส่งยาแก้พิษมาให้ลูกชายข้าอีก”

“ยานั่นไม่มียาถอนพิษหรอก” เสียงเด็กๆของเทียนเอ๋อนั้นได้พูดแทรกขึ้นมา

แล้วสายตาจากที่เคยจับจ้องไปที่หลินซีเหยียนนั้นก็ได้พากันมาจับจ้องที่เทียนเอ๋อแทน

“ใครให้ชนชั้นต่ำอย่างเจ้ามาเสนอหน้าพูดขึ้นมา” เทียนเอ๋อนั้นคือรอยด่างพร้อยของครอบครัวในสายตาของมหาเสนาบดีหลิน เมื่อเห็นเขาจู่ๆก็พูดแทรกขึ้นมาเช่นนี้ เขาก็ได้พูดดุเขาอย่างรุนแรง

เทียนเอ๋อที่ถูกดุก็ได้เงียบในทันที แล้วเขาก็ได้มองมายังหลินซีเหยียนด้วยสายตาที่ใสซื่อตาปริบๆ ราวกับบ่นอย่างเงียบๆ

เทียนเอ๋อคือแก้วตาดวงใจของหลินซีเหยียน การที่มหาเสนาบดีดุเขาทันทีเช่นนี้ทำให้นางโกรธมาก “เทียนเอ๋อคือลูกของหลินซีเหยียน ใครก็ตามที่กล้าว่าเขา ข้าจะทำให้คนคนนั้นต้องรู้สึกเสียใจแน่นอน”

“เด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อเป็นใครนั้น ก็ไม่ต่างอะไรจากชนชั้นต่ำนั่นแหละ” กว๋อกงจิ่งหยางนั้นไม่กลัวคำขู่เขาพร้อมจะพุ่งเข้าสู่ปลายมีดนั้น

มหาเสนาบดีเองก็ไม่กลัวเช่นกัน “นังลูกไม่รักดี แกกล้าว่าพ่อของตัวเองงั้นเรอะ?”

หลินหัวเยว่ที่หลบอยู่ด้านหลังนั้นก็เห็นว่าบรรยากาศนั้นได้ตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว ก็เติมเชื้อไฟเพิ่มไปอีก “ท่านพ่อ, ท่านลุงเจ้าคะ, อย่าได้ทำเช่นนี้กับน้องเลยเจ้าค่ะ ถึงอย่างไรนางก็ยังเป็นคู่หมั้นของพี่เหวินจางนะเจ้าคะ!”

กว๋อกงจิ่งหยางก็ตกใจเขานั้นลืมไปเลยว่า หลินซีเหยียนนั้นเป็นลูกสะใภ้ของเขา มหาเสนาบดีหลินเองก็เช่นกันเขานั้นคิดว่าหลินซีเหยียนนั้นไม่มีค่าพอสำหรับ เฮอเหวินจาง ทำให้พวกเขาทั้งสองคนแทบจะลืมเรื่องนี้ไปเลย

“หึ ข้าไม่ยอมรับการหมั้นนี้หรอก นังผู้หญิงแพศยาที่หนีตามชายไปน่ะ ไม่เหมาะสมกับลูกชายของข้าหรอก” กว๋อกงจิ่งหยางพูดอย่างขึงขังและเชิดหัวอย่างภาคภูมิใจ เขาคิดว่าอย่างไรเสียหลินซีเหยียนจะต้องยอมแพ้และขอร้องเขา ให้นางได้แต่งงานกับเฮอเหวินจางต่ออย่างแน่นอน

หลังจากนั้นก็ยกเลิกการหมั้นในฐานะมีชู้และหนีตามกัน ก็จะไม่มีใครที่จะแต่งงานกับหลินซีเหยียนได้อีก

หลินหัวเยว่ที่ได้ยินที่กว๋อกงจิ่งหยางพูดแล้ว นางก็รู้สึกยินดีขึ้นมา หากหลินซีเหยียนถูกถอนหมั้นก็จะยอดมาก นางจะได้เผยแพร่ให้ทุกคนได้รู้ว่าหลินซีเหยียนถูกทิ้งแล้ว

ในขณะที่ทุกคนกำลังฝันหวานอยู่นั้น หลินซีเหยียนก็ได้ส่ายหัวอย่างพูดไม่ออก เมื่อนางเห็นเช่นนี้แล้วนางก็ได้พูดอย่างถากถาง “ข้าเองก็ไม่ยอมรับการหมั้นนั้นเช่นกัน ข้ามาที่นี่วันนี้ก็เพื่อขอถอนหมั้น”

จากนั้นหลินซีเหยียนก็ได้โยนเศษกระดาษที่ถูกเขียนเอาไว้เมื่อหลายปีก่อนขึ้นมาต่อหน้ากว๋อกงจิ่งหยาง

ซึ่งในกระดาษแผ่นนี้มีข้อความที่ถูกเขียนเอาไว้อย่างชัดเจน: เฮอเหวินจางบุตรของกว๋อกงจิ่งหยางที่ได้หมั้นหมายกับบุตรีคนที่สองของมหาเสนาบดี แต่กลับใช้เวลาร่วมกันกินสุราและกระทำโลกีย์กับบุตรสาวคนโตของมหาเสนาบดี เนื่องจากกระทำการผิดศีลธรรมเช่นนี้ ข้าจึงได้เขียนหนังสือยกเลิกการหมั้น และจากนี้ไปจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกันอีก

กว๋อกงจิ่งหยางที่อ่านไปได้ครึ่งหนึ่ง มือของเขาก็ได้กำหนังสือแจ้งยกเลิกการหมั้นจนมือสั่น เขาจ้องไปที่ หลินซีเหยียนด้วยสายตาที่เบิกกว้างและกัดฟันแน่น “เจ้ากล้าดียังไง ถึงได้กล้ามาถอนหมั้นลูกชายข้า”

“ทำไมจะไม่กล้า ข้าเองก็คิดว่าลูกชายท่านกับหลินหัวเยว่ก็เหมาะสมกันดีมากอยู่แล้ว แล้วก็ไม่ใช่ว่าวันนี้พวกท่านสองคนจะตกลงเรื่องนี้กันอยู่แล้วเหรอ?” หลินซีเหยียนเบ้ริมฝีปากของนางแล้วยักคิ้วขึ้น

มหาเสนาบดีเองก็ยังตกใจที่เห็นหนังสือขอถอนหมั้นนี้ ไม่ใช่ว่าหลินซีเหยียนนั้นหลงรักเหวินจางมากหรอกเหรอ? แล้ววันนี้ทำไมนางถึงได้ฉวยโอกาสขอถอนหมั้นก่อนได้!

เทียบกันมหาเสนาบดีหลินกับกว๋อกงจิ่งหยางแล้ว หลินหัวเยว่นั้นรู้สึกยินดีอย่างมาก นางนั้นอยากที่จะแต่งกับพี่ เหวินจางอยู่แล้ว

แต่ทว่ากว๋อกงจิ่งหยางกลับไปยอม เขาฉีกหนังสือถอนหมั้นทิ้งแล้วพูดอย่างโมโห จากนั้นก็ได้หันไปจ้องหน้า หลินซีเหยียนแล้วกล่าว “ถ้าเจ้าอยากจะถอนหมั้น ก็ต้องให้ลูกชายข้าเป็นคนถอน ข้าจะปล่อยให้ผู้หญิงไร้ยางอายอย่างเจ้ามาให้ร้ายเขาได้อย่างไร?”

“ให้ร้าย?” หลินซีเหยียนมองไปที่กว๋อกงจิ่งหยางด้วยสีหน้าเสียดสี “ท่านรู้ไหมทำไมข้าถึงวางยาพิษเหวินจาง?”

กว๋อกงจิ่งหยางก็ได้มีสีหน้าดำมืดและไม่พูดอะไร

“เพราะว่าเขาเจอข้าที่บนถนน นอกจากเขาจะจำข้าไม่ได้แล้ว เขายังบังคับข้าให้เป็นเมียน้อยของเขาอีกต่างหาก”

“……” กว๋อกงจิ่งหยางรู้จักลูกชายของตัวเองดี ดังนั้นเขาจึงคิดว่าที่หลินซีเหยียนพูดนั้นอาจจะเป็นความจริง 8ใน 10 ส่วน ตอนนี้เขารู้สึกเสียหน้ามากและไม่อยากที่จะอยู่ที่นี่ต่อ ในที่สุดเขาก็ได้ถามขึ้นมา “ส่งยาถอนพิษมา แล้วข้าจะไม่เอาเรื่องในวันนี้ แล้วเจ้าจะยังเป็นคู่หมั้นของลูกชายข้าต่อ”

จนกระทั่งถึงตอนนี้กว๋อกงจิ่งหยางก็ยังคิดว่า หลินซีเหยียนนั้นได้ฉวยโอกาสข่มขู่เขาเพื่อแต่งเข้าบ้านกว๋อกงจิ่งหยาง

ช่างหลงตัวเองเช่นนี้ช่างเหมือนกับเฮอเหวินจางมาก ดูเหมือนว่าอาการหลงตัวเองนี่ก็คงเป็นโรคอย่างหนึ่ง ไม่เพียงแต่จะทำร้ายผู้ที่เป็นแล้ว ยังทำร้ายคนอื่นๆอีกด้วย

“เทียนเอ๋อก็บอกพวกท่านไปแล้วนะว่ายานี้ไม่มียาถอนพิษ หลังจากที่ผ่านไป 7 วัน ผลของยาก็จะหายไปเอง” หลินซีเหยียนตอบอย่างไม่สนใจ หลังจากที่พูดจบก็เหมือนนางนึกอะไรออกได้แล้วพูดต่อ “แล้วก็ ข้าไม่ต้องการแต่งกับเฮอเหวินจาง หรือแต่งเข้าบ้านกว๋อกงจิ่งหยางด้วย”