บทที่ 14 ภารกิจรังหมาป่า
“เฉินเฉียง ค่อยคุยกันระหว่างทาง”
หลิงเว่ยได้โบกมือให้คนอื่นกลับไปปฏิบัติหน้าที่ก่อนที่จะดึงเฉินเฉียงให้ตามนายพลจางไป
ด้วยความเร็วของเฉินเฉียงในตอนนี้สามารถตามความเร็วของทั้งสองได้อย่างง่ายดาย
ในระหว่างทาง หลิงเว่ยได้อธิบายสถานการณ์คร่าวๆตามที่ได้รับฟังมาจากคนส่งสาร
ตอนนี้ตึกนายพลเมืองเหมันต์จันทรามีผู้ถือครองอยู่ คนที่ถือครองนั้นคือนายพลหลินเฟิงที่ได้รับกล่าวขานว่าเป็นจ้าวนักรบผู้สิ่งอยู่ในระดับจอมพลวิญญาณมาตั้งแต่แปดปีก่อน
ในช่วงแปดปีที่ผ่านมานั้น นายพลหลินเฟิงได้เป็นผู้นำแห่งตึกจอมพลเมืองเหมันต์จันทราทั้งในการโจมตีและป้องกันจากพวกมนุษย์กลายพันธุ์และสัตว์ประหลาดนับครั้งไม่ถ้วน การที่มนุษยชาติยังคงอยู่รอดมาถึงป่านนี้ได้จะบอกว่ากว่าครึ่งเป็นเพราะผลงานของเขาก็ว่าได้
อย่างไรก็ตาม ในช่วงแปดปีมานี้ นายพลหลิงเฟิงนั้นถึงแม้ว่าระดับการบ่มเพาะของเขานั้นราวกับบ่อที่ไร้ก้น ถึงแม้จะสูงล้ำเกินกว่าใครแต่ก็ไม่อาจข้ามไประดับขั้นราชาได้
นี่ทำให้สามารถบอกได้ว่านายพลหลินเฟิงนั้นคือผู้ที่อยู่จุดสูงสุดของเหล่านักรบสายเลือดระดับวิญญาณ และนี่เองทำให้เขานั้นได้รับฉายาว่าราชันวิญญาณ
หากว่านายพลหลินเฟิงนั้นสามารถยกระดับไปอยู่ขั้นราชาได้เมื่อไหร่ละก็ เผ่าพันธุ์มนุษย์จะมีสุดยอดนักรบขึ้นมา และนั่นคือข่าวดีสำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ต้องดิ้นรนในสิ่งแวดล้อมที่โหดร้ายแบบนี้
อย่างไรก็ตาม การก้าวข้ามจากระดับนายพลขั้นสูงไปสู่ระดับราชานั้นช่าง…. ถึงแม้ว่าจะบอกว่าอีกแค่ขั้นเดียว แต่ระยะทางนั้นมันช่างห่างไกลอย่างนึกไม่ออก
และเพื่อให้สามารถก้าวข้ามไปยังระดับราชาได้อย่างราบรื่น หลินเฟิงจึงได้ถือครองทรัพยากรที่ดีที่สุดไม่ว่าจะเป็นวิธีการบ่มเพาะและทรัพยากรที่ต้องใช้เรียกได้ว่าไม่เคยขาด
และไม่นานมานี้ มีข่าวออกมาว่าได้มีการค้นพบรังหมาป่ารังหนึ่งที่แยกออกมาจากรังใหญ่
ภายในรังนั้นมีผลไม้กระจ่างจิตสิ่งเป็นทรัพยากรสำคัญในการยกระดับก้าวข้ามขั้นสายเลือด และหายากแบบสุดๆ
แต่ในรังของหมาป่านั้นเองก็กว้างใหญ่มากเหมือนกัน อาณาเขตรังของมันนั้นมีพื้นที่กว่า 800 ไมล์ มีสัตว์ประหลาดอยู่ภายในเรียกได้ว่ามากเสียยิ่งกว่ามาก อย่าว่าแต่จะนำผลกระจ่างจิตกลับมาเลย แม้แต่การค้นหาก็ยังยากที่จะทำได้
และนี่เองทำให้ตึกนายพลแห่งเมืองเหมันต์จันทรานั้นเรียกระดมพลจากอาณานิคมที่อยู่ภายใต้สังกัด โดยแต่ละอาณานิคมจะต้องส่งคนไปสองคนเพื่อช่วยค้นหาผลกระจ่างจิตในรังหมาป่า
นี่จึงเป็นเหตุที่ว่าทำไมหลิงเว่ยนั้นในคราแรกถึงคิดคัดค้าน นั่นก็เพราะเฉินเฉียงนั้น ในตอนนี้เขายังเป็นนักรบสายเลือดที่อยู่ในระดับต่ำเมื่อต้องเจอกับภารกิจนี้ แต่พอได้คิดว่าเฉินเฉียงมีความเร็วที่เหนือล้ำกว่าใครนั้น เขาสมควรจะหลีกหนีจากอันตรายและขอความช่วยเหลือจากคนอื่นได้เมื่อถึงยามคับขันก็พอจะไหว ดีไม่ดีการสำรวจในครั้งนี้เขาอาจจะเป็นตัวหลักเลยก็ได้
“ท่านผู้การ ทหารระดับราชาที่ท่านว่าพอจะบอกข้าได้รึเปล่าว่ามีความแข็งแกร่งขนาดไหน”
เฉินเฉียงนั้นไม่ได้สนใจภารกิจที่หลิงเว่ยกล่าวถึงเลยแม้แต่น้อย แต่ในเมื่อได้รับคำสั่งมาแล้ว เขานั้นก็จะทำอย่างเต็มที่เท่าที่จะรับได้ แต่ยังไงซะ เขานั้นไม่มีทางที่จะยอมสละชีวิตเพียงเพื่อที่จะหาผลไม้แบบนี้แน่นอน
ไม่ว่ายังไงก็ตาม การรอดชีวิตกลับไปได้นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
มีเพียงการรอดชีวิตกลับไปให้ได้เท่านั้น เขาจึงจะสามารถทำตามคำมั่นที่เขาให้ไว้กับผู้อาวุโสซุนได้
แต่เมื่อโอกาสมาถึงแบบนี้ เขาเองก็อยากจะทำการศึกษาเกี่ยวกับระดับการบ่มเพาะเพิ่มเติมแค่นั้นเอง
“เฉินเฉียง ตอนนี้เจ้าเป็นนักรบสายเลือดระดับพลทหารขั้นกลาง โดยปกติแล้วด้วยอายุของเจ้าถือได้ว่าหาได้ง่ายอย่างมาก นั่นก็เพราะนอกจากเจ้าแล้ว นักรบสายเลือดจะมีการตื่นของสายเลือดตั้งแต่เกือบสิบขวบปี และเมื่อเกิดการตื่นแล้ว คนคนนั้นจะกลายเป็นนักรบสายเลือดระดับทหารขั้นต้นในทันที”
“แม้แต่นักรบสายเลือดระดับทหารขั้นสูงเองนั้นในช่วงอายุของเจ้าในตอนนี้โดยปกติแล้วก็หาได้ไม่ยากเย็นนัก บางคนอายุต่ำกว่าเจ้าก็อยู่ในระดับขั้นสูงไปแล้ว แต่มีน้อยคนนั้นที่สามารถก้าวไปถึงระดับนายพลได้ตั้งแต่ก่อนอายุยี่สิบปี”
“และเช่นเดียวกับนักรบสายเลือดระดับทหาร นักรบสายเลือดระดับนายพลวิญญาณเองก็แบ่งระดับย่อยเป็นสามระดับเช่นเดียวกัน”
“ข้าในตอนนี้เองก็เป็นเพียงนักรบสายเลือดระดับทหารขั้นสูงเท่านั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าจะใช้เวลาอีกนานแค่ไหนถึงจะก้าวข้ามไปยังระดับนายพลวิญญาณได้ ข้าเองก็พึ่งจะได้ยินมาเหมือนกันว่านายพลหลินเฟิงนั้นเตรียมที่จะกลายเป็นระดับราชาในตำนานเหมือนกัน”
-ระดับราชา-
“ระดับราชานั้นมีคำพูดกล่าวขานกันว่าผู้ที่อยู่ในระดับนี้สามารถพลิกภูเขากลับน้ำทะเลได้เพียงแค่พลิกฝ่ามือ มีความเชื่อกันว่าใครก็ตามที่ก้าวข้ามไปอยู่ในระดับนี้ได้ คนคนนั้นจะหลุดพ้นจากกฎแห่งสวรรค์และโลกทั้งมวล”
“ถึงจะฟังดูน่าเหลือเชื่อไปหน่อย แต่นี่คือคำกล่าวที่รับรู้และเชื่อถือมาจนถึงตอนนี้”
นายพลหลิงเว่ยนั้น ในตอนนี้เขาเองก็มีอายุกว่าสามสิบปีแล้ว เขานั้นขอเพียงแค่ก้าวข้ามไปในระดับนายพลวิญญาณไปเพื่อยืดอายุของตนได้เท่านั้นไม่หวังจะไปไกลกว่านี้แล้วจริงๆ หากว่าก้าวข้ามไปได้เขาก็ยินดีที่จะกราบไหว้ฟ้าดินทุกวันเพื่อเป็นการตอบแทนไปชั่วชีวิต
อย่างไรก็ตาม เฉินเฉียงนั้นเมื่อได้ยินคำพูดทั้งหมดของหลิงเว่ยแล้วกลับรู้สึกราวกับจะง่วงเหงาหาวนอนจนหลิงเว่ยเองก็สังเกตได้
นั่นก็เพราะ ถึงแม้ว่าเฉินเฉียงนั้นแม้ในตอนนี้จะยังดูไร้ความสามารถ แต่ในเมื่อตัวเขานั้นมีระบบอยู่ ไม่มีทางเลยที่จะเป็นไปไม่ได้
นายพลจางเองที่อยู่ข้างหน้าพวกเขานั้นเมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ เขาทำเพียงเหลือบกลับมามองพร้อมเม้มปากราวกับจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ตัดสินใจไม่พูดออกมา
สำหรับเขาแล้วนั้น ทั้งสองคนเป็นเพียงกบที่พึ่งจะปีนขึ้นมาได้จากก้นบ่อน้ำเท่านั้น ทั้งคู่ยังไม่มีประสบการณ์มากพอ เขาเองจึงไม่อยากอธิบายอะไรออกมาเพราะมันน่าเบื่อเกินไป
ครึ่งวันผ่านไป นายผลจางก็ได้พาเฉินเฉียงและนายพลหลินเว่ยมาถึงจุดรวมพล
ที่นี่มีผู้คนอยู่แล้วเกือบๆร้อยคนอยู่ที่ข้างหน้าเต็นท์สนามเต็นท์หนึ่ง
ทันทีที่ทั้งสามมาถึง ชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็ได้เดินออกมาจากเต็นท์สนามนั้นอย่างไร้อารมณ์
“เสี่ยวจาง กลุ่มของเจ้าคือกลุ่มสุดท้าย พวกเรารอการมาของพวกเจ้าได้สักพักแล้ว”
“ผู้ควบคุมจ้าว ลำบากท่านแล้ว”
นายพลจางเองได้ทำการโค้งให้แบบเป็นทางการ ฉากนี้ทำให้เฉินเฉียงประหลาดใจในทันที นี่ทำให้เขานั้นรู้สึกได้ว่านายพลจางคนนี้ไม่ใช่คนส่งสารธรรมดา
ผู้ควบคุมจ้าวได้ยกมือขึ้นมาเชิงทักทาย “ขอต้อนรับพวกเจ้า ในเมื่อทุกคนมากันครบแล้วข้าก็จะขอเริ่มเลยแล้วกัน”
ทหารเวรสองคนได้นำกระดาษออกมาปึกหนึ่งแล้วทำการแจกจ่ายให้ทั่ว
“ทุกๆคนโปรดดูให้ดี นี่คือรูปร่างของผลกระจ่างจิต อย่าได้จดจำพลาดเป็นอันขาด”
“ใครก็ตามที่พบผลกระจ่างจิตนี้และสามารถนำกลับมาได้ ภารกิจก็ถือว่าเสร็จสิ้น”
“แล้วหลังจากนั้น ตึกนายพลจะมอบรางวัลตอบแทนให้กลับใครก็ตามที่นำมันกลับมาได้อย่างงาม”
“แน่นอนว่าไม่เพียงคนที่นำกลับออกมาได้ แต่ทุกๆคนที่ร่วมภารกิจนี้ในตอนนี้ทุกคนจะได้รับค่าเสียเวลาและมอบให้เป็นขวัญกำลังใจ โดยตึกนายพลจะมอบแก่นคริสตัลสัตว์ประหลาดระดับสูงขั้นต่ำห้าชิ้น และเมื่อเสร็จภารกิจแล้วจะได้รับอีกห้าชิ้น ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นผู้ที่พบผลกระจ่างจิตหรือไม่ก็ตาม”
“แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าจะขอเตือนพวกเจ้าไว้ก่อนว่ารังหมาป่านี้เต็มไปด้วยอันตราย ใครก็ตามที่ยังมีระดับการบ่มเพาะไปไม่ถึงระดับนายพลวิญญาณนั้นต้องไม่เข้าไปข้างในรังหมาป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่อย่างนั้น ต่อให้ตึกนายพลจะแข็งแกร่งขนาดไหนก็ไม่อาจจะปกป้องพวกเจ้าได้”
“แล้วก็กระดาษที่ส่งให้พวกเจ้านี้จะมีจุดการค้นหาที่ชัดเจนและแตกต่างกันไปเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนและเสียเวลา”
“เอาล่ะ ตอนนี้แต่ละคนเข้ามารับแก่นคริสตัลได้แล้ว หลังจากนั้นก็เริ่มทำภารกิจได้”
“จำไว้ว่า ผลกระจ่างจิตนั้นจะคงอยู่ได้ในอีกห้าวันเท่านั้น นี่ทำให้พวกเจ้ามีเวลาเพียงห้าวันในการค้นหา เมื่อเลยห้าวันไปแล้ว ไม่ว่าจะเจอผลกระจ่างจิตหรือไม่ก็ขอให้กลับมารวมกันที่นี่”
หลังจากผู้ควบคุมจ้าวพูดจบ เขาก็สั่งให้ทหารเวรนำกระเป๋าที่บรรจุแก่นคริสตัลออกมาแจกจ่าย
แก่นคริสตัลระดับสูงขั้นต่ำถูกใส่เอาไว้ในกระเป๋า พวกมันมีค่าอย่างแท้จริง
เฉินเฉียงเองแสดงออกมาด้วยท่าทางที่มีความสุข ก่อนที่จะทำการดูดซับพวกมันทั้งห้าในทันที
นั่นสินะ ตึกนายพลที่มั่งคั่งจะไม่จ่ายค่าตอบแทนอะไรเลยได้ยังไงกัน
และในตอนนี้สำหรับค่าพลังงาน 150 หน่วย เขาคิดว่านี่เพียงพอสำหรับเขาระยะหนึ่งเลยทีเดียว
สำหรับเฉิงเฉียวแล้ว ไม่มีค่าตอบแทนใดดีไปกว่าแก่นคริสตัลพวกนี้แล้วจริงๆ
นั่นก็เพราะสำหรับเขาแล้ว แก่นคริสตัลก็คือแหล่งพลังงาน
ค่าพลังงานนี้ไม่เพียงเขาจะสามารถเปลี่ยนเป็นค่าการใช้ประโยชน์ได้แล้ว พวกมันยังทำให้เขานั้นย่อยสลายซากศพและยกระดับทักษะ แถมยังเพิ่มค่าสถานะของเขาได้อีกด้วย
อีกทั้ง เมื่อเขานั้นเพิ่มค่าความแข็งแกร่งของร่างกายได้ ขีดจำกัดความเร็วของเขาก็จะเพิ่มตามไปอีก
ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าอีกห้าวันให้หลังเขาจะได้ค่าพลังงานอีก 150 หน่วยอีก นี่ทำให้เฉินเฉียงในตอนนี้มีหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นยินดี
ด้วยเวลาเพียงห้าวัน สถานที่ที่เขาต้องทำการค้นหาเองก็อยู่ห่างจากใจกลางรังของหมาป่ามากพอดู ดูยังไงก็ไม่น่าจะต้องเสี่ยงอะไรมากมาย
“เฉินเฉียง หลังจากเข้าไปในพื้นที่รังแล้ว จำไว้ว่า เจ้าจะต้องคอยระวังอันตรายเข้าไว้ ด้วยความเร็วของเจ้าในตอนนี้ เจ้าสามารถเข้าไปขอความช่วยเหลือจากใครก็ได้ทุกเมื่อ เข้าใจรึเปล่า”
ก่อนที่จะแยกจากกัน หลิงเว่ยได้เข้ามาเตือนเฉินเฉียงด้วยท่าทางจริงจัง
เฉินเฉียงได้พยักหน้ารับ “ไม่ต้องกังวลครับท่านผู้การ ดูแลตัวเองดีๆด้วยครับ”
“เสี่ยวจาง ทำไมเจ้าถึงได้พานักรบระดับทหารมาล่ะ อย่าบอกนะว่าที่อาณานิคมเขาหมางไม่มีพวกระดับนายพลอยู่เลย”
ผู้ควบคุมจ้าวลอบถามออกมาในทันทีด้วยท่าทางไม่มีความสุข ในทันทีที่เห็นเฉินเฉียงมารับถุงแก่นคริสตัลไปเมื่อครู่นี้
“ผู้ควบคุมจ้าว อย่าได้เผลอไปดูถูกเจ้าหนูนี่เชียวล่ะ ความเร็วของเขานั้นเร็วมาก หากว่าข้านั้นไม่ได้ยกระดับพลังสายเลือดของข้าเป็นขั้นสูงได้แล้วล่ะก็ ข้าเองยังไม่รู้เลยว่าจะใช้วิธีไหนที่ตามทันไอ้หนูนี่ได้”
“จริงเหรอ”
ผู้ควบคุมจ้าวเองเมื่อได้ยินดังนั้นก็ได้ทำการนั่งไขว้ขาพร้อมใช้มือลูบคางของตน “…ในเมื่อเจ้าว่าอย่างนั้น ข้าก็อยากจะเห็นซะแล้วสิว่าเจ้าหนูนี่จะรอดกลับมารึเปล่า”
“รังหมาป่ารังนี้แม้จะไม่ได้อันตรายมากนัก ถ้าเป็นนักรบสายเลือดระดับทหารขั้นสูงก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่กับพวกขั้นกลางนี่….หึหึหึ”