บทที่ 25 นินทา + บทที่ 26 มีปากเสียง

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 25 นินทา + บทที่ 26 มีปากเสียง Ink Stone_Romance

บทที่ 25 นินทา

หลังจากส่งบรรดาศิษย์ตัวน้อยทุกคนกลับไปหมดแล้ว หยางซิ่วเอ๋อร์ก็เดินกลับเข้ามา สีหน้าท่าทางอึกอัก

“เจ้ามีอะไรหรือไม่” หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะมองหยางซิ่วเอ๋อร์ที่ยืนจ้องอยู่ด้านข้างโดยไม่ยอมพูดอะไร ‘นางคิดจะทำอะไรกันแน่’ นางมาที่นี่เพียงเพื่อจะดูหญิงสาวทำกิจต่างๆ เท่านั้นหรือ

หน้าหยางซิ่วเอ๋อร์มีแววเขินอาย จากนั้นนางก็ผงกศีรษะลงทักทาย “เมิ่งเหยา ข้าขออะไรเจ้าหน่อยได้หรือไม่”

“พูดมาสิ”

“เจ้าให้…เจ้าให้ข้ายืมเงินได้หรือไม่” หยางซิ่วเอ๋อร์เอ่ยอย่างลังเล

หนิงเมิ่งเหยากำลังเก็บของ พอได้ยินคำขอก็เงยหน้าขึ้นมองหยางซิ่วเอ๋อร์ “เจ้าอยากยืมเงินไปทำอะไรรึ”

“นั่นเพราะตระกูลข้าอยากสร้างบ้านแล้วเงินไม่พอ ดังนั้นแล้ว…เพราะแบบนั้นแล้ว…” หยางซิ่วเอ๋อร์พูดออกไปทั้งอย่างนั้น นางรู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก

วันก่อนนางกลับบ้านไปบอกมารดาว่าหนิงเมิ่งเหยาให้หยางเล่อเล่อยืมเงินห้าสิบตำลึงโดยไม่แม้แต่จะลังเลสักนิด มารดาของนางจึงบอกให้ลองหาทางยืมเงินจากหนิงเมิ่งเหยา ทำเช่นนี้แล้วตระกูลของนางจะได้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น พวกเขาไม่คิดจะคืนเงินที่ยืมไปแม้แต่น้อย

หนิงเมิ่งเหยามองหยางซิ่วเอ๋อร์ สายตาส่อแววขบขัน เห็นแล้วหยางซิ่วเอ๋อร์อยากจะวิ่งหนีไปจากตรงนี้เสีย

หยางซิ่วเอ๋อร์เตรียมพร้อมจะขยับตัวหนีไป หนิงเมิ่งเหยาก็เปิดปาก “เจ้าต้องการเท่าไร”

ดวงตาหยางซิ่วเอ๋อร์เป็นประกาย นี่นางเห็นด้วยเช่นนั้นหรือ หยางซิ่วเอ๋อร์ซ่อนความรู้สึกยินดีไว้แล้วตอบไป “แค่ร้อยตำลึงเท่านั้น”

หนิงเมิ่งเหยาอดหัวเราะกับคำพูดของหยางซิ่วเอ๋อร์ไม่ได้ ‘จะสร้างบ้านต้องยืมตั้งร้อยตำลึงเชียวหรือ แล้วจำนวนเท่านี้เป็น เพียงแค่ เท่านั้นหรือ ตระกูลของนางคิดจะสร้างบ้านใหญ่เท่าไรเชียวถึงต้องใช้เงินตั้งร้อยตำลึง’

นี่ตัวนางดูกลั่นแกล้งง่ายดายขนาดนั้นเชียวหรือ ใครจะมาทำอะไรกับนางก็ได้ทั้งนั้นรึ

“เมิ่งเหยา” ครั้นเห็นหนิงเมิ่งเหยาเงียบไม่ยอมพูดต่อ หยางซิ่วเอ๋อร์ลองเรียกนางดู

หนิงเมิ่งเหยามองหยางซิ่วเอ๋อร์เหมือนเพิ่งรู้ตัว ริมฝีปากแดงเผยอขึ้นเล็กน้อย “ข้าไม่มีให้”

หยางซิ่วเอ๋อร์ซึ่งใจจดใจจ่ออยู่ในตอนแรกเปลี่ยนสีหน้าเป็นไม่พอใจทันทีที่ได้ยินว่าไม่มีเงินให้ยืม “เจ้าให้หยางเล่อเล่อยืมเงินห้าสิบตำลึง แล้วทำไมไม่ให้ข้ายืมเจ้าบ้าง”

เมื่อเจอน้ำเสียงเอาแต่ได้เช่นนี้ หนิงเมิ่งเหยาก็อดหัวเราะมิได้ “ข้าดูโง่นักหรือ”

“อะไรนะ” หยางซิ่วเอ๋อร์ไม่เข้าใจไปครู่หนึ่ง หนิ่งเมิ่งเหยาหมายความว่าอย่างไรกันเล่า นางนึกถามในใจ

“เจ้าคิดจริงหรือว่าข้าจะไม่รู้ว่าสร้างบ้านหลังหนึ่งใช้เงินเท่าไร หนึ่งร้อยตำลึงเช่นนั้นรึ ฮึ หยางซิ่วเอ๋อร์ เจ้าเห็นข้าเป็นคนโง่มากเลยรึ” ดูจากนิสัยหยางซิ่วเอ๋อร์แล้ว หนิงเมิ่งเหยาบอกได้ว่าถ้าให้ยืมเงินไป คงไม่มีวันได้กลับคืน

สีหน้าหยางซิ่วเอ๋อร์เปลี่ยนไปอย่างไม่อาจคาดเดาเพราะคำพูดของหนิงเมิ่งเหยา นางทำหน้าถมึงทึงออกจากบ้านของหนิงเมิ่งเหยาไป

หลังจากนั้น มีข่าวลือแพร่ไปทั่วหมู่บ้านไป๋ซานว่าหนิงเมิ่งเหยาเป็นหญิงไร้ยางอาย ไปล่อลวงชายที่มีภรรยาแล้ว และเป็นชู้กับเขาจนถูกจับได้จึงโดนไล่ออกมา นางถึงได้มีเงินมากมายนัก

หนิงเมิ่งเหยาผู้ไม่ค่อยเข้าไปในหมู่บ้านไม่รู้เรื่องนี้ชัดนัก แต่เด็กที่มาเรียนกับนางน้อยลงไปเรื่อยๆ หนิงเมิ่งเหยาสัมผัสได้ว่าว่ามีสิ่งผิดปกติ แต่ไม่ได้ใส่ใจจนกระทั่งหยางเล่อเล่อมาหา

“เหยาเหยา คนพวกนี้จะเกินไปแล้ว” ใบหน้าหยางเล่อเล่อไม่น่าดูนัก

“หืม เกิดอะไรขึ้นหรือ” หนิงเมิ่งเหยาพักมือแล้วมองยังหยางเล่อเล่อพลางเอ่ยปากถามอย่างสงสัย

นางไม่ได้เข้าไปในหมู่บ้านมาสักพักใหญ่แล้ว และไม่รู้สักนิดว่าเกิดอะไรขึ้น

“มีคนเที่ยวพูดว่าเจ้าไร้ยางอาย เป็นชู้กับชายอื่น เพราะแบบนี้พวกเขาถึงไม่ส่งลูกมาเรียนกับเจ้า พวกเขาคิดว่าเจ้าไม่เหมาะสมจะสอนลูกพวกเขา” หยางเล่อเล่อไม่มีเรื่องใดที่พูดกับหนิงเมิ่งเหยาไม่ได้ นางเลยบอกทุกอย่างที่รู้ให้หนิงเมิ่งเหยาฟัง

หนิงเมิ่งเหยามองหยางเล่อเล่อด้วยความประหลาดใจ เพราะนางไม่ได้ทำอะไรเช่นนั้นเลย แต่กลับเกิดข่าวลือพรรค์นี้ขึ้นมาได้อย่างไร

“ข่าวลือนี้แพร่มานานขนาดไหนแล้ว”

“สักห้าถึงหกวันได้”

‘ห้าถึงหกวันแล้วหรือ นั่นใช่หลังจากหยางซิ่วเอ๋อร์มาขอยืมเงินเธอหรือเปล่านะ’

‘เป็นฝีมือนางนี่เอง’ ดวงตาหญิงสาวส่อแววขบขัน หยางเล่อเล่อมองคนตรงหน้าแล้วถามอย่างใคร่รู้ “เจ้ารู้หรือว่าเป็นฝีมือใคร”

“ใช่ ข้ารู้”

“ใครกัน” หยางเล่อเล่อร้องอุทานถาม นางอยากรู้ยิ่งนัก ใครกันที่มาทำลายชื่อเสียงของหนิงเมิ่งเหยา

“หยางซิ่วเอ๋อร์”

บทที่ 26 มีปากเสียง

“นางน่ะรึ จะเป็นนางได้อย่างไร ไม่ได้แล้ว ข้าต้องไปตามหานาง” หยางเล่อเล่อได้ยินก็ทุบโต๊ะ อยากจะลุกออกไปหาหยางซิ่วเอ๋อร์ แต่หนิงเมิ่งเหยาห้ามไว้

ไปตามหาหยางซิ่วเอ๋อร์ตอนนี้ นางคงไม่ยอมรับเป็นแน่ และคงบอกว่านางมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ในเมื่อเป็นเช่นนั้น หญิงสาวก็อยากรู้ว่าหยางซิ่วเอ๋อร์จะเล่นอุบายอะไร

“ทำไมนางถึงพูดถึงเจ้าเสียๆ หายๆ เช่นนี้” หยางเล่อเล่อโดนรั้งไว้ ตอนแรกนางไม่ชอบใจนัก แต่พอได้ฟังหนิงเมิ่งเหยาอธิบายนางก็ยอมสงบโทสะในใจลง

“นางมาหาข้าเมื่อหลายวันก่อนเพื่อขอยืมเงิน บอกว่าจะเอาไปสร้างบ้าน นางอยากยืมข้าร้อยตำลึง แต่ข้าไม่ให้ยืม” หนิงเมิ่งเหยาเล่าอย่างไม่รู้สึกอะไร ส่วนหยางเล่อเล่อมองหนิงเมิ่งเหยาตาโต

‘ร้อยตำลึงเชียวรึ หยางซิ่วเอ๋อร์ช่างกล้านัก ไม่ใช่ว่าบ้านนางเพิ่งสร้างไปเมื่อไม่นานเองหรอกหรือ นางจะอยากได้บ้านใหญ่ขนาดไหนกันเชียวถึงต้องมายืมเงินมากขนาดนั้น’

“นางช่างกล้าจริงๆ”

หนิงเมิ่งเหยายิ้มแต่ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ ‘นางก็ช่างกล้าอย่างที่ว่าจริงๆ’

เพราะหนิงเมิ่งเหยาเงียบ ข่าวลือจึงยิ่งแพร่ไปอย่างรวดเร็ว บัดนี้เหลือเด็กเพียงหกถึงเจ็ดคนที่ยังมาบ้านของหนิงเมิ่งเหยาเพื่อเรียนหนังสือ หนึ่งในนั้นคือเสี่ยวมู่กับหยางจื้อ ส่วนเด็กที่เหลือมาจากตระกูลยากจนในหมู่บ้าน

ทุกวันพวกเขาจะตั้งอกตั้งใจเรียน จนวันหนึ่ง หลินเอ๋อร์ทำหน้าสับสนแล้วเอ่ยขึ้น “พี่สาว ทำไมคนข้างนอกถึงพูดไม่ดีถึงท่านเล่า”

เด็กเหล่านี้อยู่แต่กับหนิงเมิ่งเหยาในบ้านเป็นส่วนใหญ่ นอกจากเจอหยางเล่อเล่อแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้เจอคนอื่นที่นี่เท่าไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ชายสักคน แต่ข่าวลือก็แพร่กระจายไปแบบนั้น

“คนอื่นล้วนมีปาก ถ้าพวกเขาอยากพูด ข้าก็ห้ามอะไรพวกเขาไม่ได้” หนิงเมิ่งเหยางกล่าวพร้อมวางหนังสือลงบนฝ่ามือ

เสี่ยวมู่จ้อง สายตาเศร้าสร้อย “แม้แต่พวกมารดาของพวกคนดูแลสุนัขก็ยังพูดไม่ดีถึงท่าน” ถึงขั้นที่เหล่าพวกคนดูแลสุนัขไม่มาเรียนหนังสืออีกเลย ทำให้เสี่ยวมู่ไม่พอใจ คงเป็นเพราะเหมือนพวกเขาลืมน้ำใจและทำตัวไม่สำนึกบุญคุณที่พี่สาวอุตส่าห์สอนหนังสือ

หนิงเมิ่งเหยาเอื้อมมือไปลูบหัวเสี่ยวมู่พลางบอกอย่างอ่อนโยน “ทุกคนมีความคิดของเขาเอง แล้วก็มีคำกล่าวว่า ทุกอย่างจะคลี่คลายด้วยดีเอง สิ่งที่ข้าไม่เคยทำ ก็แปลว่าข้าไม่เคยทำ ส่วนคนอื่นที่พูดถึงข้า ข้าก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ”

หลินเอ๋อร์ยังคงไม่เข้าใจ “ทำไมเล่า”

“ปากคนในหมู่บ้านไป๋ซานมีเยอะนัก ถ้าทุกคนพูดถึงข้า แล้วข้าต้องไปยุ่งกับพวกเขา ชีวิตแต่ละวันของข้าคงไม่มีทางสงบสุขกันพอดี” ต่อให้นางอยากไปวุ่นวายด้วย นางก็จะไม่ทำกับชาวบ้านที่เอาแต่ฟังข่าวลือ แต่ไปจัดการกับคนผิดที่นำปัญหามา ทว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาสมควร

หลินเอ๋อร์และเด็กคนอื่นมองหนิงเมิ่งเหยา ต่างคิดว่าคำพูดของนางมีเหตุผล ถ้าเป็นพวกตน พวกตนคงโกรธ และเมื่อโกรธขึ้นมาแล้วย่อมไปทะเลาะกับคนผู้นั้นเป็นการใหญ่โต ทำให้ความวุ่นวายต่อเนื่องไปจนชีวิตยุ่งเหยิง

“พี่สาว ข้าเข้าใจแล้ว”

“ดี ถ้าเช่นนั้น ตั้งใจดูสูตรคำนวณที่ข้าให้เจ้าทำเสีย”

ขณะที่หนิงเมิ่งเหยาสอนแนะหนังสือให้พวกเด็กๆ ชาวบ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านไป๋ซานก็มารวมตัวกันในบ้านหยางจู้

“หัวหน้าหมู่บ้าน เราจะให้ผู้หญิงแบบหนิงเมิ่งเหยาอยู่ที่นี่ไม่ได้ นางจะทำให้หมู่บ้านเราเสื่อมเสีย” ใครคนหนึ่งในกลุ่มนั้นพูดอย่างฉุนเฉียว

“เจ้าพูดถูก! หมู่บ้านเราจะปล่อยให้มีหญิงไร้ยางอายแบบนางได้อย่างไร”

ทุกคนแย่งกันพูดเป็นเสียงเดียว ถ้อยคำที่ออกมาคือขับไล่หนิงเมิ่งเหยาออกจากหมู่บ้านอย่างมิต้องสงสัย

หยางจู้มองพวกเขาพลางรอให้ทุกคนพูดจนพอก่อนจึงค่อยเปิดปากบ้าง “พวกเจ้าพูดจบหรือยัง”

ผู้คนได้ยินก็พากันรู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูกต้อง พวกเขามองหยางจู้แล้วผงกศีรษะ

“ในเมื่อพวกเจ้าพูดกันจบแล้ว ให้ข้าพูดบ้าง พวกเจ้าบอกว่าหนิงเมิ่งเหยาทำให้หมู่บ้านเราเสื่อมเสีย ถ้าเช่นนั้นข้าขอถาม นางไปทำอะไรรึ มีเจ้าคนไหนเห็นนางคุยกับชายต่างถิ่นบ้าง” หยางจู้ปรายตามองพวกเขาช้าๆ พลางเอ่ยปากถาม

ผู้คนได้ยินคำถามหยางจู้แล้วนิ่งงันไป

ตั้งแต่หนิงเมิ่งเหยามาที่หมู่บ้านไป๋ซาน นางเข้ามาทำธุระในหมู่บ้านน้อยครั้งนัก เมื่อเด็กๆ ไปที่บ้านนางเพื่อเรียนหนังสือ คนจำนวนไม่น้อยก็ไปที่นั่น แต่ไม่มีใครเห็นเคยชายต่างถิ่นในบ้านนาง นี่มัน…