บทที่ 15 การสูญเสียทางการค้า

ไหปีศาจ

บทที่ 15 การสูญเสียทางการค้า

“ขายให้ข้า”

นี่คือการคว้าธุรกิจเปล่า

ลูกแมงป่องทะเลทราย 27 เจ็ดตัว จะต้องถูกเอาไปโดย ลั่วอู๋ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะต้องซื้อพวกมันเพื่อทำตามบททดสอบเจ้าของร้านเก่า

นอกจากนี้ในเวลากลางวันแสกๆ เช่นนี้ ถ้าใครคิดจะโก่งราคาให้สูงขึ้น ศาลาไป่เปา ก็จะเสียหน้า

เฉินจิงกล่าวต่อ “หัวหน้าเพิงหงเทียน ข้ารู้ว่าระหว่างเจ้ากับทีมหวงชามีความขัดแย้งเล็กน้อย ถึงแม้ว่าศาลาไป่เปาของเราเป็นของ ส่วนหนึ่งของทีมหวงชา แต่ก็ถือเป็นคู่แข่งของทีมหวงชาด้วยเช่นกัน”

เพิงหงเทียนลังเลที่จะทำธุรกิจต่อกับลั่วอู๋อย่างชัดเจน

แม้ว่าจะมีข้อตกลงกับเจ้าของร้านคนเก่าของศาลาไป่หยู่ แต่ตอนนี้การเงินเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ลั่วอู๋เดินออกมาและมองเขม็งไปที่เฉินจิง “เจ้าของร้านเฉิน ข้าได้ยินว่าศาลาไป่เปาอยู่ห่างออกไปหลายช่วงตึกจาก ศาลาไป่หยู่ เจ้ามาที่นี่ทำไมกันเหรอ”

“ฮะ ฮ่า” เจ้าของร้านเฉินยิ้มอย่างสบายใจ

“ข้าเพิ่งได้ยินว่ามีเจ้าของร้านคนใหม่มาทำงานที่ ศาลาไป่หยู่ และเขาก็เป็นผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณซะด้วย ข้าก็แค่อยากจะเจอเขาดูสักครั้ง”

“มาที่นี่เพื่อเจอข้าเป็นพิเศษเลยงั้นหรือ เป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับข้า แต่มันไม่เหมาะสำหรับเจ้าที่มาเริ่มต้นธุรกิจในร้านข้า” ลั่วอู๋กล่าว

เจ้าของร้านเฉินหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าฮ่าฮ่า มันไม่ถือเป็นวิธีการทางธุรกิจหรอกน่า มันก็เป็นเรื่องจริงไม่ใช่รึไงที่ราคาของมันนั้นสูงกว่านี้ ถ้าเจ้ายังไม่สามารถตกลงราคาได้ เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์มาห้ามคนอื่นที่มาซื้อ”

ดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายกำลังมีไฟแห่งโทสะลุกโชน ผู้คนรอบข้างที่เดินผ่านมาต่างก็หยุดดู

เพราะไม่ว่าใคร ๆ ก็ชอบดูเรื่องแบบนี้

“ใช่ๆ ต้องเพิ่มราคาให้สูงกว่านี้” มีเสียงประท้วงดูเหมือนมันจะเริ่มเป็นเรื่องยุ่งยากนิดหน่อยเสียแล้ว

ลั่วอู๋หรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างเงียบ ๆ

“แม้ว่าศาลาไป่หยู่ของข้าจะไม่ใหญ่ แต่ถ้าแค่เงิน 2-3 ร้อยหินวิญญาณต่อตัว ข้าก็สามารถจ่ายได้ ลูกแมงป่องทรายสีเหลือง 300 หินวิญญาณ ข้าจะขอรับมันไว้”

สีหน้าของเพิงหงเทียนแปลกไปเล็กน้อย

“เจ้าของร้านลั่ว ท่านจะซื้อจริง ๆ งั้นเหรอ” เพิงหงเทียนถามด้วยเสียงเบา ๆ

“แน่นอนอยู่แล้ว” ลั่วอู๋พูด

“มาแลกเปลี่ยนกันเถอะ” เพิงหงเทียนตอบอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นท่าทีอันเร่งด่วนของอีกฝั่งหนึ่ง ลั่วอู๋จะไม่เข้าใจได้อย่างไร เขาคงจะต้องเสนอราคาที่สูงขึ้นเกินกว่าตลาดไปแล้วแน่ ๆ และน่าจะเยอะมากด้วย…

มีรอยยิ้มบิดเบี้ยวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้ชมบางคน

พวกเขาเข้าใจว่าเจ้าของร้านคนใหม่นั้นกำลังเสียท่าอยู่

ข้อตกลงนั้นกำลังจะเป็นไปอย่างราบรื่น เพิงหงเทียน รีบหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาแล้วยิ้ม

“ขอบคุณมาก ข้านึกถึงศาลาไป่หยู่ของเจ้า ในครั้งต่อไป ข้าพร้อมจะทำธุรกิจ”

มันเหมือนกับว่าเขากำลังพูดว่าจะใช้ประโยชน์จากที่นี่อีกในครั้งต่อไป

ช่างน่ารำคาญจริงๆ

อย่างไรก็ตาม ลั่วอู๋ ไม่ได้อารมณ์เสียเลยและยังสุขุมอยู่

ในที่สุดเจ้าของร้านเฉินยกมือกุมหน้าท้องแล้วก็หัวเราะออกมา

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เจ้ายอมซื้อมาในราคานั้นจริง ๆ รึ เจ้าเสีย 300 หินวิญญาณสำหรับแมงป่องทรายสีเหลือง? กลัวคู่แข่งได้ขนาดนั้นเลยรึไง ถ้ามีเจ้าของร้านแบบเจ้าข้าคงไม่ต้องห่วงเลยว่าร้านนี้จะปิดตัวลงเมื่อไหร่ เจ้ารู้รึเปล่าว่าลูกแมงป่องทรายสีเหลืองที่ถูกทำให้เชื่องแล้วนั้นยังมีราคาเพียงแค่ 250 หินวิญญาณ เท่านั้นฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ”

ราคารับปกตินั้นควรอยู่ระหว่าง 150 และ 180 หินวิญญาณเท่านั้น

นอกจากนี้มันยังเป็นสัตว์ที่ใช้พลังงานวิญญาณมากในการทำให้เชื่อง

“ช่างวิเศษเหลือเกินที่ได้เป็นเจ้าของร้านคนใหม่ของ ศาลาไป่หยู่ ข้าก็อุตส่าห์คิดว่าจะเป็นคนที่มีความรู้และพลังมากจนช่วยให้งูระดับเงินวิวัฒนาการขึ้นมาเป็นระดับทองได้ แต่เท่าที่ดูตอนนี้เหมือนว่าจะเป็นเพียงแค่ลูกไก่แรกเกิดที่ไม่รู้จักแม้แต่วิธีบริหารธุรกิจเล็ก ๆ ด้วยซ้ำ “

ใบหน้าของเฉินจิงเต็มไปด้วยสีหน้าแสยะยิ้มของการเยาะเย้ย

เขาเคยได้ยินว่าเจ้าของร้านคนใหม่มาจากตระกูลลั่ว แต่เขาไม่คิดอย่างนั้น

เป็นแค่ลูกชายที่ถูกทอดทิ้งจากคนในตระกูล ก็แค่คนที่ถูกเนรเทศ เขาจะต้องไปกังวลอะไร

ถึงเขาจะเคยได้ยินมาว่า ก่อนหน้านี้เจ้าของร้านคนนี้เคยช่วยให้งูทองคำให้วิวัฒนาการได้ เขาจึงสนใจอยากมาดู เพราะท้ายที่สุดเจ้าของร้านที่นี่ก็ถือเป็นศัตรูทางการค้าของเขา

เขาไม่ได้คาดคิดว่าเพียงแค่แหย่ราคาไปไม่กี่ครั้ง จะเป็นการทำให้อีกฝั่งหนึ่งพลาดซื้อลูกแมงป่องทรายสีเหลืองในราคาสูงกว่าตลาดได้ง่าย ๆ เช่นนี้

พ่ายแพ้ต่อแรงกระตุ้น ทำให้การจัดการสิ่งต่าง ๆ รวน?

ไม่รู้จักธุรกิจใช่ไหม

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมันก็เพียงพอแล้วที่เจ้าของร้านเฉินจะรู้สึกอยากดูถูกลั่วอู๋

ความหวั่นเกรงของเขามันยังไม่เพียงพอ

ลั่วอู๋ มองไปที่ เพิงหงเทียน

เพิงหงเทียนพร้อมด้วยรอยยิ้ม “นี่คือราคาที่เจ้าตกลงไว้เอง ข้าไม่ได้ตั้งใจจะหลอกเจ้าแต่อย่างไร”

ลั่วอู๋ไม่ได้ตอบอะไรแต่มองไปที่เฉิน จิง: “เจ้าของร้านเฉินคงคิดว่าข้าแพ้แล้วสินะ ?”

“ฮ่าฮ่า ถือได้ว่ามันเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ก็แล้วกัน” เฉินจิงหัวเราะเยาะ

ลั่วอู๋ยิ้มให้อีกฝ่ายแบบไม่ถือสา “แต่ข้าคิดว่าข้าทำเงินได้มากนะ”

“ ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าเด็กโง่ ฝันเฟื่องอยู่รึไง เจ้าคงไม่โกรธด้วยเรื่องแค่นี้หรอกนะ” เฉินจิงมองดูลั่วอู๋ด้วยสายตาสมเพช

“ไม่เชื่อก็แล้วแต่เจ้า” ลั่วอู๋พูด จากนั้นก็เดินไปที่กรง คิดสักครู่แล้วเรียกให้คนงานในร้านทั้งสามคนช่วยกันนำกรงไปไว้ในศาลาไป่หยู่

ต่อมาลั่วอู๋ก็หันกลับไปเดินหายเข้าไปในศาลาไป่หยู่

“ทำเงินได้งั้นหรือ เจ้าคงอยากร้องไห้ หลังจากที่กลับไปเหมือนเป็นพวกเด็กเหลือขอสินะ ไม่เห็นข้าจะต้องสนใจอะไรเลย ” เฉินจิงมองไปที่แผ่นหลังของลั่วอู๋ที่เดินจากไป

……

……

บรรยากาศใน ศาลา ไป่หยู่ ค่อนข้างจะหดหู่เล็กน้อย

คนงานสามคนยืนคอตกอยู่ด้านในร้าน พวกเขาทั้งสามกลัวที่จะไปเผลอพูดแทงใจลั่วอู๋ จึงเงียบป่าช้า

ลั่วอู๋อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดล้อเล่น “พวกเจ้าสามคนเป็นอะไรกัน ดูเศร้ามากเสียจน คนที่ผ่านไปผ่านมาคงคิดว่า ศาลาไป่หยู่ ของเรากำลังจะมีงานศพอย่างนั้นแหละ”

ทั้งสามคนมองหน้ากันเอง

พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าเจ้าของร้านจะยังอารมณ์ดีได้อยู่

“พวกเรามากำจัดแมงป่องทะเลทรายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อกู้คืนความเสียหายในวันนี้ให้จงได้ขอรับ” มู่ เถาพูดเชิงแนะนำอย่างระมัดระวัง

ปากของลั่วอู๋เอียงเล็กน้อย “เจ้าจะรีบเร่งทำไมกัน? ข้าจะทำให้พวกมันเชื่องเอง บางทีนี่อาจเป็นการทดสอบที่แท้จริง จากเจ้าของร้านคนเก่าก็ได้”

ทั้งสามคนพูดไม่ออก

มันคือการทดสอบ

หากนี่เป็นการทดสอบจริง ๆ เขาคงกำลังล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง

ราคาของสินค้าที่ได้รับสูงกว่าราคาตลาดและต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายในการปรับตัวให้ชินกับสภาพเดิม นี่เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่อย่างเห็นได้ชัด

ลั่วอู๋และทั้งสามคนไปที่อาคารเก่าในสนามหลังบ้านแล้วถามว่า “อาคารเก่านี่มีสัตว์วิญญาณแบบไหนอยู่กัน?”

“มีแต่สัตว์วิญญาณระดับทองแดงทั่วไปขอรับ แต่มีจำนวนไม่มาก แน่นอนว่าไม่มี สัตว์วิญญาณระดับเงินเพราะมันราคาแพงกว่าและทำให้เชื่องลำบาก” มู่ เถาตอบ

ลั่วอู๋เรียกทั้งสาม “พาข้าไปดูสิ มู่เถา เสี่ยวชา อาฟู แค่นั้นพวกเจ้าสามารถทำได้ใช่ไหม”

“รับทราบขอรับ”

แม้ว่าอาคารเก่าจะทรุดโทรม แต่ห้องกรงภายในนั้นแข็งแกร่งมาก แต่ละกรงเต็มไปด้วย สัตว์วิญญาณ หลายชนิด แต่ดูแล้วเหมือนพวกมันจะไม่มีพลังวิญญาณมากนัก

“นี่คือแมงมุมดอกไม้ มันสามารถทะลุทะลวงพื้นและสร้างตาข่ายดักได้ดี” คนงานในร้านพาลั่วอู๋ไปที่กรง

ขนาดของแมงมุมนั้นใหญ่ประมาณขนาดของทารก ร่างกายของมันถูกปกคลุมไปด้วยลวดลายที่มีสีสันและดูเห็นได้ทะลุปรุโปร่งมาก ทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้

ลั่วอู๋ ตรวจสอบข้อมูลของแมงมุมดอกไม้ผ่านไหปีศาจ

ทักษะ: ดักแด้ (ระดับ C) การหมุน (ระดับ C)

ทักษะขยะดี…

ลั่วอู๋ส่ายหัวแล้วเดินไปกรงถัดไป

มันเป็นมดมีเขา ขนาดไม่ใหญ่มาก ประมาณเท่าฝ่ามือ เขามันแข็งแรงมากและสามารถเคลื่อนย้ายสิ่งของที่หนักกว่าตัวเองได้ถึง 100 เท่า

ทักษะ: การโจมตีมุมอับ (ระดับ D), กรดละลาย (ระดับ C), วิญญาณ (ระดับ B)

ดูเหมือนว่าจะค่อนข้างทั่วไป

เขาจึงหันไปหาตัวต่อไป การไปดูรอบนี้สิ่งที่เขาเห็นคือลูกบอลหินขรุขระ ซึ่งดูเหมือนกับเป็นสัตว์ที่ตายไปแล้ว

“ทำไม ถึงมีคนวางก้อนหินไว้ในกรงนี้กัน” ลั่วอู๋ถามเพราะสงสัย

มู่เถา ได้ยินดังนั้นก็ตอบไป “มันไม่ใช่หินธรรมดา มันสัตว์วิญญาณหิน พวกมันชอบทำหลุมและขดตัวเข้าไปอยู่ด้านใน เมื่อคิดว่ามันตกอยู่ในอันตราย นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในทักษะของมัน นั่นก็คืออำพรางปลอมตัวเป็นก้อนหิน ไม่เพียงแต่เพื่อเพิ่มการป้องกัน แต่ยังสร้างความสับสนให้กับฝ่ายตรงข้ามด้วย “

พรางตัวงั้นเหรอ

ทันทีที่ได้ฟังดวงตาของลั่วอู๋เบิกกว้างขึ้น เขาพอเข้าใจได้ว่าภูมิภาคต่าง ๆ มีลักษณะที่แตกต่างกัน ในเมืองหลวงเขาจึงไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน

“นำสัตว์วิญญาณหินตัวนี้ออกมา ข้าใช้งานมันได้ใช่ไหม” ลั่วอู๋ถาม

มู่เถาเองก็แอบอยากรู้เหมือนกัน แต่พยักหน้าส่งๆ ก่อนตอบว่า “ใช่ขอรับ!”