บทที่ 12 วิธีการของท่านเทพ EnjoyBook
บทที่ 12 วิธีการของท่านเทพ
ไอ้เด็กนี้เข้ามาใกล้ตัวเขาตั้งแต่เมื่อไหร่? ฝีมือของหมอถือไม่ธรรมดาในกลุ่มพันธมิตรโลหิต แต่ทำไมไอ้เด็กนี้เข้ามาใกล้เขา โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยสักนิด? อย่าว่าแต่หมอเลย แม้แต่ซุนหยิงรวมถึงทุกคนที่อยู่ในนี้ต่างไม่ก็รู้ว่าฉู่ชวิ๋นไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าหมอได้ยังไง
การตอบสนองของหมอไวมาก เขาถอยกรูดออกมาด้วยความเร็วสูงสุด ฉู่ชวิ๋นแสยะปากเยาะเย้ยปล่อยให้หมอถอยกลับไปอยู่หน้าลูกน้องสิบกว่าคนที่เป็นคนของกลุ่มพันธมิตรโลหิตและเขาก็ส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองผู้ชายที่ถูกมัดไว้กับเสาและสะบัดมือไปทางเสา
“แกร๊ก……!” เกิดเสียงดังขึ้นหลายเสียงตามด้วยการที่โซ่เหล็กทั้งหมดถูกตัดขาด!
ไท้ถานและคนอื่น ๆ ถลึงตาโตด้วยความตกใจ โซ่เหล็กแต่ละเส้นมีความหนาเท่ากับแขนเด็ก ถึงแม้จะใช้เครื่องมือตัดเหล็กก็ยังต้องใช้เวลาอยู่นาน แต่เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาที่เหมือนกับเด็กมหาลัยเพียงแค่สะบัดมือโซ่เหล็กพวกนี้ก็เหมือนเต้าหู้ที่ถูกมีดหั่นให้ขาดเป็นชิ้น ๆ เขาเป็นเทพเซียนเหรอ? มีแต่เทพเท่านั้นที่จะสามารถทำแบบนี้ได้?
ฮู่หลีที่ใกล้ตายพอโซ่ขาด ร่างของเขาก็ล้มลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ซุนหยิงวิ่งเข้าไปคุกเข่าตรงหน้าฉู่ชวิ๋น “ขอร้องครับ คุณท่านช่วยฮู่หลีด้วย ผมจะยอมรับใช้นายท่านทุกอย่างเพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณของคุณท่าน”
เขาเห็นกับตาว่าฉู่ชวิ๋นเคยช่วยชีวิตเฮยพีไว้ ตอนนี้คนที่ช่วยชีวิตฮู่หลีได้ก็มีแค่ฉู่ชวิ๋นแล้ว
ฉู่ชวิ๋นเดินไปที่ฮู่หลีแล้วใช้มือวางไว้บริเวณหน้าอกที่มีแผลของฮู่หลีและใช้พลังลมปราณในการรักษา ถึงแม้ซุนหยิงไม่ขอร้องเขาก็ต้องช่วยฮู่หลีอยู่แล้ว เพราะเรื่องของเขาฮู่หลีถึงได้เจ็บตัวแบบนี้ฉู่ชวิ๋นเข้าใจดี
คนที่ได้รับบาดเจ็บหรือทำการผ่าตัดมามักจะขาดแคลนพลังลมปราณและพลังลมปราณของเซียนสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ด้วยการกระตุ้นเซลล์เมื่อเซลล์ถูกกระตุ้นให้กลับมามีชีวิต บาดแผลบนหน้าอกของฮู่หลีก็เริ่มสมานตัวอย่างรวดเร็ว
“อึก…อึก” เสียงกลืนน้ำลายดังขึ้น! พวกไท้ถานสายตาล่องลอย ขาสองข้างอ่อนแรงและทรุดลงไปในทันที โดยเฉพาะหมอกับลูกน้อง กลุ่มพันธมิตรโลหิตเมื่อได้เห็นแบบนั้นก็ตกใจจนหน้าเหวอ
“พาเขากลับไปพักฟื้นไม่กี่วันอาการก็จะดีขึ้น” ฉู่ชวิ๋นเก็บมือและพูดขึ้น ตอนนี้ลมหายใจของฮู่หลีสงบลงแล้ว
“ขอบคุณครับ คุณท่าน หลังจากนี้ผมจะเป็นทาสรับใช้คุณท่าน” ซุนหยิงโขกศีรษะตัวเองที่พื้นอย่างแรง
สายตาของฉู่ชวิ๋นกลับไปสนใจทางคุณหมอและพูดออกมาแบบนิ่ง ๆ ว่า “หวังซงล่ะ?”
“พวกแกรู้ฐานะของหวังซงไหม? เขาเป็นญาติห่าง ๆ ของตระกูลไป๋” หมอหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา ถึงแม้ว่าหวังซงจะไม่สำคัญแต่ว่าเขาก็ยังเป็นถึงญาติของตระกูลไป๋ ตระกูลไป๋นั่นเป็นถึงตระกูลเก่าแก่และยังแข็งแกร่ง ขนาดกลุ่มพันธมิตรโลหิตยังต้องขออาศัยความเมตตากรุณาของพวกเขา พูดกันตรง ๆ สำหรับตระกูลไป๋
กลุ่มพันธมิตรโลหิตก็เป็นแค่หมาตัวหนึ่งเท่านั้นเองเพราะแบบนี้กลุ่มพันธมิตรโลหิตถึงออกหน้าปกป้องหวังซง อย่างสุดชีวิต ถ้าหากส่งตัวหวังซงไปจะทำให้ตระกูลไป๋ไม่พอใจ กลุ่มพันธมิตรโลหิตไม่สามารถทนรับความโกรธของตระกูลไป๋ได้ ฉู่ชวิ๋นขมวดคิ้วด้วยความรำคาญ ตระกูลไป๋บ้าบออะไรนี่มันเกี่ยวอะไรกับเขา?
แต่ทว่าสีหน้าของเฉินฮั่นหลงกลับเปลี่ยนไป อยู่ในวงการธุรกิจเหมือนกัน มีรึที่เขาจะไม่รู้จักตระกูลไป๋นับว่านั่นเป็นเรื่องใหญ่โตจริง ๆ ถึงแม้ว่าเขาเองก็นับว่าเป็นคนที่ใหญ่โตคนหนึ่งแต่เมื่อเทียบกับตระกูลไป๋แล้วเขากลับไม่ใช่อะไรทั้งนั้น
แน่นอนว่าเขาไม่ถอยเพราะเรื่องแค่นี้หรอก ถึงตระกูลไป๋จะเก่งยังไงแต่จะสู้กับท่านเทพเซียนได้เหรอ?
“ฉันจะถามอีกรอบ หวังซงอยู่ไหน?” ฉู่ชวิ๋นเริ่มโมโหขึ้นมาแล้ว
หมอรู้สึกตกใจ เขาคิดไม่ถึงว่าหลังจากที่อ้างถึงตระกูลไป๋แล้วฉู่ชวิ๋นยังสามารถสงบอารมณ์ได้ขนาดนี้หรือว่าเขายังไม่รู้ว่าตระกูลไป๋นั่นเก่งกาจขนาดไหน
“ไอ้เด็กน้อย อย่าคิดว่าแกฝีมือดีแล้วจะทำอะไรก็ได้ ต่อหน้าตระกูลไป๋แล้วต่อให้เป็นเทพก็ช่วยอะไรแกไม่ได้”
“หยุดพูดถึงตระกูลไป๋ได้แล้ว รีบบอกมาว่าหวังซงอยู่ไหน ไม่งั้นพวกแกทุกคน ไม่ว่าใครก็อย่าคิดว่าจะมีชีวิตรอดไปได้!!” เฉินฮั่นหลงพูด เขาต้องรีบประจบประแจงฉู่ชวิ๋นเข้าไว้
“อยากฆ่าพวกฉัน? แต่พวกแก…จะรอดหรือเปล่านะ” หมอหัวเราะแบบนิ่ง ๆ หลังจากนั้นโบกมือให้สัญญาณลูกน้อง
“พรึบ!” กระบอกปืนทั้งหลายเล็งตรงไปที่พวกฉู่ชวิ๋น
“ถึงตอนนี้ฉันอยากจะถามว่าใครกันแน่ที่รนหาที่ตาย?” สีหน้าหมอเต็มไปด้วยความได้ใจ ปืนในมือเขาเล็งไปตรงฉู่ชวิ๋นมือ
“ไอ้เด็กน้อยฉันรู้ว่าแกมีวิธีหลอกผู้คนให้ดูเหมือนยิ่งใหญ่ แต่ว่าตอนนี้กระบอกปืนอยู่ตรงหน้านี้แล้วแกยังจะแสดงลูกเล่นอะไรต่อไปได้อีกไหม?” เมื่อกลุ่มพันธมิตรโลหิตควักปืนออกมาทำเอาซุนหยิงและคนของเขาตกใจไม่น้อย
เฉินฮั่นหลงยังดีที่มีสติดึงซุนหยิงมาไว้ข้างหลังและตะโกนเรียกทุกคน “ทุกคนมาหลบข้างหลังฉันเร็วเข้า!!”
สำหรับฉู่ชวิ๋น เฉินฮั่นหลงไม่ได้กังวลตั้งแต่แรก ถ้าลูกกระสุนปืนยิงเข้าฉู่ชวิ๋นนั่นสิแปลก ซุนหยิงเห็นเฉินฮั่นหลงบังกระสุนให้ก็อดไม่ได้ที่จะตาแดงก่ำ “พี่ใหญ่ พี่มายืนข้างหลังผมนี้” พูดจบก็ยืนบังอยู่ข้างหน้าเฉินฮั่นหลง
“พี่ใหญ่ พี่ซุน พวกพี่มาหลบข้างหลังผม ถ้าจะตายก็ให้ผมตายก่อน” ไท้ถานวิ่งมาบังกระสุนปืนให้เฉินฮั่นหลงกับซุนหยิง
“เงียบปากให้หมดแล้วไสหัวไปหลบข้างหลังฉันซะ จำไว้ว่าให้เข้าแถวด้วย” เฉินฮั่นหลงทั้งโกรธทั้งรีบ! คนพวกนี้ช่างโง่เง่าจริง ๆ เขามีหยกที่ฉู่ชวิ๋นมอบให้อยู่ ลูกระสุนปืนพวกนี้ทำร้ายเขาไม่ได้หรอก แค่เสียงตะคอกของเขาไม่กี่คำทำเอาทุกคนที่อยู่ตรงหน้าเงียบสนิท ซุนหยิงรีบไปหลบข้างหลังเฉินฮั่นหลงอย่างเร็ว
“สมกับเป็นพี่น้องรักใคร่กันจริง ๆ นะ! ถ้าอยากรีบตายนักฉันก็จะช่วยพวกแกเอง!” หมอเหนี่ยวไกพร้อมรอยยิ้มที่น่ากลัว
“ปัง!”
หมอจ้องมองดูอย่างตั้งใจเพราะเขาอยากเห็นสมองของเฉินฮั่นหลงระเบิดด้วยตาของตัวเอง แต่มีเรื่องราวแปลก ๆ เกิดขึ้น หลังจากเสียงปืนเงียบลงปรากฏว่าด้านหน้าของเฉินฮั่นหลงมีหมอกบาง ๆ อยู่ที่บังลูกกระสุนปืนไว้ทัน
หมอแข็งทื่อไปทั้งตัว เรื่องแบบนี้อย่าว่าแต่เคยเห็นเลย ฟังยังไม่เคยฟังมาก่อน กลุ่มลูกน้องพันธมิตรโลหิตที่อยู่ด้านหลังเขาลูกตาแทบจะถลนออกมา
เฉินฮั่นหลงเอาหยกออกมาก็เห็นรอยร้าวข้างบน นึกเจ็บใจเกลียดโกรธจนอยากจะฆ่าหมอ หลังจากนั้นที่หมอได้สติก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก
“ปังปัง…!” หมอเหนี่ยวไกอย่างบ้าคลั่ง เขาไม่เชื่อ ทุกอย่างนี้ต้องเป็นภาพหลอนแน่ ๆ หลังจากเสียงปืนหยุดลงลูกกระสุนหกนัดก็ร่วงอยู่ที่เท้าของเฉินฮั่นหลง แต่เขากลับไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย แต่ในขณะเดียวกันหยกในมือของเฉินฮั่นหลงก็แตกสลายกลายเป็นผง
“ยืนงงกันทำไม? รีบยิงเร็วเข้า…” หมอตะโกนคำรามออกมา เฉินฮั่นหลงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ไม่เหลือหยกแล้วร่างเลือดเนื้อของเขาจะกันกระสุนได้ยังไง? ในตอนนั้นเองฉู่ชวิ๋นก็ขยับตัวด้วยความเร็วแสง
“ตู้ม ตู้ม…!” เสียงล้มลงดังติดต่อกันเรื่อย ๆ กลุ่มพันธมิตรโลหิตล้มลงเหมือนดังเมล็ดข้าวสาลีที่ร่วงลงมา
ไม่กี่วินาที นอกจากหมอแล้ว คนอื่นต่างก็ล้มลงที่พื้นหมด พวกคนเหล่านี้อ้าปากค้าง ลูกตาทะลัก คอหักไร้เรี่ยวแรง พวกเขาตายด้วยวิธีเดียวกัน หมอตัวแข็งทื่อไปหมด
ทั้งมือทั้งเท้าที่หลังเต็มไปด้วยเหงื่อ เขารู้ว่าฉู่ชวิ๋นอยู่ข้างหลังเขา แต่เขากลับไม่มีความกล้าที่จะหันกลับไปดู กลัวว่าถ้าหันกลับไปอาจจะไม่มีโอกาสหันกลับมาอีก
“หวังซงอยู่ไหน?” คำพูดง่าย ๆ แต่กลับทำให้หัวใจของหมอเกือบหยุดเต้น
“ตู้ม!” หมอไม่สามารถทนความกดดันนี้ได้อีกต่อไป เขาล้มลงกับพื้นเหมือนกับมีใครถลกกระดูกของเขาออกไปจนหมด ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาสบตากับสายตาอันเย็นชาไร้ความรู้สึกที่ทำให้เขาตัวแข็งทันที
“อยู่ที่ตระกูลไป๋ หวังซงอยู่ตระกูลไป๋ อย่าฆ่าเลยนะ ฉันขอร้องล่ะอย่าฆ่าฉัน”
หมอคลานถอยไปด้านหลังพลางกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว อยากจะหนีจากฉู่ชวิ๋นให้ไกล ๆ ในสายตาของเขาฉู่ชวิ๋นน่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจซะอีก ไม่มีใครรู้ว่าเขาฆ่าคนยังไง แค่เขากะพริบตาทุกคนก็ตายกันหมดแล้ว สิ่งที่ไม่รู้จักมักจะน่ากลัวเสมอ
“ช่วยฝากบอกข่าวให้ตระกูลไป๋ว่า ให้เวลาอีกหนึ่งวันในการพาหวังซงมาที่กลุ่มเหยี่ยวมังกร จำไว้ว่ามีเวลาแค่หนึ่งวัน หวังว่าคงไม่ต้องให้ฉันไปหาอีกรอบ” พูดจบ ฉู่ชวิ๋นก็ก้มลงลูบหัวหมอหลังจากนั้นก็เดินออกไป
“พี่…พี่ใหญ่…” ซุนหยิงก็เป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งแต่กลับทำลิ้นห้อยไม่สามารถพูดออกมาได้เป็นคำ
“กลัวเหรอ?” เฉินฮั่นหลงพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ ซุนหยิงพยักหน้ารัว ๆ เพียงแค่กะพริบตาก็สามารถฆ่าคนได้เป็นกองใครจะไม่กลัวบ้าง?
“นายอยากถามใช่ไหม? ว่าทำไมลูกกระสุนปืนถึงไม่โดนฉัน?” ซุนหยิงไม่พูด ทำได้แค่พยักหน้าแบบแรง ๆ เขาหลบอยู่ข้างหลังเฉินฮั่นหลงไม่เห็นอะไรเลยสักอย่าง
เฉินฮั่นหลงแบมือออกมา มีเพียงผงสีขาวบนฝ่ามือและพูดด้วยความเสียใจ “ที่จริงนี่คือหยกก้อนที่คุณท่านมอบให้ฉัน พกแล้วไม่ว่าจะความร้อนหรือความหนาวก็ทำอะไรฉันไม่ได้ และมันยังสามารถช่วยชีวิตได้ด้วย ต่อให้รถบรรทุกชนฉันมันก็จะช่วยให้ฉันปลอดภัยได้อย่างแน่นอน แล้วยังสามารถใช้เป็นที่กันกระสุนได้อีกด้วย น่าเสียดายที่ฉันได้ใช้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
“กันกระสุนได้!” ซุนหยิงพึมพำ
“ไม่งั้นนายคิดว่ากระดูกทองเหลืองฉันทำจากหรือไง!” เฉินฮั่นหลงพูดด้วยน้ำเสียงใส่อารมณ์แล้วก็ตบไหล่
ซุนหยิง “คุณท่านเป็นเทพเซียน ต่อไปต้องเคารพเขาให้มากกว่านี้เข้าใจไหม” ซุนหยิงนึกถึงตอนเพิ่งเจอฉู่ชวิ๋นใหม่ ๆ คำพูดที่ดูหมิ่นประมาทของเขา พร้อมกับหยดเหงื่อที่ไหลมาทั่วตัว
“พวกแกที่อยู่ในนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไม่อนุญาตพูดให้คนนอกฟัง คุณท่านชอบความสงบ ไม่ต้องการให้ใครรู้เยอะ เข้าใจไหม?” เฉินฮั่นหลงบอกกับพวกไท้ถาน
พวกไท้ถานต่างยอมสยบให้กับฝีมือของฉู่ชวิ๋นแล้ว ถึงตอนนี้หัวสมองยังมึน ๆ งง ๆ อยู่พอได้ฟังที่เฉินฮั่นหลงพูดทุกคนต่างพยักหน้าอย่างว่องไว
“พี่ใหญ่ทำยังไงกับเขาดี?” ซุนหยิงชี้ไปทางหมอด้วยแววตาโหดเหี้ยม
“คุณท่านบอกว่าอย่าเพิ่งฆ่าย่อมมีหตุผล ตอนนี้ไว้ชีวิตมันไปก่อน!” เฉินฮั่นหลงพูดจบก็โบกมือ
“พวกเราก็กลับกันเถอะ!” เมื่อพวกเขาเดินออกมาจากผับก็เห็นฉู่ชวิ๋นยืนอยู่ข้าง ๆ รถแล้วเฉินฮั่นหลงก็รีบวิ่งเข้าไปหาอย่างเร่งรีบ
ใครจะไปรู้ซุนหยิงเร็วกว่าเขา เดินไปหาฉู่ชวิ๋นได้ก่อนหนึ่งก้าวแล้วรีบไปเปิดประตูรถ “คุณท่าน เชิญขึ้นรถครับ!” เฉินฮั่นหลงโมโหจนอยากจะเตะซุนหยิง ไอ้คนพวกนี้ไร้ยางอายมากกล้าแย่งโอกาสในการประจบสอพลอของเขา!