ตอนที่ 29 ชายหนุ่มในจวนแม่ทัพ (3) / ตอนที่ 30 เพื่อได้นอนกับกั๋วซือ (1)

เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา

ตอนที่ 29 ชายหนุ่มในจวนแม่ทัพ (3) 

 

 

การรับรู้ของนางว่องไวกว่าคนอื่น ดังนั้นเมื่อครู่จึงรู้สึกได้ถึงภัยที่มาเยือนได้อย่างรวดเร็ว แต่กำลังความสามารถของนางมีน้อย ทั้งรูปร่างยังอ้วนเกินไป ทำให้หลบไม่ทัน ถ้าไม่มีคนช่วยเอาไว้ เกรงว่าธนูดอกนั้นคงปลิดชีพนางไปแล้ว 

 

 

เฟิงหรูชิงหันหลังไป มองเห็นชายหนุ่มในชุดฉางซาน ยืนอยู่ในที่ไม่ไกลนัก 

 

 

สีหน้าของชายหนุ่มยังดูเย็นชาเช่นเดิม ราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับตนเอง 

 

 

“ขอบใจนะ” เฟิงหรูชิงเม้มริมฝีปาก พูดขอบคุณจากใจ 

 

 

ชายหนุ่มแววตาสงบนิ่ง แต่ในใจกลับรู้สึกขำ 

 

 

ผู้หญิงคนนี้…คิดขอบคุณเขาด้วยหรือ 

 

 

“ข้าช่วยท่านก็เพราะไม่อยากให้ท่านปู่ต้องเสียใจ แม้ท่านปู่ไม่อยากพบท่าน แต่เขาก็ไม่อยากเห็นท่านเป็นอะไรไป” แววตาของชายหนุ่มดูเย็นชา น้ำเสียงไม่เป็นมิตรนัก “อีกอย่าง เห็นแก่ที่ข้าช่วยท่านเอาไว้ ต่อไปอย่าได้โผล่มาให้ไต้เอ๋อร์เห็นอีก นางกลัวเวลาได้เจอกับท่าน” 

 

 

ไต้เอ๋อร์มีความพิการมาโดยกำเนิด อยู่ในโลกของตัวเอง แต่เมื่อนางได้พบกับเฟิงหรูชิงครั้งแรก เพราะความสัมพันธ์ทางสายเลือด จึงอยากเข้าใกล้เฟิงหรูชิง 

 

 

แต่เฟิงหรูชิงกลับทำอะไรลงไป? 

 

 

แค่เพราะไต้เอ๋อร์ทำให้เฟิงหรูซวงตกใจ นางจึงเตะไต้เอ๋อร์เสียเต็มแรง แม้จะผ่านมานานหลายปี แต่ถ้าได้เจอไต้เอ๋อร์ เฟิงหรูชิงก็มักจะแกล้งนางอีก 

 

 

ทำให้พ่อกับแม่ต้องขังไต้เอ๋อร์ไว้ในบ้าน ไม่กล้าให้นางออกมาข้างนอกอีก 

 

 

เฟิงหรูชิงตกใจ นางรู้อยู่เต็มอกว่าคนที่รังแกน่าหลานไต้เอ๋อร์ก็คือองค์หญิงคนเดิม แต่ในใจนางกลับรู้สึกแย่อย่างน่าประหลาด 

 

 

“ขอโทษนะ” 

 

 

ประโยคนี้นางกล่าวขอโทษแทนองค์หญิงคนเดิม นัยน์ตาแสดงความรู้สึกผิดจากใจจริง 

 

 

ชายหนุ่มรู้สึกตกใจ เขามองลงต่ำ กำมือแน่น 

 

 

เขาคิดไม่ถึงว่าเฟิงหรูชิงจะเอ่ยคำขอโทษเขา แต่ในใจกลับเตือนตัวเองว่า อย่าใจอ่อนกับนางอีกเด็ดขาด 

 

 

ใจที่เคยอ่อนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงความเจ็บปวดที่หนักหน่วงยิ่งกว่าเดิม 

 

 

“คนที่ท่านควรขอโทษไม่ใช่ข้า แต่เป็นไต้เอ๋อร์ นางถูกท่านทำร้ายมากที่สุด อีกอย่าง ท่านปู่ก็อายุมากแล้ว ช่วงนี้สุขภาพไม่สู้ดี ข้าไม่รู้ว่าเจ้าย้ายออกจากวังหลวง ข้าขอร้องท่านเพียงเรื่องเดียวคือต่อไปอย่ามาที่จวนแม่ทัพอีก พวกเขารับความผิดหวังเสียใจไม่ได้อีกแล้ว” 

 

 

เฟิงหรูชิงไม่มีอะไรจะพูด นางรู้ว่าคำพูดขอโทษมากมายแค่ไหน ก็ไม่อาจลบเลือนบาดแผลในใจคนเหล่านั้นได้ 

 

 

สิ่งเดียวที่นางทำได้คือการใช้เวลาชีวิตที่เหลือชดเชยให้เท่านั้น 

 

 

“ที่จะพูดก็มีเพียงเท่านี้ องค์หญิง ข้าจะไม่เตือนอะไรท่านให้มากความ หวังว่าต่อไปท่านจะคิดถึงฝ่าบาทให้มากกว่านี้ เขาเป็น…พ่อที่ดีมากคนนึง ท่านทำร้ายคนอื่นมามากแล้ว อย่าได้ทำร้ายเขาอีกเลย” 

 

 

ชายหนุ่มละสายตาจากเฟิงหรูชิง หันหลังกลับแล้วเดินไปอีกทิศหนึ่งของถนน 

 

 

ที่จริง เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองต้องช่วยเฟิงหรูชิงไว้ ทั้งๆ ที่ผู้หญิงคนนี้รังแกไต้เอ๋อร์เสียจนน่าเวทนา! 

 

 

อาจเป็นเพราะ…นางคือสายเลือดคนเดียวที่ท่านน้าเหลือไว้ เขาคงมองดูนางตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้ 

 

 

หรือเป็นไปได้ว่า…เพราะคำพูดที่นางพูดกับเฟิงหรูซวงในโรงค้าสัตว์ ทำให้เขาเกิดความมั่นใจว่า บางทีนางอาจเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ?” 

 

 

แต่เขาไม่กล้าเดิมพัน เพราะหากเดิมพันไปแล้ว สิ่งที่รอคอยคนในจวนแม่ทัพ คือความผิดหวังเสียใจซ้ำรอย 

 

 

เฟิงหรูชิงยืนอยู่ที่เดิม สายตามองตามชายหนุ่มที่เดินจากไป 

 

 

ใจของนางในตอนนั้นเต็มไปด้วยความสงสาร 

 

 

นางสงสารน่าหลานไต้เอ๋อร์ที่ถูกรังแกซ้ำๆ และยิ่งสงสาร…แม่ทัพเฒ่าที่อายุมากแล้วแต่ยังถูกทำให้โมโหถึงเพียงนี้ 

 

 

“ดูท่า หลังจากข้าจัดการเรื่องที่จวนองค์หญิงเรียบร้อยแล้ว ควรไปเยี่ยมคารวะที่จวนแม่ทัพสักครั้ง แต่ไม่รู้ว่าท่านตาเห็นข้าแล้วจะโมโหจนหมดสติหรือไม่” 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 30 เพื่อได้นอนกับกั๋วซือ (1) 

 

 

ข่าวเฟิงหรูชิงถูกลอบฆ่าถูกรายงานถึงเฟิงเทียนอวี้อย่างรวดเร็ว เดิมเฟิงเทียนอวี้กำลังสนทนากับ ขุนนางใหญ่ในห้องทรงพระอักษร พอได้ยินข่าวเฟิงเทียนอวี้อโมโหเป็นอย่างมาก เหล่าขุนนางพากันตกใจไม่พูดไม่จา ในเวลานี้ไม่มีใครกล้าทำให้เขารู้สึกโมโหยิ่งขึ้น 

 

 

“ไปสืบ รีบไปสืบให้กระจ่าง ข้าอยากรู้ว่าใครมันกล้าขนาดนี้ แม้แต่ลูกสาวข้ายังกล้าลงมือ!” 

 

 

ชิงเอ๋อร์เพิ่งออกจากวังหลวงไปไม่นาน ยังมีคนคิดลอบสังหารนาง! ถ้าหาตัวนักฆ่าไม่ได้ จะไม่ทำให้ผู้คนทั้งหลายคิดหรือว่าลูกสาวของเขาใครคิดรังแกก็ได้ 

 

 

“แล้วอีกอย่าง” เฟิงเทียนอวี้หรี่ตา ประกายแววตาไม่สบอารมณ์เผยออกมา “ที่เฟิงหรูซวงแอบอ้างบัญชาของข้า ข่มขู่โรงค้าสัตว์ จงให้นางกักตัวอยู่ในวังเพื่อสำนึกผิดและที่สำคัญ ห้ามนางเข้าใกล้จวนองค์หญิงเกินกว่าสามเมตร” 

 

 

ความจริงเฟิงเทียนอวี้รู้ดีว่าหรงกุ้ยเฟยไม่กล้าก่อกบฏ แต่ว่าชิงเอ๋อร์อุตส่าห์เปลี่ยนแปลงตัวเอง จะปล่อยให้นางถูกแม่ลูกคู่นั้นพาเสียคนอีกไม่ได้ 

 

 

ดังนั้นเขาจึงทำไปตามน้ำกับคำพูดของเฟิงหรูชิง พร้อมกันนั้นก็ได้โอกาสกักบริเวณเฟิงหรูซวงในวังหลวงชั่วคราว ไม่ให้นางออกไปก่อเรื่องข้างนอก 

 

 

“รับด้วยเกล้า พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” 

 

 

องครักษ์ถวายความเคารพ รับบัญชาแล้วถอยออกไป แต่พอองครักษ์ถอยไปจนถึงประตู เสียงของ เฟิงเทียนอวี้ก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ช้าก่อน เจ้าจงส่งยอดฝีมือจำนวนหนึ่งไปคุ้มกันชิงเอ๋อร์ จำไว้ว่าอย่าทำให้นางรู้เป็นอันขาด ชิงเอ๋อร์ไม่ชอบให้มีคนเยอะๆ คอยตามนาง” 

 

 

สมัยก่อน ทุกครั้งที่ชิงเอ๋อร์กับเฟิงหรูซวงออกไปข้างนอก เขาจะให้คนติดตามนางไปด้วย ทุกครั้งนางจะโมโหฟาดงวงฟาดงา ต่อมาภายหลัง เขาส่งคนติดตามแบบลับๆ เท่านั้น ไม่กล้าให้ติดตามไปแบบโจ่งแจ้ง 

 

 

แต่ลูกสาวคนนี้กลับไม่เข้าใจความเป็นห่วงของเขา ถ้าไม่ทะเลาะกับเขาก็ทำเมินไม่สนใจหรือแม้กระทั่งในใจของนาง ฐานะของเฟิงหรูชิงอยู่สูงกว่าเขา ถึงแม้จะเป็นพ่อผู้ให้กำเนิด 

 

 

ภาพอดีตสารพัดที่ปรากฏขึ้นในความทรงจำของเขา เขาหัวเราะเฝื่อนๆ หนึ่งที ก็ยังดี ยังดีที่ตอนนี้ลูกสาวคนนี้เข้าใจอะไรมากขึ้นแล้ว เพราะอย่างนี้ต่อไปเขาคงมีหน้าไปพบกับเยียนเอ๋อร์ได้ 

 

 

… 

 

 

จวนองค์หญิง ชิงหลิงยืนอยู่หน้ากรงสัตว์ กำลังปะทะสายตากับหมาป่าสีขาวที่ถูกขังอยู่ในกรง นางมองดูหมาป่าสีขาวราวหิมะตัวนี้อย่างอึ้งๆ แล้วหันมองดูเฟิงหรูชิงอย่างมึนงง “องค์หญิง ท่านนำหมาป่าตัวนี้มาจากที่ไหนเพคะ” 

 

 

“เฟิงหรูซวงซื้อให้น่ะ” 

 

 

เฟิงหรูชิงเอามือจับที่คาง ครั้งนี้ เฟิงหรูซวงเสียเงินไปไม่น้อย ทำให้นางอารมณ์ดีขึ้นมาทันที 

 

 

“ชิงหลิง หลิวลี่ พวกเจ้าดูหมาป่าตัวนี้ให้ดี ถ้ามันมีอาการกระวนกระวาย ให้รีบมาบอกข้า” 

 

 

หมาป่าตัวนี้เป็นสัตว์วิเศษระดับสาม ในทวีปนี้มีความสามารถเท่ากับเจินอู่ ลำพังพละกำลังของ เฟิงหรูชิงในตอนนี้ ยังไม่มีทางกำราบหมาป่าสีขาวตัวนี้ได้ ทำได้เพียงขังมันไว้ในกรงก่อน 

 

 

“แต่ว่า…” ชิงหลิงทำหน้าน่าสงสาร “หมาป่าสีขาวตัวนี้ มันจ้องมาที่บ่าวตลอดเลยเพคะ” 

 

 

ทำราวกับว่านางแย่งของกินมันมาอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

“มันจ้องดูเจ้า เจ้าก็จ้องมันกลับไปสิ” เฟิงหรูชิงตอบด้วยท่าทีสงบ “อีกเรื่อง ถ้าช่วงนี้มีคนมาหาข้า ข้าไม่พบใครทั้งนั้น ข้าจะไปศึกษาเรื่องสวนยาของข้า แล้วคุยกับคนอื่นเรื่องการลดความอ้วนสักหน่อย” 

 

 

ชิงหลิงดูตกใจ ดวงตาเบิกกว้าง 

 

 

นางฟังไม่ผิดใช่หรือไม่ องค์หญิง…จะลดความอ้วน? นางเป็นคนที่อาหารไม่ใช่เนื้อไม่อยากกิน แม้หวานก็กินไม่หยุดไม่ใช่หรือ 

 

 

“องค์หญิง อยู่ดีๆ ทำไมพระองค์จะลดความอ้วนเพคะ” 

 

 

ในเสี้ยววินาทีที่เสียงของชิงหลิงดังขึ้น ภาพแรกที่ผุดขึ้นในหัวของเฟิงหรูชิงคือใบหน้าของกั๋วซือที่ราบเรียบไร้อารมณ์ 

 

 

“เพื่อได้นอนกับกั๋วซือน่ะสิ”