ตอนที่ 25 เผชิญหน้าฝูงหมาป่า! + ตอนที่ 26 ต่อกรฝูงหมาป่าเพียงลำพัง Ink Stone_Romance
ตอนที่ 25 เผชิญหน้าฝูงหมาป่า!
ตรงนั้นมีชายคนหนึ่งนอนอยู่
พูดตามจริง ก็ไม่รู้ว่าแค่หมดสติหรือหมดลมหายใจ ร่างเขานอนแผ่อยู่กลางลำธาร เนื่องจากนอนคว่ำจึงมองหน้าได้ไม่ชัด แต่ดูจากเสื้อผ้าเนื้อดีสีน้ำตาลอ่อนบนร่างเขา ชาติตระกูลน่าจะไม่เลวเลย
เสื้อตรงหน้าท้องมีสีแดงเข้ม ที่ศีรษะเองก็มีเลือดไหล ถึงแม้จะนอนอยู่ในลำธาร แต่เขาช่างโชคดี เพราะตรงที่นอนอยู่ครึ่งหนึ่งมีหินก้อนค่อนข้างใหญ่โผล่ขึ้นจากผิวลำธารเล็กน้อย ส่วนหน้าเขาจึงไม่ได้แช่ในน้ำ ไม่เช่นนั้นเดาว่าต่อให้ไม่มีเลือดออก เขาก็คงจมน้ำตายไปแล้ว
เพราะครึ่งร่างแช่อยู่ในลำธาร เลือดบนศีรษะและเลือดที่ซึมตรงช่วงท้องจึงไหลตามลำธารจากจุดต้นน้ำลงไป
เธอเดินเข้าไปพลิกตัวเขาขึ้นมา ก่อนจะยื่นมือไปตรวจลมหายใจที่ปลายจมูก พบว่ายังมีลมอยู่ เธอจึงลากเขาขึ้นมาบริเวณพื้นหญ้าข้างลำธาร
หลังจากตรวจดูบาดแผลเขาแล้ว ก็หยิบขวดใบเล็กออกจากถุงฟ้าดิน นำยาห้ามเลือดมาพรมลงบนบาดแผลที่ศีรษะของเขา แล้วค่อยถอดเสื้อผ้าเพื่อโรยยาลงไปบนแผลที่ท้องอีกนิดหน่อย จากนั้นเธอหยิบเสื้อผ้าชิ้นหนึ่งจากด้านในถุงฟ้าดินมาฉีกเป็นเส้นๆ และพันแผลเขาไว้
‘นายนี่โชคดีจริงๆ ถึงได้มาพบฉัน’
เธอมองคนที่กำลังหมดสติ พลางก็หัวเราะขึ้นเบาๆ ก่อนจะเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเล็กน้อย แล้วพูดกับตัวเองว่า “นี่ฉันใจดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เพื่อไม่ให้กลิ่นคาวเลือดดึงดูดพวกสัตว์ร้ายมา เธอจึงถอดเสื้อผ้าบนร่างชายหนุ่มโยนลงน้ำเสีย ให้เสื้อผ้าลอยหายไปตามลำธาร แล้วหยิบเสื้อผ้าอย่างง่ายๆ ชุดหนึ่งจากในถุงฟ้าดินมาสวมลงบนร่างเขา
เมื่อเห็นท้องฟ้ายังไม่มืด ตรงนี้ก็มีแหล่งน้ำ ดังนั้นเธอจึงเก็บกิ่งไม้รอบๆ มาก่อกองไฟ ตั้งใจว่าคืนนี้จะพักอยู่ที่นี่เสียเลย
เดิมทีอยากลองดูใกล้ๆ ลำธารว่ามีปลาหรือไม่ ทว่าเธอนั่งตรงริมลำธารอยู่นานโข ก็ไม่เห็นมีปลาว่ายผ่านมาสักตัวเดียว จึงอุทานเบาๆ อย่างอดไม่ได้ “น้ำใสแต่ไม่มีปลา เป็นจริงอย่างที่คิดไว้เลย!”
เธอทำได้เพียงนำเนื้อย่างมาอุ่นอีกรอบ แล้วฉีกมากินชิ้นหนึ่ง หลังจากเติมท้องจนอิ่มค่อยนั่งขัดสมาธิฝึกฝน
ตอนนี้เธอเพียงแค่ดึงพลังเข้าร่าง ก่อนจะเข้าถึงระดับนักรบทุกอย่างล้วนเริ่มจากศูนย์ แต่เธอรู้สึกได้ว่าหลังจากฝึกฝนได้พลังเร้นลับ ร่างกายก็มีการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ เธอรู้ถึงผลดีนั้น การฝึกฝนวิชาย่อมทำให้มีพลังอย่างไม่จำกัดเป็นธรรมดา
การฝึกครั้งนี้ใช้เวลาไม่กี่ชั่วยาม จนกระทั่งรู้สึกว่าพลังเร้นลับในร่างเข้าสู่ขั้นเริ่มต้นที่สองของระดับนักรบ เธอถึงจะถอนหายใจแล้วลืมตาขึ้น
ท้องฟ้ามืดลงแล้ว สายลมยามค่ำคืนในป่านี้เย็นอยู่บ้าง ยังดีที่ตรงหน้ามีกองไฟให้ความอบอุ่น และพลังเร้นลับบนร่างเองก็สามารถหมุนวนขับไล่ความหนาวเย็นไปได้
เฟิ่งจิ่วหันมองชายหนุ่มข้างกาย เห็นว่าเขาหดตัวน้อยๆ ราวกับกำลังสั่นเทา จึงยื่นมือไปตรวจดู ที่แท้ก็เป็นไข้จากอาการแผลอักเสบนี่เอง
เธอคิดแล้วคิดอีกก็พลิกหาของจากในถุงฟ้าดินอีกครั้ง หยิบขวดเล็กๆ ออกมา เทยาเม็ดหนึ่งลงบนฝ่ามือแล้วลองดมดู หลังจากแน่ใจในสรรพคุณกับผลของยา จึงค่อยบีบคางและยัดยาเม็ดนั้นเข้าไปในปากเขา แล้วกรอกน้ำใส่ปากตามไปอีกเล็กน้อยเพื่อให้เขากลืนยาลงไป
เฟิ่งจิ่วเติมกิ่งไม้เข้ากองไฟ จนเปลวเพลิงนั้นยิ่งโชติช่วงขึ้นมาหน่อย ทว่าในเวลานี้เอง เสียงที่แว่วมาจากในป่าก็ทำให้ร่างเธอแข็งทื่อ ตึงเครียดและเคร่งขรึมขึ้นมาในทันใด
“บรู้ว!”
“บรู้ว!”
“บรู้ว…”
“หมาป่า?”
เธอลุกยืนขึ้นทันที ได้ยินเสียงหมาป่าเห่าหอนที่น่าสะพรึงกลัวยามค่ำคืนใกล้เข้ามาทุกที เสียงพวกมันกำลังดังกึกก้องอยู่ในป่าแห่งนี้
หมาป่าเป็นสัตว์ที่เดินทางเป็นฝูง หากมันจะปรากฏตัว ก็ต้องมากันเป็นฝูง!
…………………………………………………….
ตอนที่ 26 ต่อกรฝูงหมาป่าเพียงลำพัง
เธอคิดจะใช้โอกาสที่ฝูงหมาป่ายังมาไม่ถึงรีบหนีไป ทว่าตอนนี้ ในพุ่มไม้ไม่ไกลกลับมีดวงตาประกายแสงสีเขียวหลายคู่โผล่ออกมา…
“ดูท่าว่าจะหนีไม่ได้แล้วสินะ”
เธอขมวดคิ้วเบาๆ แล้วกวาดมองฝูงหมาป่าที่เดินมาจากรอบๆ พอชำเลืองมองชายที่กำลังหมดสติ ก็รู้สึกว่าตัวเองนี่ช่างหาเรื่องใส่ตัวเสียจริง
หากเผชิญหน้ากับฝูงหมาป่า ถ้าแค่ตัวเธอเองก็พอได้อยู่ แต่ด้านหลังมีอีกคนที่ยังหมดสติ จึงกลายเป็นปัญหาเสียแล้ว
“บรู้ว!”
เสียงเห่าหอนของหมาป่าดังขึ้น ราวกับกำลังออกคำสั่งอย่างไรอย่างนั้น ฝูงหมาป่าที่เดิมเดินล้อมวงมากันอย่างช้าๆ กระโจนมาตรงหน้าเธอในทันที
เพราะลำธารอยู่ตรงใต้เนินเขา จุดที่เธอพักร่างชายผู้นั้นไว้จึงมีที่ลาดเป็นเนินออกมาพอดี ตอนนี้ทางลาดเป็นผลดีอย่างมากต่อการป้องกัน ทำให้เธอไม่ต้องคอยพะวงหลังว่าจะมีหมาป่ากระโจนโจมตี และไม่ต้องกังวลว่าจะดูแลเขาไม่ได้จนถูกหมาป่าลากไป
เฟิ่งจิ่วดึงกริชออกมาตั้งมือกั้นไว้ด้านหน้า รังสีฆ่าฟันทั้งร่างพลุ่งพล่านออกมา ในเมื่อหนีไม่ได้ เช่นนั้นก็สู้เถอะ! เธอไม่เชื่อหรอกว่าตัวเองจะฆ่าหมาป่าสิบกว่าตัวนี้ไม่ได้หมด!
สายตาเป็นประกายเย็นเยียบฉายแววคมกริบ เธอแอบดึงพลังเร้นลับในร่างขึ้นมา ดวงตาจ้องหมาป่าสิบกว่าตัวที่แยกเขี้ยวน้ำลายไหลอยู่ตรงหน้าราวกับกำลังเฝ้ารออะไรบางอย่าง
เหล่าหมาป่าส่งเสียงคำรามเบาๆ เหมือนอยากให้เธอเสียขวัญจนหมดกำลังใจสู้แล้วค่อยกระโจนใส่ แต่ถึงอย่างไร เฟิ่งจิ่วก็ไม่ใช่คนธรรมดา เธอคงไม่ตกใจจนแข้งขาอ่อนหมดแรงต่อสู้แน่
ทว่าเพราะสถานการณ์ที่เสียเปรียบ เธอไม่อาจจู่โจมได้ มิเช่นนั้นจะถูกล้อมโจมตี ดังนั้นเธอจึงกำลังรอ รอให้หมาป่าพวกนี้กระโจนเข้ามา
ฝูงหมาป่าสิบกว่าตัวรู้สึกถึงรังสีฆ่าฟันที่เพิ่มขึ้นไม่มีถดถอย พวกมันคำรามเสียงต่ำ และยามนี้เอง หมาป่าสีเทาตัวใหญ่ตัวหนึ่งบนที่สูงก็หอนขึ้นมา
“บรู้ว!”
พอสิ้นเสียงเห่าหอน หมาป่าสิบกว่าตัวก็กระโจนเข้ามาทันที ปากที่แยกกว้างเผยให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคมทั้งยังมีน้ำลายไหลเยิ้ม พากันพุ่งมากัดเฟิ่งจิ่วอย่างดุร้าย กรงเล็บหมาป่าที่แหลมคมแวววาวนั้นยิ่งส่องแสงเย็นเยียบในยามค่ำคืน
เฟิ่งจิ่วเห็นโอกาสเหมาะเจาะ โจมตีออกไปในพริบตา!
ท่าร่างที่แปลกประหลาดยิ่งเพิ่มความเร็วขึ้นด้วยการใช้กลิ่นอายพลังเร้นลับ กริชในมือแทงเข้าหัวของหมาป่าที่กระโจนมาตัวแรกก่อนจะดึงออก ท่ามกลางฟ้าราตรี เสียงร้องโหยหวนของมันดังก้องไปทั่ว เธอเห็นแต่เลือดมันกระเซ็นออกมา เลือดหมาป่าที่ทั้งอุ่นร้อนและมีกลิ่นคาวคละคลุ้งสาดกระเซ็นใส่ตัวเธอ ส่วนหมาป่าตัวนั้นก็ส่งเสียงพลางล้มลง…
หลังจากฆ่าหมาป่าไปตัวหนึ่ง เฟิ่งจิ่วถอยหลังในทันที กริชในมือตวัดไปทางหมาป่าอีกสองตัวที่พุ่งมาทางซ้าย อาจเพราะการตายของเพื่อนร่วมฝูง หมาป่าเหล่านั้นจึงระวังตัวขึ้นเล็กน้อย ความเร็วในการโต้ตอบของพวกมันสูงมาก ยามที่เธอตวัดกริชออกไปก็หลบกันได้แล้ว ทว่าตัวอื่นๆ กลับกระโจนมาจากด้านหน้า
ขณะที่เธอกำลังต่อสู้กับหมาป่าทางด้านซ้ายและด้านหน้า หมาป่าจากด้านขวาก็พุ่งตัวไปทางชายหนุ่มด้านหลังที่กำลังหมดสติอยู่บนพื้น เธอในตอนนี้ไม่มีทางแยกร่างได้ จึงทำได้เพียงใช้เท้าข้างหนึ่งเตะกองไฟในระหว่างที่กวัดแกว่งกริชแทงไปทางหมาป่า กิ่งไม้สีแดงเพลิงพร้อมเปลวไฟหลายท่อนลอยไปหาหมาป่าด้านขวาตัวนั้น
หมาป่ากลัวไฟ พอเห็นเปลวไฟลอยมาจึงส่งเสียงร้องพลางถอยร่นอย่างตื่นตกใจ และตอนนั้น มีดโค้งในมือเฟิ่งจิ่วก็ฆ่าหมาป่าไปได้อีกสองตัว นับรวมเมื่อกี้ตัวหนึ่ง ตอนนี้ที่ล้มอยู่ตรงหน้าจึงมีสามตัวแล้ว
อาจเพราะรังสีสังหารที่แผ่ออกจากร่างเฟิ่งจิ่วน่ากลัวเกินไป หรือไม่ก็ตื่นตระหนกเพราะความกระหายเลือดอันรุนแรงของเธอ หมาป่าตัวอื่นจึงส่งเสียงเห่าหอนเบาๆ แล้วถอยหลังกันไปทีละก้าวโดยไม่กล้าเข้ามาอีก ทว่าก็ยังไม่ยอมจากไปทั้งแบบนี้…
…………………………………………………….