ภาคที่ 1 บทที่ 13 อย่ามาร้องไห้เรียกหาพ่อทีหลังก็แล้วกัน (ตอนต้น)

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 13 อย่ามาร้องไห้เรียกหาพ่อทีหลังก็แล้วกัน (ตอนต้น)

ซูเย่เดินไปยังแผงขายขนมที่อยู่ข้าง ๆ เพื่อแอบสังเกตุการณ์ชายคนนั้น เขาสั่งน้ำเปล่าสามขวดกับคนขาย เมื่อได้รับมาก็จ่ายเงินไป ก่อนจะเปิดขวดน้ำแล้วยกขึ้นดื่มขณะที่แอบเหลือบ ๆ มองสังเกตพลังลมปราณของชายหนุ่มปริศนาอย่างระมัดระวัง

ทันทีที่ชายหนุ่มปริศนามองเห็นนักศึกษาสาวสองคนกำลังเดินมาทางตนเองพร้อมกับพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ดวงตาของเขาก็ฉายแววนักล่าที่มองเห็นเหยื่ออันโอชะ

ในจังหวะที่ทั้งสองสาวเดินผ่านไปนั้น

ในเสี้ยววินาที ปลายนิ้วของเขาปรากฏเป็นใบมีดเล็ก ๆ

ด้วยการตวัดผ่านเพียงแผ่วเบา เสี้ยววินาทีกับการกระทำของเขากระเป๋าหนังของเด็กสาวก็ถูกกรีดออกจนของข้างในหล่นออกมา

กระเป๋าเงิน และมือถือไหลร่วงออกมาจากช่องที่โดนกรีด ชายหนุ่มคนนั้นใช้การเคลื่อนไหวอันรวดเร็วคว้าเอาไว้ทัน ก่อนจะเดินออกอย่างปกติทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วและไร้ซึ้งเสียงใดๆจนเด็กสาวทั้งสองไม่ทันรู้ตัวเลย

สายตาของซูเย่ที่สังเกตุการณ์อยู่นั้นดูเย็นชาขึ้น เขาจิบน้ำในมือเล็กน้อยก่อนจะปิดฝาแล้วเดินตามชายหนุ่มคนนั้นไป

ชายหนุ่มคนนั้นเดินออกจากจัตุรัสกลางและตรงไปยังป่าที่อยู่ห่างออกไป

ซูเย่แอบเดินตามไปอย่างช้า ๆ

เมื่อเดินเข้ามาได้ลึกประมาณหนึ่ง ชายหนุ่มคนนั้นก็หยิบกระเป๋าเงินและมือถือออกมาจากเสื้อของตนเอง

ก่อนจะเริ่มนับเงินอย่างตื่นเต้น

“ล่ำซำแน่งานนี้…” หลังจากที่นับจำนวนธนบัตรในกระเป๋าแล้ว ใบหน้าที่มีเบ้าตาคล้ำหมองและดูไร้เรี่ยวแรงนั้นเผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา

เงินสดรวมแล้วเป็นจำนวนเงินกว่าสองพันหยวน พร้อมโทรศัพท์มือถือสองเครื่อง ด้วยเงินเท่านี้เขาจะสามารถอยู่รอดไปได้อีกสัปดาห์กว่า ๆ เลยทีเดียว

และในตอนนั้นเอง

“อึก..อึก…” เสียงของน้ำที่ไหลลงลำคอใครสักคนดังขึ้น

ชายหนุ่มคนนั้นรีบเงยหน้าขึ้นในทันที

ก่อนจะเห็นนักศึกษาคนหนึ่งกำลังดื่มน้ำแร่อยู่ข้าง ๆ ต้นป็อปลาร์ ในมือของเขาถือขวดน้ำไว้ ส่วนอีกมือนั้นถือโทรศัพท์มือถือที่กำลังถ่ายรูปของเขา

ฉับพลัน สีหน้าของชายหนุ่มปริศนาดูแข็งกร้าวขึ้นในทันที

“นายอยากจะได้ไม้แข็งหรือไม้อ่อน?” ซูเย่ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“กล้านัก ก็เข้ามาสิวะ!” เขาตกใจไม่น้อย ชายหนุ่มคนนั้นมองไปรอบ ๆ เพื่อยืนยันว่าตรงนี้มีเพียงนักศึกษาคนนี้เพียงคนเดียวเท่านั้น นั้นทำให้สีหน้าของเขายิ่งดูก้าวร้าวขึ้น พรางคิดในใจ ‘มีเหยือมาเพิ่มแบบนี้ก็ยิ่งดีไปใหญ่’

“ส่งมือถือกับกระเป๋าเงินมาแล้วไสหัวไปซะ ห้ามบอกใครด้วย ไม่งั้นฉันจะทำให้แกหนีไปไหนไม่ได้อีก!”

“ดูเหมือนว่าจะเลือกไม้แข็งสินะ” ซูเย่กดปิดหน้าจอมือถือก่อนจะใส่มันลงไปในกระเป๋ากางเกง

ชายหนุ่มมองซูเย่ด้วยความประหลาดใจ ไอ้หนุ่มคนนี้คิดว่าจะสู้ตัวต่อตัวกับเขาได้หรือไง?

ช่างเป็นเด็กที่โง่เขลาเสียจริง สงสัยอยากจะเป็นฮีโร่จนตัวสั่น

“อย่ามาร้องไห้เรียกหาพ่อทีหลังก็แล้วกัน” ชายหนุ่มเหยียดยิ้มอย่างอวดดี ก่อนจะยัดเงินและมือถือเข้าไปกระเป๋าเสื้อของตัวเองและเดินเข้ามาเผชิญหน้ากับซูเย่

ซูเย่ไม่มีท่าทีตื่นกลัวหรือหลบเลี่ยงแต่อย่างใด กลับกัน เขากลับจ้องมองอีกฝ่ายอย่างใจเย็น

ชายหนุ่มยืนห่างจากซูเย่ในระยะสาวก้าว ก่อนจะออกหมัดใส่ใบหน้าของซูเย่อย่างรุนแรง

ซูเย่มองกำปั้นที่เคลื่อนตัวเข้ามาหาเขา

เป็นหมัดที่รุนแรงและส่งเสียงออกมาเบา ๆ จากแรงเหวี่ยงที่แหวกอากาศ

คาดเดาได้ว่ากำปั้นนี้มีน้ำหนักมากกว่า 800 กิโลกรัม

ให้เทียบแล้วเป็นหมัดที่ทรงพลังพอ ๆ กับแชมป์มวย ซึ่งหากผู้ที่ได้รับหมัดนี้เข้าไปเต็ม ๆ ไม่ตายก็คงต้องนอนโรงพยาบาลไปเป็นเดือน

ซูเย่ยกมือขวาของเขาขึ้นมาเตรียมรับการโจมตีของอีกฝ่าย

คิดจะรับการโจมตีของเขาด้วยมือเปล่างั้นเหรอ?

ชายหนุ่มมิจฉาชีพยิ้มอย่างเย้ยหยัน ร่างกายของเขาถูกห่อหุ้มไปด้วยพลังลมปราณนะ!

“ตายซะเถอะแก!”

ภาพฝ่ามือของอีกฝ่ายที่แตกหักกลับไม่เกิดขึ้นอย่างที่คิดไว้ แม้ว่าหมัดของเขาจะกระทบกับฝ่ามือขอนักศึกษาหนุ่มเข้าอย่างจังก็ตาม

เป็นผู้ฝึกยุทธ์ด้านกำลังภายในอย่างงั้นเหรอ?

ชายหนุ่มคนนั้นถึงกับผงะถอยหลังไปสองสามก้าว ในที่สุด ก็เข้าใจว่าทำไมนักศึกษาคนนี้ถึงหยิ่งผยองนัก เพราะหมอนี่เป็นผู้ฝึกวรยุทธ์เหมือนกับเขานี่เอง

แต่เขาโจมตีอีกฝ่ายด้วยหมัดลมปราณ ทำไมอีกฝ่ายกลับไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เลย? ทั้ง ๆ ที่จอมยุทธซึ่งใช้แต่กำลังภายในนั้นอ่อนแอกว่ากว่าผู้ใช้พลังลมปราณแท้ ๆ?

ซูเย่ยกเท้าซ้ายขึ้นเตะชายหนุ่มเข้าอย่างจังที่ช่วงท้องน้อย

“พลั่ก——” เสียงกระแทกอย่างหนักแน่นดังขึ้น

ชายหนุ่มกระเด็นไปไกลก่อนจะล้มลงเกลือกกลิ้งบนพื้นดิน ความเจ็บปวดรวดร้าวส่งตรงจากท้องน้อยไปจนถึงกระดูก ชายหนุ่มเงยมองซูเย่อย่างไม่เชื่อสายตา

เขาถูกโต้กลับด้วยศิลปะการต่อสู้แบบมวยจีนโบราณหรือนี่!

ชายหนุ่มมิจฉาชีพพยายามจะลุกขึ้นเพื่อหลบหนี แต่กลับกลายเป็นว่าเขาไม่สามารถยกร่างกายที่บอบช้ำของตัวเองขึ้นได้เลย มิหนำซ้ำกลับยิ่งรู้สึกหวาดวิตกยิ่งกว่าเดิม เมื่อสัมผัสได้ว่าลูกเตะเมื่อครู่นี้นั้นเต็มไปด้วยพลังกายภายใน และแรงนั้นก็ถูกอัดเข้ามาโดยตรง ทำให้ร่างกายของเขาไม่อาจทนรับได้มากกว่านี้

ในขณะนั้นเอง เสียงฝีเท้าที่แผ่วเบาก็ดังขึ้น

ซูเย่จ้องมองไปยังมุมเงามืดที่อยู่ไม่ไกล

ชายหนุ่มที่ดูอายุราว 26-27 ปีปรากฏตัวขึ้นจากในเงามืดก่อนจะเดินออกมาอย่างช้า ๆ

เขาสวมเสื้อยืดสีดำธรรมดาที่ไม่มีเครื่องประดับพิเศษใด ๆ มีใบหน้าทรงเหลี่ยมและร่างกายที่ดูกำยำ

ชายหนุ่มในเสื้อยืดมองซูเย่อย่างประหลาดใจ

“จอมยุทธ์มวยจีนโบราณสามารถล้มจอมยุทธ์พลังลมปราณได้ด้วยกระบวนท่าเดียวหรือนี่?”

นับว่าเป็นเรื่องใหม่สำหรับเขาเลยทีเดียว เพราะเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ต่างก็รู้กันดีว่ายังไงจอมยุทธ์พลังลมปราณก็แข็งแกร่งกว่าจอมยุทธ์กำลังภายในอยู่แล้ว

ซูเย่มองผู้มาใหม่อย่างไม่เข้าใจ

เมื่อเห็นเช่นนั้น ชายหนุ่มผู้สวมใส่เสื้อยืดก็หยิบบัตรประจำตัวของเขาขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะยื่นให้ดูและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ผมเป็นตำรวจ นี่บัตรประจำตัวผม”

จากนั้นจึงชี้ไปยังชายหนุ่มที่นอนกองอยู่ที่พื้น “ชายคนนี้เป็นผู้หลบหนี ผมตามรอยเขามาสักพักแล้วจนพบว่าเขากบดานอยู่แถวมหาลัย ต้องขอบคุณน้องชายมากสำหรับการกระทำที่กล้าหาญในครั้งนี้ “

ซูเย่เหลือบมองบัตรประจำตัวของอีกฝ่ายที่ถืออยู่เพื่อยืนยันตัวตนของเขา ก่อนจะเอ่ยถาม “คุณเห็นของที่เขาขโมยแล้วใช่ไหม?”

อีกฝ่ายพยักหน้าเป็นคำตอบ

“รบกวนช่วยเอาไปคืนให้เจ้าของด้วยนะครับ “

หลังจากซูเย่พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกมาทันที

ชายหนุ่มผู้สวมใส่เสื้อยืดมองด้านหลังของซูเย่ด้วยสายตาชื่นชม

ช่างเป็นเด็กที่ดีจริง ๆ ทั้งความกล้าหาญ ความยุติธรรม และรู้จักการต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง

ถ้าหากว่า…..

เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยคำพูดรั้งซูเย่เอาไว้ ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินไปไกล “น้องชาย ถ้าว่างล่ะก็.. ทำไมไม่ลองเล่นเกม Fantasy Dream ดูล่ะ? นายอาจจะพบอะไรที่น่าสนใจก็ได้”

Fantasy Dream?

ซูเย่คลับคล้ายคลับคลาก่อนจะนึกออกว่ามันคือเกมที่จินฟานและซุนชือเพิ่งพูดถึงไปเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง

“ขอบคุณที่แนะนำครับ”