“จึ๊ๆ มาเป็นเหยื่อล่อ น่าเสียดายจริงๆ !”
รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้าของฮว๋าหวัน นายน้อยบุตรชายเจ้าเมืองหยินซาน เขาหันกลับไปถามด้วยรอยยิ้มหื่นกระหายว่า “ท่านหัวหน้าตาเหยี่ยว หญิงงามผู้นี้…เป็นไปได้ไหมที่จะยกให้ข้าได้เชยชมก่อนที่…”
ตาเหยี่ยวที่กำลังเช็ดทำความสะอาดขวานศึกอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะเย้ย และสาปแช่งนายน้อยลามกผู้นี้อยู่ในใจ ทว่าเขายังคงรักษาน้ำเสียงที่แสดงความเคารพไว้ และพูดขึ้น “ที่นี่ใจกลางป่าสัตตะดารา สัตว์วิญญาณระดับพันปีปรากฏตัวได้ทุกเมื่อ นายน้อยเลิกคิดเรื่องอย่างว่า จะได้ไม่เกิดปัญหาเพิ่มเถอะ”
ฮว๋าหวันพูดด้วยความไม่พอใจ “นัยน์ตาเหยี่ยว ท่านพ่อข้าจ่ายเงินให้เจ้าถึงสามพันเหรียญทอง เทียบไม่ได้กับหญิงชาวบ้านธรรมดาๆ เชียวหรือ!”
นัยน์ตาเหยี่ยวรู้สึกรำคาญกับพฤติกรรมของฮว๋าหวันเต็มทน “เดินทางกันต่อ ต้องไปให้ถึงเทือกเขามังกรครามก่อนรุ่งเช้า!”
“พวกเขาจะทำอะไร” ฉู่เหยารู้สึกตื่นกลัว
หลินมู่อวี่ส่ายศีรษะ “ไม่มีอะไรหรอก”
หลินมู่อวี่รู้ว่าเขาจำต้องรักษาความเยือกเย็นไว้ มิเช่นนั้นฉู่เหยาอาจจะสติแตกได้
ป่าสัตตะดารายามราตรี หนาวเย็นอย่างบอกไม่ถูก ตลอดทางมานี้ นัยน์ตาเหยี่ยวและทหารรับจ้างร่วมมือกันสังหารสัตว์วิญญาณอายุสี่ร้อยปีได้หนึ่งตัว มันเป็นหมาป่าสีครามระดับราชาหมาป่า ที่บำเพ็ญจนมีศิลาวิญญาณแล้ว ถือเเจ้าแห่งป่านี้ก็ว่าได้ แต่ตอนนี้มันถูกชำแหละออกเป็นสี่ชิ้น และย่างจนแห้ง ไม่มีคราบเลือดติดแม้แต่น้อย ชิ้นส่วนทั้งสี่ถูกแบ่งแขวนไว้ด้านหลังม้าของทหารรับจ้างสี่นาย
ฮว๋าหวันยังไม่ตายใจ ไม่ยอมเลิกความคิดชั่วๆ กับฉู่เหยา ทว่าหลินมู่อวี่เฝ้าอยู่ข้างฉู่เหยาตลอด ไม่ให้ฮว๋าหวันมีโอกาส
ท้องฟ้าเริ่มสว่าง เทือกเขาที่คดเคี้ยวปรากฏขึ้นเบื้องหน้า เป็นเทือกเขามังกรครามในตำนานจริงๆ ด้วย!
“ลูกพี่ พวกเรามาถึงแล้ว” ทหารรับจ้างผู้หนึ่งพูดขึ้น
นัยน์ตาเหยี่ยวลดขวานศึกลงจากบ่า ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารแห่งการต่อสู้ เขาพูดว่า “สี่วันก่อน มีพรานป่าเห็นพยัคฆ์กระหายเลือดลายทองสี่เส้นที่เทือกเขามังกรคราม เป็นที่รู้กันว่า เส้นลายสีทองแต่ละเส้นหมายถึงอายุหนึ่งพันปี พยัคฆ์กระหายเลือดตัวนี้มีอายุอย่างน้อยสี่พันปี แน่นอนว่าต้องมีศิลาวิญญาณ และเมื่อสังหารมันได้ก็จะได้รับวิญญาณของมันด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่นายน้อยต้องการ”
ฮว๋าหวันดึงกระบี่เล่มยาวออกมาจากหลังม้า กระบี่แหลมคมถูกชักออกจากฝัก ส่องประกายเย็นยะเยือก เป็นกระบี่ชั้นยอด เขายิ้มและพูด “ท่านหัวหน้านัยน์ตาเหยี่ยววางแผนสังหารพยัคฆ์กระหายเลือดอายุสี่พันปีตัวนี้อย่างไรหรือ”
นัยน์ตาเหยี่ยวตอบ “สัตว์วิญญาณแต่ละตัวจะมีอาณาเขตของตัวเอง จะไม่ออกไปไหนไกล บริเวณนี้เป็นอาณาเขตของมัน พยัคฆ์กระหายเลือดไวต่อกลิ่นคาวเลือดมาก สามารถได้กลิ่นคาวเลือดในระยะสิบลี้ ดังนั้นเราแค่ทำให้เหยื่อเลือดออก พยัคฆ์กระหายเลือดก็จะออกมาเอง”
ฮว๋าหวันอดหัวเราะเสียงดังไม่ได้ ใช้สายตาร้ายกาจมองหลินมู่อวี่ พูดขึ้น “มัดเจ้าเด็กนี่ไว้ ข้าจะเอาเลือดมันออกมาเอง!”
“ไม่จำเป็น”
นัยน์ตาเหยี่ยวพูดอย่างไม่แยแส “ข้าลงมือเองก็พอ”
ในไม่ช้าทั้งหลินมู่อวี่และฉู่เหยาถูกจับมัดไว้กับต้นไม้ใหญ่ เมื่อตาเหยี่ยวเดินตรงเข้ามาพร้อมขวานศึก ฉู่เหยากลัวจนร้องไห้ออกมา นางสบถ “นัยน์ตาเหยี่ยว ไอ้เดรัจฉาน เราไม่ได้แค้นเคืองกัน ทำไมเจ้าต้องทำร้ายพวกข้าด้วย”
นัยน์ตาของหลินมู่อวี่กลับมีแววความเย็นชา พูดขึ้น “นัยน์ตาเหยี่ยว ถ้าวันนี้ข้าไม่ตาย งั้นคนที่ตายก็จะต้องเป็นเจ้า!”
“งั้นหรือ”
นัยน์ตาเหยี่ยวหัวเราะเย้ยหยัน “สาวน้อยฉู่เหยาผู้นี้ยังพอมีพลัง แต่เจ้าล่ะ? ไอ้หนู เจ้าเป็นแค่ขยะที่ไร้ซึ่งพลัง ไม่มีแม้แต่ขอบเขตมนุษย์ชั้นที่หนึ่ง ขยะไร้ค่าอย่างเจ้า ตายไปนั่นแหละดีแล้ว”
หลินมู่อวี่นิ่งไม่พูดจา
นัยน์ตาเหยี่ยวสะบัดขวานศึก หัวไหล่ของหลินมู่อวี่มีเลือดไหลออกมาเป็นทาง ฉู่เหยาตกใจ น้ำตาไหลพรากมองหลินมู่อวี่ นางร้องไห้พูด “อาอวี่ เป็นความผิดข้าเอง ถ้าข้าไม่สอนวิธีการปรุงโอสถให้เจ้า เจ้าก็คงไม่ต้องมาเจออันตรายแบบนี้ อาอวี่ เป็นความผิดข้าเอง…”
หลินมู่อวี่อดกลั้นความเจ็บปวดมหาศาล หันหน้าไปยิ้ม “พี่ฉู่เหยา พูดอะไรน่ะ ข้าไม่เสียใจ ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร”
ถึงจะพูดว่าไม่เป็นไร แต่หัวใจกลับเต้นแรง พยัคฆ์กระหายเลือดมาเพราะได้กลิ่นคาวเลือดจากตัวเขางั้นหรือ ถ้ามันมาจริง สัตว์วิญญาณอายุสี่พันปี ตัวเขาเองไม่มีพลังอะไรเลย จะเอาชีวิตรอดยังไงเล่า
เมื่อเงยหน้ามองแผ่นหลังของนัยน์ตาเหยี่ยว หลินมู่อวี่รู้สึกเกลียดชังคนชั่วผู้นี้อย่างพูดไม่ถูก ทหารรับจ้างพวกนี้ล้วนเป็นเดรัจฉาน ที่เห็นชีวิตของมนุษย์ไม่มีค่า ความเย็นวาบปรากฏขึ้นที่ก้นบึ้งของหัวใจ โลกนี้มันจะโหดร้ายเกินไปหน่อยเสียแล้ว
ในตอนนี้เอง ฮว๋าหวันเดินเข้ามา มองหลินมู่อวี่ด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะพูดว่า “ไม่ว่าเจ้าจะปรุงโอสถศิลานั้นด้วยตัวเจ้าเองหรือไม่ ยังไงเสีย…วันนี้เจ้าก็ต้องตายที่นี่ นักปรุงโอสถอายุน้อยอันดับหนึ่งของเมืองหยินซานจะต้องเป็นของข้าไปตลอดกาล ไม่ใช่ของเจ้า!”
ที่แท้นี่ก็เป็นสาเหตุแท้จริงที่ฮว๋าหวันต้องการสังหารหลินมู่อวี่ เพื่อรักษาตำแหน่งนักปรุงโอสถอันดับหนึ่งแห่งเมืองหยินซานของตนเองงั้นหรือ