Chaotic Sword God ตอนที่ 10 เป็นที่นับถืออย่างสูง
มือทั้งสองข้างของเจียงหยางเค่อกำขวานในมือไว้แน่น ขณะที่เขาจ้องมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความสนใจ ขอบคุณสำหรับบทเรียน เขาแค่ต้องเรียนรู้ เขาไม่กล้าดูถูกเมินเจี้ยนเฉินเป็นครั้งที่สองอย่างแน่นอน ดังนั้น ในรอบนี้ เจียนหยางเค่อเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง
เจี้ยนเฉินเริ่มหัวเราะและจ้องมองไปที่เจียงหยางเค่อ มีร่องรอยความสับสนอยู่ในนั้น “พี่สาม เริ่มต่อสู้ในตอนนี้เลยหรือไม่?”
เจียงหยางเค่อกุมขวานในมืออย่างมั่นคง ในเวลานี้ มันใช้พลังเซียนเข้าช่วย เขาเริ่มโจมตีไปที่เจี้ยนเฉินอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้มันรวดเร็วกว่าเดิมมาก
เจี้ยนเฉินเพียงแค่กวัดแกว่งกิ่งไม้นั้นในมือของเขา เขารู้สึกถึงความอัศจรรย์บางอย่าง บางอย่างที่น่าแปลกประหลาด บางอย่างในกิ่งไม้เชื่อมต่อกับเขา ในเวลาเดียวกัน ภายในจิตใจของเจี้ยนเฉิน เขาอธิบายไม่ได้เกี่ยวกับความรู้สึกที่มันคล้ายคลึงกับที่เขาสัมผัสได้ในโลกก่อน ในตอนที่เขาจะจบชีวิตลงตอนที่เขาเข้าใจพลังที่น่าอัศจรรย์ของขอบเขตเทพกระบี่ ระหว่างในช่วงเวลานั้น ในที่สุดเขาก็สามารถควบคุมกระบี่ด้วยจิตวิญญาณของเขาและส่งมันพุ่งออกไปนับร้อยเมตรทะลุผ่านลำคอของต๊กโกวคิ้วป่าย
คิดถึงช่วงเวลานั้น เจี้ยนเฉินดีดตัวเพื่อกระทำบางอย่าง กิ่งไม้ในมือถูกส่งให้ตรงไปยังเจียงหยางเค่อ
“วูมมมม!!”
ทิศทางหันเหที่เจี้ยนเฉินทำ กิ่งไม้นั้นดูราวกับว่ามีชีวิตและมันบินออกจากมือไปตรงไปยังเจียงหยางเค่ออย่างรวดเร็ว กิ่งไม้นั้นทอประกายแสงสีขาวออกมา ปราณกระบี่ที่แข็งแกร่งจำนวนมากที่ออกมาจากกิ่งไม้ ทำให้มันดูราวกับสายฟ้า ด้วยประกายแสงที่งดงาม กิ่งไม้นั้นพุ่งไปยังท้องของเจียงหยางเค่อ
ทันใดนั้นเมื่อตระหนักถึงวิถีของกระบี่และปริมาณของปราณกระบี่จำนวนมากจากกิ่งไม้ ใบหน้าของเจี้ยนเฉินซีดเผือดด้วยความตกใจ และเขาพยายามหยุดกิ่งไม้อย่างลนลาน ถ้าไม่สามารถหยุดกิ่งไม้ได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มันจะต้องแทงไปหาเจียงหยางเค่อและฆ่าเขาเป็นแน่ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ถูกฆ่าในทันที แต่เจียงหยางเค่อจะได้รับบาดแผลที่อันตรายถึงชีวิต ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดหายนะกับเจี้ยนเฉินได้
ทันใดนั้น ก่อนทีมันจะส่งไปถึงท้องของเจียงหยางเค่อ มันเริ่มช้าลง แต่มันก็ยังคงทิ่มแทงไปบริเวณนั้นอยู่ดี แต่ไม่มาก จ้องมองมันหยุด กิ่งไม้ในมือนั้นก็ทะลุเข้าไปยังชั้นผิวหนัง แต่ถ้าเจี้ยนเฉินไม่สามารถควบคุมมันได้? มันจะต้องทะลุผ่านท้องของเจียงหยางเค่ออย่างแน่นอน มันสร้างความหวาดกลัวให้กับเจี้ยนเฉินอย่างไม่สามารถคาดเดาได้
เหงื่อผุดขึ้นบริเวณหน้าผาก เจี้ยนเฉินสังเกตสิ่งเล็ก ๆ เกี่ยวกับการเชื่อมโยงจิตวิญญาณเข้ากับกิ่งไม้ ยืนยันมันอีกครั้งด้วยจิตวิญญาณของเขาที่ซึ่งควบคุมให้มันแทงเข้าไปเพียงชั้นผิวหนังของเจียงหยางเค่อ เจี้ยนเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เมื่อรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากบริเวณท้องของเขา ช่วยไม่ได้ที่เจียยหยางเค่อจะมีใบหน้าซีดเผือด เมื่อจ้องมองต่ำลงไป เขาเห็นเลือดไหลออกมาจากบริเวณท้อง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง เขาเริ่มร้องไห้งอแง น้ำตาไหลออกมาอาบแก้มของเขา ราวกับว่าดวงตาของเขาไม่สามารถกักเก็บมันได้
“เลือด ข้าเลือดออก หวา ! น้องสี่ เจ้าทำร้ายข้า ! แง !! ท่านแม่ ข้าไปบอกท่านแม่ข้าว่าเจ้าทำร้ายข้า !” ทันใดนั้นเจียงหยางเค่อก็ทำตัวเหมือนกับเด็กที่รู้เพียงแต่วิธีการร้องไห้ เขาเขวี้ยงขวานไม้และออกไปจากสวน ตะโกนออกมาอย่างไม่หยุด จะอย่างไร เจียงหยางเค่อก็เป็นเพียงเด็ก 10 ขวบเท่านั้น เขาไม่สามารถทนต่อการกระทำที่คล้ายดูทารุณเช่นนี้ได้
จ้องมองดูเจียงหยางเค่อที่ลับสายตาไปอย่างช้า ๆ เจี้ยนเฉินไม่อาจทำอะไรนอกจากส่ายศีรษะของเขาช้า ๆ ขณะที่เขาก้าวออกไปจากสวน เริ่มปรากฏความกลัวในหัวใจ การลงโทษประเภทไหนที่เขาจะได้รับ?
…..
“อะไรนะ ? เจียงไป่ เจ้าล้อข้าเล่นหรือไร ?” ในห้องทำงาน ผู้นำตระกูลเจียงหยาง เจียงหยางป้า ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยท่าทีตกใจ เพ่งความสนใจไปที่ผู้อาวุโสที่ยืนด้านหน้า ช่วยไม่ได้ที่เจียงหยางป้าจะไม่สามารถเก็บความประหลาดใจไว้ได้จากสิ่งที่เขาได้ยิน
ผู้อาวุโสที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของเจียงหยางป้า เป็นถึงพ่อบ้านของตระกูลเจียงหยาง เจียงไป่
เจียงไป่พยักหน้ารับอย่างจริงจัง “นายท่าน ตอนแรกข้าก็ไม่เชื่อมัน แต่บ่าวรับใช้ในโรงครัวหลายคนต่างยืนยันเป็นเสียงเดียว นายน้อยสี่ตอบโต้กลับไป หนึ่งในบ่าวรับใช้ที่ตัวใหญ่หนักกว่าเขาเกือบ 100 ปอนด์ถูกส่งลอยออกไปไกลถึง 5 เมตร และที่สำคัญ บ่าวรับใช้ผู้นั้นก็ยังเป็นมีพลังเซียนระดับสามอีกด้วย”
เมื่อได้ยินเจียงไป่กล่าว ตาของเจียงหยางป้าเบิกกว้างในข่าวใหม่ที่ได้ยิน
เจียงไป่จ้องมองไปยังท่านผู้นำตระกูลและหลังจากลังเลใจอยู่สักพัก เขายังคงพูดต่อ “นายท่าน นอกจากนี้ ข้ายังได้ข่าวอะไรบางอย่างอีก เมื่อเร็ว ๆ นี้นายน้อยสี่ได้ต่อสู้กับนายน้อยสามโดยใช้เพียงกิ่งไม้ นายน้อยสี่ก็โค่นล้มนายน้อยสามลงได้”
“อะไรนะ! เซียงเอ๋อ ต่อสู้กับเค่อเอ๋อ และเซียงเอ๋อเป็นผู้ชนะ?” เป็นครั้งที่สองที่ดวงตาของเจียงหยางป้าเบิกกว้างขึ้นกว่าเดิม
“นั่นถูกต้องแล้ว นายท่าน นายน้อยสี่ใช้เพียงกิ่งไม้ ขณะที่นายน้อยสามใช้ขวานไม้” เจียงไป่กล่าวเสริม
“นั่นมันเป็นไปได้อย่างไร!” เจียงหยางป้าแทบจะบินออกจากเก้าอี้อีกครั้ง “เซียงเอ๋อไม่สามารถใช้พลังเซียนขณะที่เจียงหยางเค่ออายุมากกว่าถึง 3 ปี มิหนำซ้ำยังฝึกฝนพลังเซียนระดับสาม ประกอบกับเค่อเอ๋อฝึกฝนวรยุทธ์ในทุก ๆ วัน แล้วเขาจะพ่ายแพ้แก่เซียงเอ๋อได้อย่างไร”
ฉวยหยิบกิ่งไม้ที่อยู่ภายในเสื้อ เจียงไป่ส่งมันไปให้เจียงหยางป้าและกล่าวต่อ “นายท่าน นี่เป็นกิ่งไม้ที่นายน้อยสี่ใช้โจมตีนายน้อยสาม”
เจียงหยางป้าหยิบกิ่งไม้ที่มีขนาดไม่หนาไปกว่านิ้วมือของเขา ตรวจสอบมันไปรอบ ๆ เขาค้นพบลักษณะของคราบเลือดที่แห้งกรัง
เจียงหยางป้าสนใจเพียงคราบเลือดบนกิ่งไม้นั้น ขณะที่ปกปิดอารมณ์บนใบหน้า “เจียงไป่ เค่อเอ๋อ ยังสบายดีหรือไม่”
“นายน้อยสามไม่ได้บาดเจ็บอะไร นอกเหนือไปจากบาดแผลที่ผิวหนัง”
เจียงหยางป้าพยักหน้ารับอย่างช้า ๆ ด้วยใบหน้าเป็นกลาง ตรวจสอบกิ่งไม้นั้นอีกครั้ง เขาเริ่มคลางแคลงใจขึ้นไปอีก ในที่สุดเขาก็กล่าวออกมา “เจียงไป่ กิ่งไม้นี้ไม่มีอะไรพิเศษ เท่านั้นไม่พอ มันยังไม่แหลมคมพอ อาศัยเพียงแค่แรงของเซียงเอ๋อ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างการบาดเจ็บอะไรก็ตามให้กับเค่อเอ๋อ”
เจียงไป่พยักหน้ารับในความเห็นนั้น ตาของเขาส่องประกายสุกใส “นายท่าน ข้าขอกล่าวแย้งท่าน ถ้าหากนายน้อยสี่สามารถฝึกฝนพลังเซียนได้ล่ะ ดูสิ่งที่นายน้อยสี่แสดงในวันนี้ มันเป็นที่ยอมรับว่านายน้อยสี่สามารถก้าวถึงขั้นพลังเซียนระดับสี่แล้ว ไม่เช่นนั้น คงไม่มีทางที่นายน้อยสี่จะเอาชนะนายน้อยสามได้”
ได้ยินเจียงไป่กล่าวเช่นนั้น สีหน้าของผู้นำตระกูลก็สว่างขึ้นมาทันทีด้วยอารมณ์บางอย่าง สิ่งที่เขาปฏิบัติกับลูกชายซึ่งถูกยอมรับว่าเป็นอัจฉริยะและกลับกลายเป็นเศษสวะนั้น ในยามนี้เจียงหยางป้ารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก
“เจียงไป่ นั่นเจ้าจะกล่าวว่า เซียงเอ๋อไม่เพียงแต่สามารถใช้พลังเซียนได้ แต่เขายังสมควรถูกกล่าวว่าเป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง” น้ำเสียงของเจียงหยางป้าสั่นไหวและเต็มไปด้วยอารมณ์ สำหรับเด็ก 7 ขวบที่ก้าวไปถึงขั้นพลังเซียนระดับสี่ น้อยคนนักที่จะทำสำเร็จในทวีปเทียนหยวน อายุเฉลี่ยของคนที่จะก้าวถึงขั้นสี่ย่อมแก่กว่านี้มาก
เจียงไป่พยักหน้า “ข้าจ้องมองการเจริญเติบโตของนายน้อยสี่มาตั้งแต่เยาว์วัย อาจกล่าวได้ว่าเขาไม่ใช่อัจฉริยะธรรมดาในสายตาข้า ข้าเชื่อมั่น ข้าสามารถกล่าวได้ว่า นายน้อยสี่จะเหนือกว่าข้าในอนาคตอย่างแน่นอน”
เจียงหยางป้าเริ่มที่จะสั่นสะเทือนภายในขณะที่ฟัง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความไม่อาจเชื่อเพียงเล็กน้อย
เจียงหยางไป่ยังคงกล่าวต่อไป “หลังจากที่นายน้อยสี่ถูกกล่าวว่าเป็นดั่งคนพิการ ไม่สามารถบ่มเพาะพลังเซียน ข้าค้นพบว่ามันแปลกอย่างแท้จริง หากเป็นข้าที่พบเหตุการณ์เช่นนั้น ข้าไม่สามารถจินตนาการได้ว่าอะไรที่ทำให้อยู่มาถึงวันนี้ ด้วยความแข็งแกร่งที่นายน้อยสี่แสดงออกมาในวันนี้ ข้ายืนยัน ในความคาดเดาของข้า นายน้อยสี่ไม่ใช่คนพิการ แต่เป็นอัจฉริยะในการบ่มเพาะพลังอย่างแท้จริง”
เจียงหยางป้าสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้น แต่ก่อนจะพูดอะไรอีกต่อไป สมาชิกในตระกูลคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาด้วยท่าทีเคารพ “นายท่าน นายน้อยสามได้รับบาดเจ็บ ฮูหยินสามปรารถนาให้นายท่านไปเยี่ยมในตอนนี้”
“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าออกไปก่อน”เจียงหยางป้าโบกมือของเขา ไม่สนใจสมาชิกคนนั้น
“ครับ นายท่าน”สมาชิกตระกูลทำความเคารพครั้งหนึ่งก่อนจะหายไปอย่างช้า ๆ
เจียงหยางป้ามองกลับไปยังพ่อบ้าน “เจียงไป่ มันอาจจะดี ถ้าพวกเราใส่ใจสุขภาพของเซียงเอ๋อบ้าง อย่างไรก็ตาม เขาถูกละเลยมาเป็นระยะเวลานาน” หลังจากกล่าวจบ ทันใดนั้น เขาก็พูดเสียงต่ำ
“เจียงไป่ บ่าวรับใช้สองคนที่กล้าล่วงเกินเซียงเอ๋อในครัว ข้าจะให้เจ้าขับไล่พวกมันออกจากคฤหาสน์ ฮืมม! เป็นเพียงแค่บ่าวรับใช้ชั้นต่ำ แต่พวกมันกล้าล่วงเกินบุตรชายของข้า เจียงหยางป้า โดยปราศจากความเกรงกลัว”
เจียงไป่หัวเราะและพูดสั้น ๆ “นายท่าน ชายรับใช้สองคนนั้นถูกขับไล่ออกไปเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าคนหนึ่งจะถูกแนะนำโดยฮูหยินใหญ่ หลิงหลง อีกคนเป็นน้องชายของหัวหน้าผู้คุ้มกัน แต่ตั้งแต่พวกเขากล้าตอแยนายน้อยสี่ ก็ไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะอยู่ภายในคฤหาสน์แห่งนี้อีกต่อไป มิฉะนั้น ข้าคงไม่กล้าออกไปบริเวณนอกคฤหาสน์เจียงหยางอีกครั้งแน่”
ในห้องที่ถูกประดับอย่างกว้างขวาง มีเจียงหยางเค่อที่นอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเผือด เขาเริ่มจ้องไปที่ผ้าพันแผลที่ถูกพันเมื่อเร็ว ๆ นี้บริเวณท้องของเขา
ที่ขอบเตียงมีมารดาของเจียงหยางเค่อ หยูเฟิงหยาน นั่งอยู่ด้วยความกังวลไกล นางอยู่ไม่ห่างจากบุตรชายของนาง ไม่ไกลจากนั้น เจี้ยนเฉินและมารดาของเขา ไป๋หยุนเทียน นั่งอยู่ด้วย ไม่เพียงเท่านั้น ป้าใหญ่หลิงหลงและป้ารองไป๋ยู่ซวง และพี่รอง เจียงหยางหมิงเยว่ ทั้งหมดก็ยืนอยู่บริเวณรอบเตียง
หยูเฟิงหยานจ้องมองไป๋หยุนเทียนด้วยความโกรธ “น้องสี่ ลูกชายของเจ้าได้ฝ่าฝืนกฎ โจมตีเค่อเอ๋อด้วยอาวุธที่อันตรายยิ่ง โชคดีที่เค่อเอ๋อของข้าไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส มิฉะนั้น ใครจะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ? “
เจี้ยนเฉินมีสีหน้าบึ้งตึงหลังจากที่ได้ฟังนางกล่าว เขาไม่อาจยอมรับคำกล่าวของนางได้ “ท่านจะต่อว่าข้าไม่ได้ มันเป็นพี่สามเองที่บอกให้ข้าต่อสู้กับเขา บาดแผลเล็กน้อยเช่นนี้มันย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ นอกจากนั้น ข้ายังไม่ได้ใช้อาวุธอันตรายอันใดเลย แต่มันเป็นเพียงแค่กิ่งไม้ ถ้าหากต้องการจะต่อว่าใคร คงต้องต่อว่าพี่สามที่ฝีมืออ่อนด้อยเอง”
ใบหน้าของหยูเฟิงหยานซีดเผือดขณะจ้องมองเจี้ยนเฉิน คำกล่าวของเจี้ยนเฉินมีความเป็นไปได้และนางก็ไม่อาจปฏิเสธพวกมันได้ไม่ว่าในทางใด
แค่คิดเกี่ยวกับมัน อย่างไรคนที่พูดมันออกมากเป็นเพียงแค่เด็กเท่านั้น สวรรค์ก็ไม่อาจเชื่อว่า คำพูดที่ว่า “ถ้าหากต้องการจะต่อว่าใคร คงต้องต่อว่าพี่สามที่ฝีมืออ่อนด้อยเอง” ใบหน้าของหยูเฟิงหยานเปลี่ยนจากเขียวเป็นขาวสลับกันอย่างรวดเร็ว คำพูดเช่นนั้นมันไม่ได้หมายความว่าลูกชายของนางอ่อนแอกว่าคนพิการผู้ซึ่งไม่สามารถบ่มเพาะพลังเซียนได้หรอกหรือ
ได้ยินในสิ่งที่เด็กคนหนึ่งกล่าวโจมตีหยูเฟิงหยาน ช่วยไม่ได้ที่ไป๋ยู่ซวงจะหัวเราะออกมา ขณะที่หลิงหลงนั่งอยู่ด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงความรู้สึกใดใด