เมื่อได้ยินประโยคนี้ อันจื่อเฮ่ากลับระเบิดหัวเราะออกมาทันที “เธอกำลังหมายถึงคนอย่างแอนนี่งั้นเหรอ

 

 

“ ‘The Savage Wars’ กำลังจะจัดงานแถลงข่าว เป็นความจริงที่แอนนี่ขโมยบทของเธอไป ดังนั้นเธออาจยังต้องเจ็บปวดต่อไปอีกสักหน่อย”

 

 

เฉินซิงเยียนเงยหน้าขึ้นมองอันจื่อเฮ่า คราวนี้อันจื่อเฮ่ายื่นมือของตัวเองมาลูบหัวอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน

 

 

“ไม่นานหรอก ฉันจะช่วยให้เธอได้แก้แค้นเร็วๆ นี้”

 

 

“ไม่จำเป็น ฉันทำเองได้” เฉินซิงเยียนตอบอย่างดื้อรั้น

 

 

“รอจนกว่าเธอจะดังเถอะแล้วค่อยมาพูดอะไรแบบนี้กับฉัน” พูดจบ อันจื่อเฮ่าก็พาเฉินซิงเยียนออกจากดีเคเอเจนซี่แล้วไปส่งเธอที่ไฮแอทรีเจนซี่

 

 

 

 

เมื่อในที่สุดเฉินซิงเยียนได้พบถังหนิงอีกครั้ง เธอได้แต่คอตกด้วยความรู้สึกผิด กลับกลายเป็นว่าเหตุการณ์ที่ทำให้เธอโกรธและเป็นกังวลนั้นไม่มีผลอะไรกับถังหนิงเลย เธอแค่แก้ไขปัญหาได้ในชั่วพริบตา

 

 

“วันนี้เธอทำได้ดีด้วยการได้บทนักแสดงนำหญิงของเรื่อง ‘มหาอสูร”

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของอันจื่อเฮ่า ถังหนิงก็มองเฉินซิงเยียน “ทำไมเธอดูไม่มีความสุขล่ะ”

 

 

“เพราะเซิงเกอ…”

 

 

“เธอคิดว่าเซิงเกอให้โอกาสนี้กับเธอเพราะฉันงั้นเหรอ” ถังหนิงยิ้มขณะที่เธอพูดตัดบท “เซิงเกอเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ แต่เขาไม่ใช่อย่างที่เธอคิด เขาไม่เคยตัดสินใจอะไรโดยใช้ความสัมพันธ์เข้ามาเกี่ยว ในโลกของเขา บทต่างๆ เป็นสิ่งที่ไม่อาจลบหลู่ได้ ถ้าเขาไม่เห็นว่าเธอเหมาะกับบท ต่อให้ฉันช่วยแค่ไหนก็ไม่พอหรอก”

 

 

“ปล่อยให้เครียดไปเถอะ…” อันจื่อเฮ่าไม่คิดจะปล่อยให้เฉินซิงเยียนได้ผ่อนภาระออกจากบ่า “’ The Savage Wars’ กำลังจะจัดงานแถลงข่าว เด็กนี่ควรได้ลิ้มรสความเครียดเสียบ้าง”

 

 

ถังหนิงมองอันจื่อเฮ่าโดยไม่พูดอะไร นอกจากหลงเจี่ยแล้วก็ไม่มีใครอื่นอีกที่รู้ว่าถังหนิงแอบไปพบกับแมตต์

 

 

อันจื่อเฮ่าใส่ใจเฉินซิงเยียน แต่… เฉินซิงเยียนเป็นน้องสาวของโม่ถิง ดังนั้นการตัดสินใจของถังหนิงและอันจื่อเฮ่าจึงแตกต่างกันเล็กน้อย

 

 

“รอดูโชว์ดีๆ ก็แล้วกัน”

 

 

เฉินซิงเยียนเหนื่อยล้า หลังจากที่เธอนั่งลงได้สักพัก จึงเดินเข้าไปในห้องของไป๋ลี่หวาเพื่อหาความอุ่นใจ แต่…ไป๋ลี่หวาไม่ได้อยู่ในห้อง สิ่งที่เฉินซิงเยียนพบมีเพียงคอมพิวเตอร์ของไป๋ลี่หวาที่เปิดค้างอยู่บนโต๊ะ เฉินซิงเยียนอดไม่ได้ที่จะแอบดูในคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น กระนั้นสิ่งที่เธอเห็นบนหน้าจอกลับทำให้เธออึ้ง

 

 

เธอไม่เคยคิดเลยว่าไป๋ลี่หวาจะเข้าไปดูข้อมูลในกระทู้ข่าวบันเทิงชื่อดังด้วย

 

 

“เสี่ยวซิง!” ไป๋ลี่หวาพลันกลับมาที่ห้อง ทันทีที่เธอเห็นเฉินซิงเยียนกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ของเธอ เธอก็รีบวิ่งไปบังหน้าจอคอมพิวเตอร์ทันที

 

 

“แม่… นี่แม่เล่นเกมสายลับอยู่เหรอ” เฉินซิงเยียนเห็นเนื้อหาบนหน้าจอหมดแล้ว “งั้น… แม่ก็คือคนใจดีที่ปั่นกระแสบนโลกออนไลน์เมื่อไม่นานมานี่สินะ”

 

 

ณ เวลานั้น เฉินซิงเยียนไม่ได้คิดอะไรมากถึงเจตนาเบื้องหลังการกระทำบนโลกออนไลน์ของไป๋ลี่หวา เธอแค่รู้สึกว่าแม่ของเธอน่าทึ่งและไม่ได้คิดอะไรนอกเหนือจากนั้น ซึ่งรวมไปถึงเหตุผลว่าทำไมแม่ของเธอถึงทำเรื่องแบบนี้และทำไมแม่ถึงพูดเรื่องแบบนั้น

 

 

“แม่แค่ยึดหลักความถูกต้อง” ไป๋ลี่หวารีบพยายามปิดบังความจริง

 

 

“แต่จะเป็นไปได้ยังไง ตอนนั้นแม่ยังไม่รู้จักถังหนิงด้วยซ้ำ”

 

 

“ที่จริง… แม่เป็นแฟนคลับของถังหนิง…” คำอธิบายของไป๋ลี่หวาฟังดูสุดโต่งยิ่งขึ้น “แม่ทนเห็นเธอถูกใส่ร้ายไม่ได้ ก็เลยสร้างแอกเคานต์ขึ้นมาแล้วก็สร้างเรื่องขึ้น แม่ไม่คิดว่ามันจะมีผลขนาดนั้น แม่แค่โชคดี อย่าเที่ยวบอกเรื่องนี้กับใครเชียวนะ การเข้ามาดูกระทู้พวกนี้เป็นงานอดิเรกลับๆ ของแม่”

 

 

“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าแม่จะเป็นแฟนตัวยงขนาดนี้ แม่นี่ปิดซะมิดเชียวนะ”

 

 

ไป๋ลี่หวาเหงื่อแตก หากเฉินซิงเยียนยังคงตั้งคำถามกับเธอต่อไปแบบนี้ เธอก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร

 

 

เพราะถ้าเฉินซิงเยียนค้นพบความจริงเข้า คงไม่น่าแปลกใจถ้าเธอจะวิ่งไปคว้ามีดแล้วตรงดิ่งไปสับฮว่าเหวินเฟิ่งเป็นชิ้นๆ

 

 

ไป๋ลี่หวาไม่อาจรับความเสี่ยงนั้นได้ ก่อนที่เธอจะได้ทำลายฮว่าเหวินเฟิ่งจนสิ้นซาก เธอจะปล่อยให้เฉินซิงเยียนรู้ตัวตนที่แท้จริงของเธอไม่ได้

 

 

เฉินซิงเยียนไม่ได้เอะใจอะไร เพราะในความคิดของเธอนั้น ไป๋ลี่หวาเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ไม่มีทางที่เธอจะมีความเกี่ยวโยงอะไรกับครอบครัวเศรษฐี ดังนั้นเธอจึงเชื่อทุกอย่างที่ไป๋ลี่หวาพูด

 

 

ที่จริงเธอพบว่าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ที่แม่ของเธอสามารถใช้ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ตเพื่อช่วยถังหนิงไว้ได้

 

 

“ลูกอย่าบอกถังหนิงเรื่องนี้เลยนะ แม่คงอายแย่”

 

 

“ไอหย๋า เลิกพูดซ้ำได้แล้ว ฉันเข้าใจแล้วน่า”

 

 

 

 

ตกดึกคืนนั้น

 

 

เมื่อเห็นว่าโม่ถิงยังไม่กลับบ้าน ถังหนิงจึงสั่งให้ลู่เช่อขับพาเธอไปยังไห่รุ่ยเพื่อรับสามีของเธอแม้เธอจะกำลังตั้งท้องอยู่ก็ตาม

 

 

แต่ทว่าหลังจากที่เธอเดินทางมาถึงไห่รุ่ย หญิงสาวกลับไม่ได้เข้าไปรบกวนโม่ถิง แต่นอนงีบอยู่ในห้องรับรอง เฝ้ารออีกฝ่ายอย่างใจเย็น

 

 

“คุณผู้หญิงคะ ฉันอุ่นนมมาให้ค่ะ” เลขาที่อยู่นอกห้องกล่าวอย่างสุภาพ “ระยะหลังมานี้ ท่านประธานโม่ค่อนข้างยุ่งเพราะเอเจนซี่เพิ่งจะเซ็นสัญญากับศิลปินคนใหม่ๆ พวกเขาค่อนข้างเป็นที่นิยมทีเดียว ดังนั้นเอเจนซี่เลยต้องวางแผนใหม่ๆ มากมาย ให้ฉันบอกท่านประธานให้ไหมคะ”

 

 

“ไม่จำเป็น แต่ฉันเบื่อนิดหน่อย เธอช่วยอยู่คุยกับฉันสักพักได้ไหม” ถังหนิงตอบ

 

 

“คุณผู้หญิงอยากทราบเรื่องอะไรงั้นเหรอคะ”

 

 

“พักหลังมานี่มีอะไรน่าสนใจเกิดขึ้นบ้างไหม” ถังหนิงถาม

 

 

“ไม่ค่อยมีอะไรนะคะ แต่บริษัทเพิ่งจะเซ็นสัญญากับ ‘อาวุธลับ’ ไปเมื่อสองวันก่อน” เลขาคนนั้นตอบหลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “คนพูดกันว่าเธอเป็นคนมีพรสวรรค์มากๆ หน้าตาดี รูปร่างก็ดี ฉันได้ยินมาด้วยว่าเธออายุยี่สิบสองแต่กลับเขียนเพลงดังๆ มาแล้วหลายเพลง ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังเป็นคนเขียนบทภาพยนตร์ด้วย ละครจักรๆ วงศ์ๆ ที่ดังก่อนหน้านี้ก็เป็นฝีมือเธอ ในอนาคตเอเจนซีจะทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่อสนับสนุนเธอค่ะ”

 

 

เลขาคนนั้นยังคงพูดกับตัวเองอย่างต่อเนื่องโดยไม่ทันสังเกตว่าถังหนิงไม่ได้สนใจ สุดท้ายเลขาคนนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างขัดๆ “แน่นอนว่าคุณยังคงเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดของท่านประธานนะคะ แต่ถ้าหากเป็นไปได้ที่คุณผู้หญิงจะได้แสดงในละครของเธอของเธอแล้วละก็ ฉันมั่นใจว่ามันจะต้องน่าดูมากแน่ๆ”

 

 

ขณะที่เลขากำลังพูดอยู่นั้น โม่ถิงก็เดินเข้ามาภายในห้องและมองถังหนิง “ทำไมคุณถึงขัดคำสั่งผมล่ะ หืม?”

 

 

“ฉันขอตัวก่อนนะคะ” เมื่อเห็นว่าโม่ถิงเข้ามา เลขาคนนั้นก็รีบลุกขึ้นและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

 

 

ถังหนิงโอบเรียวแขนของเธอรอบลำคอของโม่ถิงและหยอกเย้า “ฉันได้ยินเรื่องน่าสนใจมาจากเลขาของคุณด้วยละ เอเจนซีเพิ่งเซ็นสัญญากับ ‘อาวุธลับ’ ”

 

 

“ฟังอวี้เป็นคนดูแลผู้หญิงคนนั้น” โม่ถิงตอบ “การทำสัญญากับศิลปินเป็นหน้าที่รับผิดชอบปัจจุบันของเขา”

 

 

“คุณไม่กลัวเขาจะดึงศิลปินไปอยู่บริษัทอื่นเหรอ” ถังหนิงกระพริบตา

 

 

“เขาจำเป็นต้องคิดถึงค่ายกเลิกสัญญาซะก่อน” โม่ถิงช่วยพยุงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น “คุณท้องเจ็ดเดือนแล้วนะครับ ช่วยหยุดทำอะไรให้ผมเป็นห่วงสักทีได้ไหม”

 

 

“การมารับสามีจากที่ทำงานมันอันตรายตรงไหนเหรอคะ” ถังหนิงกล่าวพลางสวมกอดโม่ถิง “ฉันคิดถึงคุณ… ลูกของเราก็คิดถึงด้วย”

 

 

“ไป กลับบ้านกันเถอะ” โม่ถิงโอบแขนรอบตัวถังหนิงขณะที่เขานำเธอเดินออกจากตึกไปยังที่จอดรถชั้นใต้ดิน กระนั้นพวกเขาไม่ทันสังเกตว่ามีผู้หญิงสองคนที่เดินออกจากตึกมายังที่จอดรถในเวลาเดียวกัน

 

 

“นั่นถังหนิงใช่ไหม” หนึ่งในผู้หญิงสองคนทักขึ้นอย่างมีนัยแอบแฝง

 

 

“ใช่ นั่นถังหนิง” ผู้ช่วยที่ยืนอยู่ข้างเธอตอบ

 

 

“น่าสนใจดีนี่!” ผู้หญิงคนนั้นยืนมองถังหนิงเดินทางออกไปก่อนที่เธอจะขึ้นไปนั่งบนรถสปอร์ตของตัวเอง “ไม่ได้สาวเหมือนเดิมแล้ว…”