บทที่ 18 พื้นที่ต้องห้าม
ในค่ำคืนนี้มีเสียงหนึ่งกรีดร้องออกมาด้วยน้ำเสียงแห่งความหวาดกลัวจนตัวสั่น
เฉินเฉียงนั้นเพียงแต่สนใจกับการถูกไล่ล่าจนไม่คิดว่าตัวเขานั้นได้เข้าสู่พื้นที่ต้องห้ามที่อยู่ในเขตรังหมาป่าแห่งนี้หรือก็คือพื้นที่ชั้นใน
ในขณะที่เฉินเฉียงกำลังพรางตัวอยู่ในหลุมนั้น เมื่อใจสงบลงก็ได้พบความจริงในข้อนี้ และนี่เองก็ทำให้เขานั้นต้องตกอยู่ในความหวาดกลัว
หมาป่าสีเงินแสงจันทร์ระดับนายพล มันเป็นสัตว์ประหลาดที่แม้แต่เหล่าคนจากตึกนายพลแห่งเมืองเหมันต์จันทราก็ยังจนปัญญาในการจัดการ นับประสาอะไรกับตัวเขาที่เป็นนักรบสายเลือดทหารขั้นกลางแบบเขา
เพียงพริบตาหลังจากที่เขาร่วงหล่นลงมาเพียงไม่นาน เงาร่างที่รวดเร็วปานประกายแสงก็ได้ยืนอยู่หน้าเม่นเกราะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ถึงแม้ว่าหมาป่าสีเงินแสงจันทร์ตัวนี้จะอยู่ในระดับนายพล แต่ตัวของมันนั้นกลับใหญ่ยักษ์ราวกับอยู่ในระดับราชา มันมองไปยังเม่นเกราะที่อยู่ตรงหน้าพร้อมแรงกดดันอันมหาศาลทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้วมันยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ
ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด เมื่อเม่นเกราะตั้งสติได้มันก็ได้ม้วนตัวกลิ้งเพื่อออกจากอาณาเขตรังหมาป่าในทันที
แต่ในเมื่อหมาป่าสีเงินจันทรามาถึงแล้ว มีหรือที่มันจะยอมปล่อยไปโดยง่าย หมาป่า ได้อ้าปากที่มีสีแดงฉานออกมาก่อนที่จะมีเส้นแสงหนึ่งพุ่งตรงไปยังเม่นเกราะจนเกิดเสียงระเบิดสะเทือนเลื่อนลั่น
ถึงแม้จะอยู่ในสภาวะไร้ตัวตน แต่ประสาทสัมผัสและการตรวจจับด้วยเสียงของเฉินเฉียงเองก็ยังคงอยู่
ภายในระยะตรวจจับของเขานั้น เขาพบเส้นลำแสงสีขาวออกจากปากของหมาป่าสีเงินและนั่นทำให้เม่นเกราะลอยกระเด็นในทันที
ในกลางอากาศ เม่นเกราะนั้นกระอักเลือดออกมาอย่างไม่ขาดสาย
เพียงการโจมตีครั้งเดียวนั้นรุนแรงพอที่จะทะลวงผ่านเกราะอันแน่นหนาของเม่นเกราะให้เหลือเพียงแค่ซากร่างเท่านั้น
หลังจากลำแสงจางหายไป หมาป่าสีเงินจันทราก็ได้ไปปรากฏอยู่หน้าเม่นเกราะที่ตกตายไปแล้ว มันก้มหัวมาดูใกล้ๆก่อนที่ยกกรงเล็บที่เฉียบคมประดุจดั่งมีดเหล็กกล้าออกมา มันลองเขี่ยๆดูก็พบว่าไม่สามารถใช้เล็บของมันทะลวงเกราะของเม่นเกราะไปได้ มันทำได้เพียงหอนออกมาอีกครั้งและกระโดดออกไป และหายเข้าไปในส่วนลึกของรังของมัน
หลังจากอยู่นิ่งๆไปสามชั่วโมง ในที่สุดเฉินเฉียงก็ตัดสินใจเปิดเผยตัว
หมาป่าสีเงินจันทราตัวนี้ช่างทรงพลังอย่างน่าสะพรึงกลัว
ขนาดเฉินเฉียงที่มีทักษะไร้ตัวตนก็ยังไม่อาจที่จะต้านทานความกลัวที่บังเกิดขึ้นในหัวใจนี้ได้ เขานั้นแทบจะไม่ยากนึกภาพสภาพตัวเองเลยว่าจะตกอยู่ในสภาพไหนหลังโดนเจ้าหมาป่านั่นเจอตัว
ถึงแม้ว่านี่จะเป็นยามค่ำคืน แต่เฉินเฉียงนั้นก็กล้าทำเพียงแค่ค่อยๆคลานออกมาจากพื้นที่รังหมาป่านี้อย่างช้าๆ
ระยะระหว่างจุดที่เขาค่อยๆออกมาจากหลุมและซากร่างของเม่นเกราะนั้นความจริงแล้วมันสั้นมากๆ แต่ถึงกระนั้น เฉินเฉียงก็ยังใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงถึงจะมาถึง
ยังไงซะตรงจุดที่เขาอยู่นี้คือพื้นที่หวงห้าม การระวังไว้เป็นสิ่งจำเป็น
แต่เมื่อเขากำลังจะผ่านร่างเม่นเกราะไป นี่ทำให้เขานั้นต้องหยุดเคลื่อนไหวของตน
เขาเองยังไม่เคยเห็นแก่นคริสตัลของสัตว์ประหลาดระดับนายพลขั้นต่ำมาก่อน
เขานั้นบังเกิดความขัดแย้งภายในใจอยู่นาย จนในที่สุดเขาก็ถูกความเย้ายวนของแก่นคริสตัลสัตว์ประหลาดระดับนายพลขั้นต่ำเอาไว้ไม่ได้ และนี่ทำให้เฉินเฉียงคิดว่าทางที่จะนำมันมาให้จงได้
เขานั้นไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้ส่วนร่างกายของเม่นเกราะเลยแม้แต่น้อย เขาในตอนนี้สนใจแต่ส่วนหัวที่หลุดออกมาเท่านั้น
ยิ่งอันตราย เฉินเฉียงก็ยิ่งเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง
ทุกๆครั้งที่เขาก้าวเข้าไปหนึ่งก้าว เขาจะหยุดนิ่งอยู่นานมากเพราะกลัวว่าจะไปกระตุ้นความสนใจของหมาป่าสีน้ำเงินที่อยู่ในรังหมาป่า
เพราะยังไงซะแก่นคริสตัลนั้นไม่ได้มีค่าเท่ากับชีวิตเขา
ระยะทางสี่ไมล์จากปากรังหมาป่านั้น เฉินเฉียงใช้เวลาเกือบจะสองวันเพื่อจะออกมา
เฉินเฉียงในตอนนี้ในที่สุดเขาก็ออกมาจากพื้นที่หวงห้ามของรังหมาป่าได้อย่างปลอดภัย เฉินเฉียงจึงได้รีบจับไปยังซากของเม่นเกราะที่เขาถือติดมาด้วยเพราะไม่ยากจะไปทำในพื้นที่หวงห้าม และในตอนนี้ตัวเขาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยแล้วจึงได้หยุดเท้าลง
เขาได้ทำการย่อยสลายซากร่างของเม่นเกราะที่นำติดมาในทันที
แน่นอนว่าเขานั้นต้องสูญเสียพลังงานของระบบไปเกือบจะทั้งหมดในการย่อยสลายซากของเม่นเกราะตัวนี้
แต่ก่อนที่เขาจะได้ตรวจสอบค่าสถานะของตน เฉินเฉียงได้ทำการใช้มีดเฉือนเข้าไปที่หัวของเม่นเกราะ
แต่ดูเหมือนว่ามีดเล่มนี้จะไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไหร่
ป๊อกก มีดของกัปตันฉี หักคามือของเขา
พอเฉินเฉียงได้นึกภาพที่หมาสีเงินจันทราสามารถฆ่าไอ้ตัวหนังหนาแบบนี้ได้ในทีเดียว นี่ยิ่งทำให้เฉินเฉียงบังเกิดความกลัวขึ้นมาจนไปถึงกระดูกสันหลัง
ขนาดเม่นเกราะที่มีเกาะแข็งขนาดมีดของเขายังทำอะไรไม่ได้ยังตกตายในการโจมตีครั้งเดียวแบบนี้ หมาป่าสีเงินจันทราช่างทรงพลังจริงๆ
เฉินเฉียงได้ตัดสินใจใช้ดาบดั้นเมฆในการเจาะกะโหลกของเม่นเกราะ คราวนี้เขากลับทำได้อย่างง่ายดาย ในที่สุด แก่นคริสตัลสีเทาขนาดเท่าลูกบิลเลียดก็ได้กระเด็นออกมา เฉินเฉียงเองก็ได้ทำการดูดซับอย่างไม่อิดออด
หลังจากนั้นข้อมูลสถานะของเขาก็ได้เปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
ชื่อ เฉินเฉียง
ระดับ: นักรบสายเลือดทหารระดับกลาง
ค่าพลังงาน:90
ค่าการใช้ประโยชน์:1
ค่าความอดทน:25
ค่าพลังชีวิต:28
ค่าความแข็งแกร่ง:51
ค่าความเร็ว:35
ค่าพลังจิต:24
วิธีการบ่มเพาะ: หลอมเลือดทำลายล้างระดับต้น
ทักษะ: ไร้ตัวตน
ทักษะ: การตรวจสอบด้วยเสียง
ทักษะ: เพลิงดาบสายฟ้าทำลายวิญญาณระดับต้น
ทักษะ: ก้าวย่างสวรรค์ระดับเริ่มเรียนรู้
ทักษะ: ภาษาสัตว์
ทักษะ: แกะรอยด้วยกลิ่น
ทักษะ: ขุดรู
ทักษะ: สื่อสารไร้สาย
สายเลือด พิษเพลิงระดับต่ำ
สายฟ้าระดับกลาง
จ้าวแห่งสายลมระดับเริ่มต้น
จ้าวแห่งประกายสายฟ้าระดับต้น
ปฐพีระดับสูงสุด
เฉินเฉียงหรี่ตาลงมองในทันที ไม่คิดว่าแค่เม่นเกราะระดับนายพลขั้นต่ำตัวหนึ่งจะทำให้เขานั้นยกระดับสายเลือดประกายสายฟ้าให้อยู่ในระดับจ้าวแห่งประกายสายฟ้าไปได้ แถมยังเพิ่มค่าความอดทนของเขาขึ้นพอสมควรอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นคือแก่นคริสตัลสัตว์ประหลาดระดับนายพลขั้นต่ำที่เขาดูดซับไปนั้นยังมอบพลังงานให้เขากว่า 100 หน่วยอีกด้วย ถึงแม้ว่าเขานั้นจะต้องใช้พลังงานจำนวนเท่ากันเพื่อย่อยสลายและดูดซับก็ตาม แต่นั่นก็เท่ากับว่าเขาไม่ต้องเสียพลังงานแต่อย่างใด
แต่ที่ทำให้เขาเซ็งที่สุดคงหนีไม่พ้นทักษะการขุดรูที่ในตอนนี้พัฒนาขึ้นมาอีกขั้น
หากเขายังดูดซับและย่อยสลายสัตว์ประหลาดที่นี่ต่อไปไม่ใช่ว่าเขานั้นต้องขุดรูอยู่แบบเจ้าเม่นเกราะนั่นรึไงกัน
เมื่อคิดได้ดังนั้น มือของเฉินเฉียงก็ราวกับจะหมดเรี่ยวแรง
“คุณพระคุณเจ้า โชคดีนะเนี่ยที่คนอื่นไม่มีทางเห็นข้อมูลสถานะของข้าได้ ไม่อย่างนั้นข้าคงโดนมองเป็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งแหงๆ”
เฉินเฉียงรีบสลับความคิดแปลกๆออกจากหัวของตันในทันที เขายกดาบดั้นเมฆขึ้นมาและตัดเอาหนังของเม่นเกราะที่เหลือออกมา
นอกจากแก่นคริสตัลแล้ว ของที่ดูมีค่าบนร่างของเม่นเกราะนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นเกราะหนามของมัน
เกราะหนามเหล่านี้ขนาดหมาป่าสีเงินแสงจันทร์พบเจอก็ยังต้องจนปัญญา เจ้านี่สมควรจะเป็นสมบัติในการทำอาวุธและชุดเกราะอย่างไม่ต้องสงสัย
“น่าเสียดายที่ได้มาแค่ครึ่งเดียว เฮ้อออออ”
ถึงจะน่าเสียดายจนต้องหายใจยาวๆออกมาขนาดไหนก็ตาม แต่ยังไงซะ เฉินเฉียงก็ไม่คิดที่จะอาจหาญกล้าเข้าไปอย่างแน่นอน
เขาชอบเงินแต่ก็ไม่ได้โง่
ถ้าคราวนี้หมาป่าสีเงินจันทราตัวนั้นกลับมาเจอเขาล่ะก็ ต่อให้มีอีกสิบชีวิตเขาก็ไม่พอที่จะตกตายในปากของมัน
แต่หลังจากที่เขาได้นำหนังของเม่นเกราะมาสวม เขากับนึกอะไรดีๆขึ้นมาได้
“ถึงแม้ตัวมันจะเล็กไปหน่อย แต่ข้าว่าน่าจะพอหลอกเม่นเกราะสองตัวนั่นได้นะ….คิดว่านะ หึหึหึ”
ที่ปากทางเข้าถ้ำของเม่นเกราะนั้น เศษซากของมดยักษ์นับหมื่นตัว ในตอนนี้ถูกกัดกินจนหายไปหมดสิ้นโดยเม่นเกราะสองตัวนี้
ควีซซซ ควีซซซซ
เมื่อมันทั้งสองเห็นเฉินเฉียงที่ในตอนนี้สวมหัวของเม่นเกราะตัวใหญ่อยู่นั้น มันทั้งสองได้กลิ้งเข้าไปหาด้วยความดีใจ
แต่ทันใดนั้นก่อนที่จะเข้าถึงตัว พวกมันก็หยุดกันแทบจะไม่ทัน เพราะพวกมันเองก็พึ่งจะได้กลิ่นแปลกๆออกมาจากร่างของเม่นเกราะตัวใหญ่
อย่างไรก็ตาม นี่ยังถือได้ว่าช้าเกินไป ด้วยระยะสั้นๆแบบนี้ ไม่ยากเลยที่เฉินเฉียงจะจัดการเม่นเกราะที่อยู่เพียงระดับทหารขั้นต่ำให้ตกตายลงในทีเดียว
เฉินเฉียงได้ถอดหัวเม่นเกราะตัวยักษ์ใส่เม่นเกราะทั้งสองตัวก่อนที่จะวาดดาบออกมาท่าหนึ่ง นั่นก็คือกระบวนท่าดาบกรงเล็บมังกรคราม
กว่าเม่นเกราะที่ยืนนิ่งเมื่อเห็นซากของเม่นเกราะยักษ์รู้ตัวก็เป็นตอนที่ดาบของเฉินเฉียวได้ตัดไปที่กลางลำตัวของพวกมันจนบังเกิดเสียงเหล็กปะทะกันดังลั่น
ด้วยระดับกลางบ่มเพาะของเขาในตอนนี้ หากไม่ใช่ความคมของดาบดั้นเมฆแล้ว อย่าหวังเลยว่าเขานั้นจะสามารถตัดทะลวงเกราะของเม่นเกราะได้ง่ายๆแบบนี้
หลังจากจัดการเม่นเกราะทั้งสองลงอย่างง่ายดาย เฉินเฉียงได้ใช้มือซ้ายนำแก่นคริสตัลออกมาเพื่อไม่ให้มือขวาของตนได้สัมผัสซากร่างแล้วทำการย่อยสลายและดูดซับในสิ่งที่ไม่สมควร
นอกจากแก่นคริสตัลแล้ว เม่นเกราะทั้งสองตัวนี้ก็ไม่ได้มีอะไรให้เขานั้นสนใจอีก
หลังจากดูดซับเป็นค่าพลังงานแล้ว เฉินเฉียงในตอนนี้ได้หันเข้าไปในโพรงมืดที่เห็นอยู่ตรงหน้าด้วยความสงสัย
ข้างในจะมีอะไรดีๆรึเปล่านะ