ความลับอันน่าตกใจ

 

 

 

ต้วนชิงเกอหายสาบสูญแล้ว!

 

 

มั่วชิงเฉินดูที่ลงชื่ออีกปราดหนึ่ง ไม่ผิด คือต้วนไห่เทา นางจำได้ปีนั้นต้วนชิงเกอจะบุกแดนลี้ลับตามลำพัง เคยไหว้วานนางให้มอบของบางสิ่งให้บิดาของนาง ชื่อของบิดานาง ก็คือต้วนไห่เทา

 

 

ในยันต์ส่งสารกล่าวว่า เนื่องจากต้วนชิงเกอพลาดวันที่พ่อลูกสองคนจะได้เจอกันทุกปี ได้บอกเขาว่าจะกลับไปสายวันหนึ่ง ทว่าพริบตาเดียวผ่านไปสองวันแล้ว กลับไม่เห็นบุตรสาวกลับไปเสียที เขาก็เข้าพรรคเหยากวงไม่ได้อีก นึกได้ว่าบุตรสาวเคยพูดถึงที่พรรคเหยากวงมีสหายสนิทท่านหนึ่งชื่อมั่วชิงเฉิน ด้วยไม่มีทางเลือกจึงได้แต่รบกวนนางแล้ว หากมีข่าวคราวของบุตรสาวขอได้โปรดบอกกล่าวด้วย

 

 

หากเป็นผู้อื่นเห็นยันต์ส่งสารนี้ ต้องเห็นเป็นเรื่องตลกแล้วก็แล้วกันไป ผู้บำเพ็ญเพียรคนหนึ่งด้วยสาเหตุต่างๆ สายไม่กี่วันเป็นเรื่องที่ปกติยิ่งนัก ร้อนรนถึงเพียงนี้จะตื่นตูมไปสักหน่อยแล้ว ทว่ามั่วชิงเฉินขมวดคิ้วคิดๆ แล้ว สีหน้ายิ่งคิดยิ่งหนักหน่วงขึ้น

 

 

นางและต้วนชิงเกอคบหากันมาหลายปี รู้ดีว่าต้วนชิงเกอปกติเป็นคนรักษาสัจจะ ยิ่งกว่านั้นจะมากจะน้อยก็เคยได้ยินนางเอ่ยมาก่อน นางและบิดาความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ไม่ว่าการบำเพ็ญเพียรจะยุ่งสักเพียงใด ทุกปีก็จะต้องกลับไปครั้งหนึ่ง

 

 

ที่มั่วชิงเฉินจำได้แม่นยำเช่นนี้ เพราะว่าต้วนชิงเกอจะกลับไปในวันเทศกาลจงหยวน[1]ของทุกปี ด้วยเหตุนี้นางยังล้อนางว่าเหตุใดเฉพาะเจาะจงถึงรักเดียวใจเดียวต่อเทศกาลปล่อยผี[2]

 

 

พอคิดเช่นนี้แล้ว ความเคยชินที่ต้วนชิงเกอจะกลับเมืองผิงอันเพื่อพบบิดาในเทศกาลจงหยวนของทุกปีได้ดำเนินมาหลายปีแล้ว

 

 

หรือว่า นอกจากสายใยความสัมพันธ์พ่อลูกที่นางตัดไม่ขาดแล้ว ยังมีสาเหตุอื่นอีก?

 

 

ทันใดนั้นมั่วชิงเฉินรู้สึกว่าในตัวสหายสนิทผู้นี้เต็มไปด้วยปริศนา ทว่าเวลานี้เรื่องที่สำคัญที่สุด ยังคงต้องไปสืบข่าวคราวของต้วนชิงเกอเสียหน่อย

 

 

มั่วชิงเฉินตอบยันต์ส่งสารแผ่นหนึ่งให้บิดาของต้วนชิงเกอ ปลอบใจเขาอย่าเป็นกังวลจนเกินไป นางจะไปตามหาต้วนชิงเกอเดี๋ยวนี้ เมื่อมีข่าวคราวของนางจะบอกเขาทันที

 

 

ทำทุกอย่างนี้เสร็จ มั่วชิงเฉินจึงมุ่งหน้าสู่โถงปฏิบัติงานของเขาโฮ่วเต๋อ เพราะว่าพวกเขาศิษย์อย่างเป็นทางการจะรับภารกิจ ไม่สามารถไปรับที่โถงปฏิบัติงานเล็กของแต่ละที่เหมือนเช่นศิษย์จิปาถะแล้ว

 

 

สามปีนี้มั่วชิงเฉินตั้งใจบำเพ็ญเพียร คลื่นลมในปีนั้นแม้ยังคงเล่าลือกันในหมู่คนมากมาย ทว่าคนที่เคยพบนางนั้นมีไม่มาก ต่อให้มีบางคนเคยเห็นนาง ก็เพราะการแต่งตัวที่เหมือนกับทุกคนของนางจึงจำหน้าตานางไม่ได้ไปนานแล้ว รู้เพียงว่าปีนั้นมีนางหนูน้อยที่ไม่มีอะไรโดดเด่นแม้แต่น้อยทำให้อาจารย์อาเยี่ยผู้เรืองนามพึงใจในการพบกันครั้งแรก ดังนั้นมั่วชิงเฉินเดินอยู่ระหว่างทาง จึงไม่มีผู้บำเพ็ญเพียรมองนางสักเท่าไร ไม่นานนักก็มาถึงเขาโฮ่วเต๋อ

 

 

เงยหน้ามองดูแผ่นป้ายของโถงปฏิบัติงาน มั่วชิงเฉินเดินเข้าไป

 

 

ผู้บำเพ็ญเพียรหนุ่มคนหนึ่งกำลังมือถือม้วนคัมภีร์ดูอย่างตั้งใจ เมื่อได้ยินเสียงจึงเงยหน้าขึ้นมา สายตาอ่อนโยน มุมปากอมยิ้ม

 

 

มั่วชิงเฉินชะงัก รีบคำนับว่า “อาจารย์อาอู๋”

 

 

ไม่รู้ใช่รู้สึกไปเองหรือไม่ มั่วชิงเฉินรู้สึกเพียงว่าสายตาของอาจารย์อาอู๋ท่านนี้กวาดบนตัวนางรอบหนึ่ง ถึงยิ้มนิ่งเรียบว่า “อ้อ ที่แท้คือเจ้า มีอันใด จะมารับภารกิจใช่หรือไม่?”

 

 

พูดไปแล้วอาจารย์อาท่านนี้ก็นับว่าเป็นผู้บำเพ็ญเพียรที่คุ้นเคยเล็กน้อยในพรรคเหยากวงแล้ว มั่วชิงเฉินจึงระวังตัวน้อยลงหลายส่วน ตอบอย่างมีมารยาทว่า “เรียนอาจารย์อา ผู้น้อยไม่ได้มารับภารกิจ แต่อยากสอบถามอะไรสักหน่อยเจ้าค่ะ”

 

 

“อ๋อ เรื่องอันใด?” ผู้บำเพ็ญเพียรแซ่อู๋วางม้วนคัมภีร์ในมือลงข้างๆ ยืดตัวตรงขึ้นว่า

 

 

มั่วชิงเฉินยิ้มว่า “ผู้น้อยมีสหายท่านหนึ่งชื่อต้วนชิงเกอ เดิมทีนัดกันไว้แล้วว่ามีเรื่องจะปรึกษากัน เพราะว่าก่อนหน้านี้หลายวันนางรับภารกิจออกไปแล้ว จึงรอนางกลับมาตลอด ทว่ารออย่างไรก็ไม่กลับมา ผู้น้อยเกิดร้อนใจ จึงคิดรบกวนอาจารย์อาช่วยตรวจสอบสักหน่อย ภารกิจที่นางรับไปได้ส่งมอบหรือยัง?”

 

 

“เช่นนี้หรือ” ผู้บำเพ็ญเพียรแซ่อู๋ดูเหมือนนิสัยดียิ่งนัก ลุกขึ้นดึงม้วนคัมภีร์หยกจากชั้นวางด้านหลังออกมาม้วนหนึ่ง กวาดสายตาผ่านรอบหนึ่งว่า “นางส่งมอบภารกิจแล้ว”

 

 

“ส่งมอบแล้ว? ส่งมอบเมื่อไรเจ้าคะ?” มั่วชิงเฉินรีบถามต่อ

 

 

ผู้บำเพ็ญเพียรแซ่อู๋กวาดสายตาผ่านม้วนคัมภีร์หยกอีกปราดหนึ่งว่า “ก็สองวันก่อนนี่เอง”

 

 

“สองวันก่อน?” มั่วชิงเฉินพึมพำ เห็นผู้บำเพ็ญเพียรแซ่อู๋มองมา ถึงรีบคำนับว่า “ทำให้อาจารย์อาต้องลำบากแล้ว ผู้น้อยไม่รบกวนท่านแล้วเจ้าค่ะ”

 

 

“ไม่เป็นไร” ผู้บำเพ็ญเพียรแซ่อู๋เอ่ยด้วยท่าทีอ่อนโยน

 

 

มั่วชิงเฉินคำนับอีกทีหนึ่ง แล้วรีบเดินออกไป

 

 

ศิษย์พี่ต้วนส่งมอบภารกิจตั้งแต่สองวันก่อนแล้ว จากนั้นส่งสารให้บิดานางว่าจะสายวันหนึ่งถึงสามารถกลับบ้านได้ สองวันก่อน…เดือนเจ็ดขึ้นสิบหกค่ำพอดี!

 

 

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ในวันเทศกาลจงหยวนศิษย์พี่ต้วนน่าจะสำเร็จภารกิจแล้วอยู่ระหว่างทางกลับ นี่ถึงได้ส่งสารให้บิดานาง บอกว่าต้องสายวันหนึ่งถึงกลับบ้านได้

 

 

นางส่งมอบภารกิจเดือนเจ็ดขึ้นสิบหกค่ำ คาดคะเนตามเหตุผลแล้ว ต้องเร่งเดินทางไปเมืองผิงอันโดยตรงแน่นอน ทว่าท่านลุงต้วนกลับบอกว่านางยังไม่กลับ เมื่อเป็นเช่นนี้ ต้วนชิงเกอจะต้องเกิดเรื่องในสองวันหลังจากที่กลับพรรคเหยากวงแน่นอน

 

 

เช่นนั้น ตกลงนางเกิดเหตุการณ์ในสำนัก หรือว่าระหว่างทางที่เร่งเดินทางไปเมืองผิงอันล่ะ?

 

 

ถูกแล้ว เพื่อนร่วมทีม!

 

 

คนที่รู้อย่างแน่ชัดว่าต้วนชิงเกอกลับสำนักเวลาใด นอกจากโถงปฏิบัติงานแล้ว ยังมีเพื่อนร่วมทีมที่ปฏิบัติหน้าที่พร้อมนาง!

 

 

มั่วชิงเฉินนึกถึงตรงนี้รีบหันหลังทันที กลับเห็นคนรูปร่างท้วมคนหนึ่งหลบสวบไปข้างๆ

 

 

“อาจารย์อา ผู้น้อยบุ่มบ่ามไปแล้ว ได้โปรดให้อภัยด้วยเจ้าค่ะ” มั่วชิงเฉินเห็นคนผู้นั้นท่าทางอายุสามสิบกว่าปี รูปร่างท้วม ไม่คิดว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐาน จำได้รางๆ ว่าเขาก็เป็นหนึ่งในผู้บำเพ็ญเพียรที่มารับศิษย์ขึ้นเขาในปีนั้น จึงรีบคำนับ

 

 

ก่อนหน้านี้เคยพูดถึงมาแล้ว ผู้บำเพ็ญเพียรนี้แซ่ซุน เป็นเด็กเลี้ยงวัวมาก่อน เห็นศิษย์หญิงคนหนึ่งเกือบชนถูกเขา แม้ขอโทษแล้ว กลับปากไวว่า “นางหนูเจ้านี่ช่างบุ่มบ่ามนัก ที่ผู้บำเพ็ญเพียรเน้นคือการบำเพ็ญจิต เดินรีบร้อนเช่นนี้ไปทำอะไร? เสียแรงที่ผู้อาวุโสในสำนักสอนสั่งมา!”

 

 

พูดจบใบหน้าฉายแววได้ใจอยู่บ้าง แอบคิดในใจว่า แหะๆ มิน่าท่านผู้เฒ่าถึงชอบสั่งสอนคนเช่นนี้ ที่แท้รสชาติการสั่งสอนคนมันดีเช่นนี้นี่เอง!

 

 

มั่วชิงเฉินย่อมไม่รู้ความคิดของผู้สูงส่งระดับสร้างรากฐานท่านนี้ กลับฝืนทนไว้ไม่ได้แบะปาก ตนเป็นศิษย์ฆราวาสระดับหลอมลมปราณคนหนึ่ง จะมีผู้อาวุโสอะไรมาสอนสั่ง ทว่าปากยังคงอ่อนน้อมถ่อมตนว่า “อาจารย์อาสั่งสอนได้ถูกต้องเจ้าค่ะ ต่อไปผู้น้อยจะไม่ทำอีกแน่นอน”

 

 

ผู้บำเพ็ญเพียรแซ่ซุนพยักหน้ารู้สึกพอใจมาก สั่งสอนว่า “จำได้ก็ดี นางหนูน้อยเดี๋ยวนี้เหตุใดล้วนลนลานเช่นนี้กันหมด เจ้าชนถูกข้ายังนับว่าโชคดี สองวันก่อนมีนางหนูน้อยอายุประมาณเจ้าคนหนึ่งเกือบชนถูกท่านผู้เฒ่าหานจาง เกือบถูกท่านผู้เฒ่าหานจางจับไปแน่ะ!”

 

 

พูดจบกำลังจะหันหลังจากไป กลับเห็นมั่วชิงเฉินกระโดดไปข้างหน้าทันทีว่า “ท่านอาจารย์อา นางหนูน้อยที่ท่านพูดถึงเป็นใครเจ้าคะ?”

 

 

ผู้บำเพ็ญเพียรแซ่ซุนหน้าบึ้งทันที “ข้าก็พูดถึงเจ้าอยู่ไม่ใช่หรือไร ฮึ เพิ่งพูดหยกๆ ว่าต่อไปอย่าลนลาน เจ้าดูท่าทางเจ้าเช่นนี้ ต่อให้…ต่อให้เจ้าทนไม่ไหว อย่างไรก็ควรรอข้าไปก่อนสิ?”

 

 

มั่วชิงเฉินนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าในบรรดาผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานผู้สูงส่งในสายตาพวกนางนั้น ยังมีคนสุดยอดเช่นนี้อยู่ด้วย จึงแสยะปากฝืนยิ้มว่า “อาจารย์อาสอนสั่งได้ถูกต้อง สอนสั่งได้ถูกต้อง อาจารย์อาเจ้าคะ…เมื่อครู่ท่านบอกว่านางหนูน้อยที่พอๆ กับข้าคนนั้นคือใครนะเจ้าคะ หน้าตาเป็นเช่นไร?”

 

 

“ข้าจะรู้จักว่านางเป็นใครได้อย่างไร หน้าตาหรือ…ชุดที่ใส่เหมือนกับเจ้า ไม่มีผมข้างหน้า เอ่อ ผมจอนข้างขวามีดอกบัวขาวไม่ใหญ่ดอกหนึ่ง เอาเป็นว่าพวกเจ้าผู้บำเพ็ญเพียรหญิงล้วนหน้าตาไม่ต่างกันเท่าไร ไม่น่าเกลียด” ผู้บำเพ็ญเพียรแซ่ซุนเอ่ย

 

 

มั่วชิงเฉินรู้สึกปีติ ฟังจากที่เขาสาธยาย หญิงสาวนั่นต้องเป็นต้วนชิงเกอแน่!

 

 

ไม่น่าเกลียด…ด้วยหน้าตาของต้วนชิงเกอ ไม่คิดว่าในสายตาเขาเป็นเพียงแค่ไม่น่าเกลียด เอาเถอะ นางแน่ใจอีกครั้งว่าคนคนนี้เป็นคนสุดยอด

 

 

“ท่านอาจารย์อา ท่านบอกว่านางเกือบถูกท่านผู้เฒ่าหานจางจับตัวไปหรือเจ้าคะ เช่นนั้นต่อมาล่ะ? ท่านผู้เฒ่าหานจางคือใครอีก” มั่วชิงเฉินถามคำถามเป็นพรวน

 

 

“ต่อมามีท่านผู้เฒ่าท่านอื่นผ่านมา ท่านผู้เฒ่าหานจางจึงไม่ได้เอาความกับนางหนูนั่นน่ะสิ ท่านผู้เฒ่าหานจางคือ…” ผู้บำเพ็ญเพียรแซ่ซุนพูดถึงตรงนี้ ถลึงตา “เอ๊ะ ข้าจะพูดมากเช่นนี้กับนางหนูอย่างเจ้าทำอะไร ฮึ!”

 

 

พูดจบก็หันหลังไปแล้ว ในใจแอบคิดว่า เหตุใดพอถูกท่านผู้เฒ่าถามคำถามมากแล้ว ก็อดที่จะชอบตอบคำถามอย่างไม่รู้ตัวเสียแล้ว

 

 

มั่วชิงเฉินมองดูแผ่นหลังที่จากไปไกลของคนคนนี้แล้วงงงัน จากนั้นยิ้มๆ ไม่ว่าจะอย่างไร อย่างไรก็นับว่าได้อะไรมาบ้าง

 

 

เพียงแต่ ท่านผู้เฒ่าหานจางตกลงเป็นใครกันแน่นะ?

 

 

มั่วชิงเฉินแอบโกรธตนที่ปกติไม่สนใจเรื่องเหล่านี้เกินไป ขมวดคิ้วครุ่นคิดพลาง ทันใดนั้นก็นึกได้ ศิษย์พี่มั่วท่านนั้นต้องรู้เรื่องพวกนี้แน่นอน

 

 

นึกถึงตรงนี่นางรีบส่งยันต์ส่งสารแผ่นหนึ่งออกไปทันที ผ่านไปไม่นานยันต์ส่งสารแผ่นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศตกลงสู่มือนาง

 

 

“ศิษย์น้องชิงเฉิน นักพรตหานจางเป็นท่านผู้เฒ่าแห่งเขาต้วนจิน แซ่ทางฆราวาสแซ่เฉิน ในบรรดานักพรตระดับก่อแก่นปราณหลายสิบท่านในพรรคเรา พลังไม่นับว่าสูง ติดอยู่ที่ระดับก่อแก่นปราณระยะต้นมาร้อยกว่าปีแล้ว ไม่รู้ศิษย์น้องสืบข่าวคนผู้นี้ด้วยเหตุอันใด นักพรตหานจางค่อนข้างอารมณ์ร้อน ศิษย์น้องพยายามหลีกเลี่ยงการก้าวล่วง จากมั่วหลีลั่ว”

 

 

เห็นสารตอบของมั่วหลีลั่ว มั่วชิงเฉินยิ้มนิ่งเรียบ ได้ยินว่าหนึ่งปีก่อนนางก็เข้าสู่ระดับสร้างรากฐานอย่างราบรื่นแล้ว กลายเป็นหนึ่งในผู้บำเพ็ญเพียรอัจฉริยะที่สร้างรากฐานสำเร็จตั้งแต่อายุไม่ถึงสามสิบปี บัดนี้ยังเรียกตนว่าศิษย์น้อง ก็นับว่าเป็นคนเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าๆ แล้ว

 

 

ในพรรคเหยากวง ผู้บำเพ็ญเพียรเมื่อเข้าสู่ระดับก่อแก่นปราณก็จะกลายเป็นท่านผู้เฒ่าของสำนักโดยปริยาย ได้เสพสุขกับสวัสดิการมากมายจากสำนัก ขอเพียงออกแรงในยามที่สำนักต้องการก็พอ ผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณ ต่อให้ในสำนักเช่นนี้ ฐานะก็สูงส่งมากแล้ว เป็นการมีตัวตนอยู่ที่ศิษย์ระดับหลอมลมปราณอาจเอื้อมไม่ถึง

 

 

แม้จะสงสัยอยู่บ้างว่าการหายตัวไปของต้วนชิงเกอเกี่ยวข้องกับนักพรตหานจาง มั่วชิงเฉินกลับไม่กล้าสรุปง่ายๆ แต่สืบข่าวคราวจากคนที่ทำภารกิจร่วมกับต้วนชิงเกอ แล้วใช้ยาลูกกลอนรวมวิญญาณขวดหนึ่งติดสินบนศิษย์ที่ดูแลข้อมูลของผู้บำเพ็ญเพียรที่ออกจากสำนักของพรรคเหยากวง พบว่าในบรรดาผู้บำเพ็ญเพียรมากมายที่ออกจากสำนักเมื่อสองวันก่อน ชื่อนักพรตหานจางปรากฏอย่างโดดเด่น!

 

 

นักพรตหานจาง?

 

 

มั่วชิงเฉินบ่นพึมพำสี่คำนี้ อาศัยสัญชาตญาณแล้ว การหายตัวไปของต้วนชิงเกอต้องเกี่ยวข้องกับเขาแน่นอน ทว่า เขาเป็นถึงผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณ เหตุใดเพราะต้วนชิงเกอบุ่มบ่ามเพียงเล็กน้อยก็อุตส่าห์ไล่ตามออกจากเขาไปนะ?

 

 

นี่ไม่สมเหตุผลเอาเสียเลย!

 

 

มั่วชิงเฉินส่ายศีรษะ ท่าทางอมยิ้มอ่อนโยนของต้วนชิงเกอแวบผ่านสมองนาง จู่ๆ ก็ชะงัก ศิษย์พี่ต้วนปกติละเอียดถี่ถ้วน เทียบกับตนแล้วเหมือนยิ่งคุณหนูตระกูลใหญ่มากกว่าตนมากนัก ต่อให้ยามนั้นใจร้อนอยากกลับบ้านเพียงใด ก็ไม่ถึงกับเกือบชนคนเข้าหรอกกระมัง

 

 

นอกจาก…ความลนลานของนางก็เกิดจากนักพรตหานจาง!

 

 

ยิ่งสันนิษฐานมั่วชิงเฉินยิ่งกลัว ตกลงเพราะอะไร ต้วนชิงเกอเห็นนักพรตหานจางถึงลนถึงเพียงนั้นล่ะ นางกลับเมืองผิงอันในเทศกาลจงหยวนของทุกปี มีเหตุผลพิเศษอะไรหรือไม่นะ?

 

 

หรือว่า ทั้งหมดนี้ล้วนเกี่ยวกับความลับส่วนตัวของนาง?

 

 

หากเป็นผู้อื่น มั่วชิงเฉินจะไม่เปลืองแรงเพราะเรื่องนี้เด็ดขาด เรื่องซับซ้อนซ่อนเงื่อนยิ่งจะไปให้ห่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ความยุ่งยากมาถึงตัว

 

 

ทว่าหลายปีมานี้ นางที่โดดเดี่ยวตัวคนเดียว กับมิตรภาพของต้วนชิงเกอก็ไม่ต่างอะไรกับพี่น้องแท้ๆ แล้ว

 

 

มั่วชิงเฉินออกจากสำนักเงียบๆ ใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งวันก็มาถึงเมืองผิงอัน ตามที่อยู่ที่ต้วนชิงเกอเคยบอกไว้หาบ้านชาวบ้านธรรมดาหลังหนึ่งพบ

 

 

หลังจากเคาะประตู ผู้ชายวัยกลางคนท่านหนึ่งสีหน้าเป็นกังวลมาเปิดประตู เห็นมั่วชิงเฉินแล้วชะงักงัน

 

 

เรื่องไม่ควรรอช้า หลังจากยืนยันฐานะแล้ว มั่วชิงเฉินเล่าสิ่งที่นางสันนิษฐานรอบหนึ่ง สีหน้าเคร่งเครียดว่า “ท่านลุงต้วน หลานสาวของบังอาจถามคำหนึ่ง ศิษย์พี่ต้วนมีของสิ่งใดที่ทำให้ผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณอยากได้กันแน่หรือเจ้าคะ?”

 

 

ต้วนไห่เทาหน้านิ่งเป็นน้ำ ร่างกายสั่นเทิ้มอย่างบังคับตนเองไม่ได้

 

 

“ท่านลุง หากไม่สะดวกพูดจริงๆ ก็ช่างเถอะ หลานสาวจะไปสืบข่าวคราวอย่างอื่นอีกที” มั่วชิงเฉินหลุบตาเอ่ย พูดจบหันหลังจะจากไป

 

 

“ช้าก่อน” มีเสียงดังมาจากด้านหลัง

 

 

มั่วชิงเฉินหยุดฝีเท้า บรรยากาศหนักหน่วงขึ้นมาอีกแล้ว ผ่านไปพักหนึ่งถึงได้ยินต้วนไห่เทาถอนหายใจยาวว่า “นางหนู ชิงเกอนาง…นาง…นางเป็นร่างหยินบริสุทธิ์!”

 

 

 

 

——

 

 

[1] เทศกาลจงหยวน คือวันสารทจีน หรือ เทศกาลสารทจีน ตรงกับ วันเพ็ญ 15 ค่ำเดือน 7 ตามปีปฏิทินทางจันทรคติของจีน ถือเป็นวันสำคัญที่ลูกหลานชาวจีนจะแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ โดยพิธีเซ่นไหว้ และยังถือเป็นเดือนที่ประตูนรกเปิดให้วิญญาณทั้งหลายมารับกุศลผลบุญได้

 

 

[2] เทศกาลปล่อยผี คือ อีกชื่อเรียกหนึ่งของเทศกาลสารทจีน