ตอนที่ 19 ใจแกร่งดั่งพยัคฆ์ (4)

ยอดคุณหมอสกุลเฉิน

ตอนที่ 19 ใจแกร่งดั่งพยัคฆ์ (4)

โจรลักพาตัวนอนชักกระตุกอยู่กับพื้น ค่อยๆใช้มือคลำลำคอของตัวเองดู ปรากฏว่า มีดคมนั้นได้ตัดเข้าที่ลำคอของเขาจนขาดออกเกือบครึ่ง ก่อนจะขาดใจตายในที่สุด เรียกได้ว่า ลำคอเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น ที่ยังคงติดอยู่กับร่าง

ในระหว่างที่พูดคุยกับเฉินอวี้หลัวก่อนหน้านี้ ฉีเล่ยได้ใช้เข็มทองหางหงส์ตัดเชือกที่ผูกมือตนเองอยู่ราวครึ่งนาที หลังจากที่เป็นอิสระ เขาก็ได้พุ่งเข้าไปแย่งมีดจากมือของโจรผู้นั้น แล้วรีบจัดการสังหารมันตายในทันที

ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็วอย่างมาก และกว่าที่โจรผู้นั้นจะรู้ตัว มันก็ได้สิ้นใจตายเสียแล้ว!

เฉินอวี้หลัวจ้องมองผู้เป็นสามีด้วยดวงตาเบิกกว้าง และได้แต่อ้าปากค้างด้วยความตระหนกตกใจ จนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียว!

ฉีเล่ยเดินไปทางด้านหลังของหญิงสาว พร้อมกับย่อตัวลงใช้มีดสั้นในมือตัดเชือกที่มัดให้ ก่อนจะค่อยๆ ใช้นิ้วทั้งสิบนวดคลึงข้อมือ และไหล่ทั้งสองข้างให้เธอ เพื่อผ่อนคลายความเจ็บปวดหลังจากที่ถูกจับมัดไว้เป็นเวลานาน

จากนั้นจึงได้อุ้มร่างของหญิงสาวไปนั่งบนเก้าอี้ พร้อมกับใช้นิ้วชี้แตะริมฝีปากของเธอเบาๆ พร้อมกับกระซิบบอกว่า

“ชวู่! อย่าส่งเสียงดัง แล้วก็ตกใจไป! เพราะหลังจากนี้ สามีของคุณกำลังจะฆ่าพวกมันทุกคน!”

แม้ว่าจะเป็นคำพูดที่ฟังดูน่าสะพรึงกลัว แต่หลังจากได้ฟัง ความสงบนิ่งกลับแผ่ซ่านไปทั่วร่างของเฉินอวี้หลัว หญิงสาวรับรู้ได้ถึงความปลอดภัย และเป็นความรู้สึกปลอดภัยอย่างมากด้วย..

เฉินอวี้หลัวพยักหน้าเบาๆ พร้อมกับจ้องมองฉีเล่ย ที่ถือกำลังถือมีดสั้นเดินตรงไปทางประตูห้องอย่างเงียบๆ

มีดที่ปักลงไปในลำคอของโจรเมื่อครู่นั้น ได้ตัดเข้าที่หลอดลมของมันในทันที ทำให้มันไม่มีโอกาสแม้แต่จะกรีดร้องออกมา หรือดิ้นรนหนีตาย และเวลานี้มันก็ได้กลายเป็นร่างไร้วิญญาณนอนอยู่กับพื้นห้องที่เย็นเฉียบ

ฉีเล่ยแอบอยู่หน้าประตูห้อง พร้อมกับเปิดสัมผัสพิเศษของตนเอง ออกสำรวจการเคลื่อนไหวภายในห้องครัว

เวลานี้ โจรทั้งห้าคนรวมทั้งหลิวไห่หยาง กำลังนั่งล้อมวงกินบะหมี่อยู่รอบโต๊ะกลมเล็กๆตัวหนึ่ง

จากบทสนทนาของพวกมันเวลานี้ ทำให้ฉีเล่ยได้รู้ว่า โจรกลุ่มนี้เป็นอาชญากรที่ร่วมกันก่อคดีฆ่าคนในเมืองอื่น และได้หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาซ่อนตัวอยู่ในเมืองหนานหยาง

และหนึ่งในหกของกลุ่มโจรนี้ ก็เป็นเพื่อนกับคนไข้คนหนึ่งของหลิวไห่หยาง ซึ่งมารักษากับเขาจนเกิดความสนิทสนมกัน แต่หลิวไห่หยางเองก็ไม่ได้รู้ว่าชายคนนี้มีอาชีพอะไร

แต่จะว่าไปก็เป็นเรื่องที่บังเอิญมากจริงๆ เพราะหลังจากที่หลิวไห่หยางถูกทางโรงพยาบาลไล่ออก ด้วยความโกรธแค้นใจ เขาจึงคิดที่จะหาทางแก้แค้นฉีเล่ยกับเฉินอวี้หลัว ซึ่งแน่นอนว่า เรื่องใหญ่โตแบบนี้ เขาไม่สามารถลงมือเพียงลำพังได้

ท้ายที่สุดเขาก็ได้ไปปรึกษาเรื่องนี้กับคนไข้ที่สนิทสนมกัน และคนไข้ของเขาคนนี้ ก็ได้พาเขาไปพบกับโจรทั้งหกคนที่กำลังหนีการจับกุมของตำรวจอยู่

ฝ่ายหนึ่งต้องการแก้แค้น แต่อีกฝ่ายหนึ่งต้องการเงิน ความร่วมมือจึงได้เกิดขึ้น!

เวลานี้ หลิวไห่หยางกับโจรทั้งหกได้ลงเรืองลำเดียวกันแล้ว พวกเขาตกลงกันไว้ว่า หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ทั้งหมดจะหนีเข้ามาเก๊า ก่อนจะเดินทางไปซ่อนตัวที่ประเทศเม็กซิโกต่อไป

และทุกอย่างก็ดำเนินไปตามแผนอย่างไร้ปัญหา!

ไม่ว่าจะเป็นแผนการ ไปจนถึงการลงมือปฏิบัติ ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเรียบร้อย อีกทั้งยังสามารถที่ซ่อนตัวได้อย่างมิดชิด จนยากที่จะมีใครมาพบเห็นได้

และแน่นอนว่า เหยื่อทั้งสองคนจะต้องถูกทรมาน และต้องตายอย่างน่าอนาถอยู่บนเรือลำนี้ อย่างยากที่จะหลีกเลี่งได้..

แต่นับว่าโชคร้ายที่หนึ่งในเหยื่อเป็นฉีเล่ย!

และที่เขาไม่ต้องการแจ้งตำรวจเรื่องนี้ตั้งแต่แรก ก็เพราะรอคอยเวลานี้ต่างหากเล่า..

หากเขาปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างมาก พวกมันก็ถูกจับกุมตัวไปสอบสวน จากนั้นจึงจะดำเนินคดีกับพวกมันต่อไป ซึ่งขั้นตอนต่างๆ จะดำเนินไปค่อนข้างล่าช้า..

แล้วพวกมันจะได้รับโทษตายเมื่อไหร่ ก็ไม่มีใครรู้ได้?

ไม่.. ฉีเล่ยไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น เพราะนั่นเป็นโทษที่สบายเกินไปสำหรับพวกมัน!

สำหรับการกำจัดคนที่มีจิตใจชั่วร้ายโหดเหี้ยมแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องรบกวนยมบาลเลยแม้แต่น้อย ฉีเล่ยจะตัดสินโทษของพวกมันอย่างสาสมเอง..

ฉีเล่ยย่องออกไปนอกห้องเก็บของอย่างเงียบๆ และค่อยๆเดินไปตามทางเดินซึ่งอยู่ตรงกลาง ส่วนสองข้างทางนั้นเป็นห้องซึ่งมีอยู่ทั้งหมดสามห้องด้วยกัน

ห้องครัวนั้นเป็นห้องที่สอง และอยู่ทางด้านซ้ายมือของเขา และเวลานี้ทั้งหกคนก็ดูเหมือนจะกินบะหมี่กันเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกมันจึงได้นั่งปรึกษากันว่า จะจัดการกับเฉินอวี้หลัวอย่างไรดี?

เวลานี้ ฉีเล่ยกำลังยืนพิงผนังด้านนอกอยู่ เขาสูดลมหายใจเข้าลึก และอาศัยจังหวะที่ไม่มีใครสนใจนี้ ค่อยๆย่องไปยืนแอบอยู่อีกฝั่งของห้องครัว

ฉีเล่ยดูประหนึ่งเสือที่เฝ้ารอเหยื่ออย่างสงบนิ่ง..

ในที่สุด คนแรกที่ลุกขึ้นยืนก็คือหลิวไห่หยาง ปากของเขาคาบไม้จิ้มฟันไว้ ในขณะที่มือทั้งสองข้างก็ได้ปลดขอกางเกงออก และกำลังเดินไปทางประตูห้องครัว พร้อมกับพ่นไม้จิ้มฟันที่คาบอยู่ออกจากปาก

สีหน้าของหลิวไห่หยางเวลานี้เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัว และสะใจอย่างมาก เมื่อคิดว่า หลังจากนี้ เขาจะได้ทำการทรมานเฉินอวี้หลัวต่อหน้าฉีเล่ย และเพียงแค่คิด เขาก็รู้สึกมีความสุขอย่างมากแล้ว

หลังจากนั้น ที่เหลืออีกห้าคนก็ได้ลุกขึ้นยืน และเดินตามหลังหลิวไห่หยางไปทันที ทั้งหมดเดินไปตามทางเดินมุ่งหน้าไปยังห้องเก็บของ แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่า อีกมุมหนึ่งของห้องครัวนั้น ได้มีร่างของเทพเจ้าแห่งความตายซ่อนอยู่..

หลังจากที่ทั้งหมดเดินออกไปจากห้องครัวแล้ว ฉีเล่ยที่หลบซ่อนตัวอยู่ ก็ได้แอบเข้าไปในห้องครัว และเห็นกาต้มน้ำที่วางอยู่บนเตา

บนเรือลำนี้ไม่มีไฟฟ้า ต้องใช้เทียนไขให้ความสว่าง และเวลานี้ บนโต๊ะอาหารก็มีเทียนวางอยู่สองสามเล่ม ที่พวกมันทั้งหกคนได้เป่าดับก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง

เพราะฉะนั้น แสงไฟเดียวที่มีอยู่ก็คือ ไฟจากเตาถ่านที่มีกาน้ำร้อนซึ่งกำลังเดือด และกำลังส่งเสียงฟู่ๆ อยู่เท่านั้น

ฉีเล่ยไม่รอช้า เขารีบเอื้อมมือไปหิ้วกาต้มน้ำ แล้ววิ่งออกไปจากห้องครัวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะค่อยๆ ย่องตามหลังกลุ่มโจรทั้งหมดไปอย่างเงียบๆ

และยังไม่ทันที่จะเดินไปถึงห้องเก็บของด้วยซ้ำไป ฉีเล่ยก็จัดการเปิดฝากาน้ำร้อนในมือ พร้อมกับยกขึ้นเทรดศรีษะของโจรที่อยู่ด้านหลังสุดทันที

“อ๊าก!!”

หลังจากที่ถูกน้ำร้อนเดือดราดเข้าไป โจรที่อยู่ด้านหลังสุดก็ถึงกับกรีดร้องอกมา พร้อมกับกระโดดโลดเต้นด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะล้มลงกลิ้งไปมากับพื้น เวลานี้ ใบหน้าของมันได้เปลี่ยนเป็นแดงก่ำ ผิวหนังบริเวณหน้าผากที่ถูกน้ำร้อนลวกนั้นกลายเป็นตุ่มพอง

เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากด้านหลัง ด้วยสัญชาติญาณ ทั้งห้าคนที่อยู่ด้านหน้า ก็หันหลังกลับมามองทันที และสิ่งที่พวกมันพบเห็นก็คือมีดสั้นที่คมกริบ!

และทันทีที่สองคนด้านหลังสุดซึ่งเดินเคียงข้างกัน หันหลังกลับมาพร้อมกันนั้น ก็ถูกมีดคมในมือของฉีเล่ยปาดเข้าที่ลำคออย่างรวดเร็ว มีดสั้นในมือของชายหนุ่มพุ่งปาดเข้าที่ลำคอของโจรทั้งสองคนในคราวเดียว

หลังจากที่โจรทั้งสองคนทรุดลงไปกับพื้นพร้อมกัน ก็ได้เผยให้เห็นโจรอีกสองคนที่อยู่ด้านหน้า แต่พวกมันทั้งสองคนรู้ตัวแล้ว จึงได้ตอบโต้ฉีเล่ยกลับไปอย่างรวดเร็ว คนหนึ่งพุ่งเข้าไปหาฉีเล่ยเพื่อจับตัว ส่วนอีกคนก็กำลังคว้ามีดที่เหน็บอยู่ข้างเอว

ฉีเล่ยเองก็ตอบโต้กลับไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน ทันทีที่โจรผู้นั้นพุ่งเข้ามาหา เขาก็ได้ยกเท้าข้างหนึ่งเตะเข้าที่กลางเป้าของมันอย่างสุดกำลังทันที สิ้นเสียงดังปัง.. โจรผู้นั้นก็ถึงกับทรุดลงไปคุกเข่ากับพื้น จากนั้น เลือดสีแดงสดก็ได้หยอดออกมาจากเป้ากางเกงของมัน

ส่วนอีกคนที่เหลือนั้น ก่อนที่มันจะทันได้ดึงมีดออกมาจากข้างเอว ฉีเล่ยก็ได้พุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และปลายมีดในมือของเขา ก็ได้ปักเข้าที่หน้าอกของมันในทันที ฉีเล่ยดันร่างของมันเข้าไปติดกับกำแพง พร้อมกับดันมีดสั้นในมือปักแน่นลงไปบนหน้าอกลึกขึ้น และในที่สุด มันก็ทรุดลงไปกองแน่นิ่งอยู่กับพื้นทางเดิน..

ร่างที่พิงกำแพงอยู่นั้น ค่อยๆทรุดลงอย่างช้าๆ พร้อมกับเลือดสีแดงที่ไหลอาบไปทั่วร่าง ก่อนจะสิ้นใจตายในที่สุด

ในจำนวนโจรที่เหลือทั้งห้าคนนั้น มีเพียงสองคนที่ยังมีลมหายใจอยู่ หนึ่งในนั้นคือคนที่ถูกน้ำร้อนลวก ส่วนอีกคนคือคนที่ถูกฉีเล่ยเตะผ่าหมากเข้า และเวลานี้ ทั้งสองคนก็กำลังนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น พร้อมกับร้องครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวด

ฉีเล่ยไม่สนใจแม้แต่จะปรายตามองพวกมันอีก เขายกมือขึ้นเช็ดโลหิตสีแดงที่เปื้อนใบหน้าออก พร้อมกับหันไปจ้องมองหลิวไห่หยางด้วยแววตาดุดัน พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกชวนขนหัวลุก

“เอาล่ะ! เหลือแกเพียงคนเดียวแล้ว ฉันจะให้แกเลือกว่าจะตายแบบไหน? จับใส่กรงถ่วงน้ำเหมือนหมูดี.. หรือจะค่อยๆแล่เนื้อออกมาทีละชิ้นดีนะ.. มีอีกหลายวิธีที่ฉันจะเล่นสนุกกับแกก่อนตาย โดยที่ไม่ว่าแกจะกรีดร้องเสียงดังแค่ไหนก็ไม่มีใครได้ยิน!”

“เลือกสิ!”

ฉีเล่ยย้อนคำพูดที่หลิวไห่หยางเคยพูดกับตนเองก่อนหน้านี้..