องค์ชายสองตะลึง เขาพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เขาไม่เคยเห็นแคลร์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้มาก่อน! ดูเหมือนว่าแคลร์กำลังเปล่งแสงแพรวพราวไปทั้งตัวซึ่งทำให้ผู้คนไม่สามารถละสายตาได้เลย 

 

 

ในที่สุดสีหน้าของกอร์ตั้นก็ฟื้นคืนมาอย่างช้าๆ เขาไอเบาๆ จากนั้นก็พูด “แคลร์ คราวนี้จินเหยียนละเลยหน้าที่ของเขาจริงๆ เจ้าลงโทษเขาได้ตามที่เจ้าต้องการเลย แต่ว่าเจ้าไม่สามารถตัดความสัมพันธ์กับเขาได้ เขาสร้างความสัมพันธ์นี้กับเจ้ามาตั้งแต่เจ้าเกิด ไม่เพียงแต่เขาปกป้องเจ้ามาก่อนหน้านี้ ต่อไปเขาก็ยังจะคงปกป้องเจ้าอยู่ตลอดไป ครั้งนี้เป็นเพียงการละเลยหน้าที่ครั้งใหญ่ ปู่คิดว่าจินเหยียนจะไม่ละเลยเช่นนี้ในอนาคตอีกแล้ว” 

 

 

“ใช่ คุณหนูแคลร์” องค์ชายสองเห็นสถานการณ์แล้วจึงพูดอย่างรีบร้อน “ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง ตอนแรกจินเหยียนจะออกไปช่วยเจ้าแล้ว แต่เป็นข้าเองที่ขวางเขาไว้ ข้าสาบานเลย สิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริงทั้งหมด ข้าไม่ได้ตั้งใจจะเข้าข้างเขาอย่างแน่นอน” 

 

 

แคลร์เงียบและไม่พูดอะไร 

 

 

กอร์ตั้นขมวดคิ้วมองจินเหยียน แล้วขยิบตา 

 

 

“คุณหนู ทั้งหมดในวันนี้คือการละเลยหน้าที่ของข้า ข้ายินดีที่จะรับการลงโทษ” จินเหยียนดึงกระบี่ออกจากเอวของเขาและใช้แรงแทงกระบี่เข้าที่ขาขวาของเขาโดยไม่กระพริบตา คมกระบี่ที่แทงเข้าต้นขาของเขาตรงๆ มีเลือดไหลทะลักออกมาในทันที เห็นได้ว่าเขาใช้แรงมากแค่ไหน แต่จินเหยียนไม่รู้สึกเจ็บและยังคงแสดงสีหน้าเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง 

 

 

แคลร์มองทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าอย่างเย็นชา กอร์ตั้นมองไปที่แคลร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง องค์ชายสองก็ดูกังวล ไม่ใช่ว่าเขากังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของจินเหยียน ในฐานะคนที่มีความแข็งแกร่งครอบครองกระบี่นั้น การบาดเจ็บแค่นี้ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร อย่างไรก็มีการรักษาของนักเวทย์ผู้รักษาอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เขากังวลคือแคลร์ยังคงยืนกรานที่จะตัดความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาอยู่หรือไม่ 

 

 

แคลร์ยังคงเงียบอยู่ 

 

 

“ข้า จินเหยียน เรย์มอนด์ ข้าขอสาบาน ณ ที่แห่งนี้ว่าข้าจะปกป้องแคลร์ ฮิลล์อย่างซื่อสัตย์ภักดีไปตลอดชีวิตนี้ ข้าจะยังเป็นเหมือนเดิมตลอดชีวิต และไม่มีวันทิ้งหรือหายไปไหน” ทันใดนั้น จินเหยียนคุกเข่าลงข้างหนึ่ง มือขวากำหมัดแล้วชกเข้าที่หน้าอกของเขาเอง และมองไปที่แคลร์ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังผิดปกติเพื่อกล่าวสาบาน 

 

 

แคลร์มองไปที่จินเหยียนอย่างเย็นชา ส่วนจินเหยียนคุกเข่าข้างหนึ่งและมองไปยังหญิงสาวที่ไม่แยแสตรงหน้าด้วยดวงตาแน่วแน่ 

 

 

บรรยากาศในห้องหนังสืออึดอัด หายใจแทบไม่ออกราวกับว่าถูกแช่แข็ง 

 

 

ไม่มีใครพูดอะไร มีเพียงลมหายใจเท่านั้น 

 

 

“ข้าหวังว่าเจ้าจะรักษาสัญญา” น้ำเสียงเย็นชาของแคลร์ดังขึ้นอย่างเฉยเมย 

 

 

ทั้งกอร์ตั้นและองค์ชายสองต่างถอนหายใจโล่งอก ยังดีที่แคลร์ยกโทษให้อัศวินของนางแล้ว 

 

 

“ท่านปู่ ข้าจะกลับห้องไปพักผ่อนก่อน” แคลร์หันไปกล่าวลากอร์ตั้น 

 

 

“อืม เจ้าพักผ่อนให้ดีนะ” กอร์ตั้นพยักหน้าอย่างรักใคร่ แคลร์หันหลังและโค้งคำนับเล็กน้อยให้องค์ชายสองแล้วเดินจากไป ไม่มีใครสังเกตเห็นแววตาลึกซึ้งหลังจากที่แคลร์หันและเดินไปแล้ว 

 

 

ประตูห้องหนังสือปิดลง กอร์ตั้นถอนหายใจยาว 

 

 

“ท่านดยุกฮิลล์ เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ข้ามีส่วนต้องรับผิดชอบอย่างไม่อาจผลักออกไปจากตัวได้” สีหน้าขององค์ชายดูจริงจัง 

 

 

“ไม่หรอก องค์ชายสอง” กอร์ตั้นส่ายหัวเบาๆ ราวกับว่าเขาไม่อยากพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มากไปกว่านี้ “ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว อย่ากังวลมากเกินไปเลย” 

 

 

องค์ชายพยักหน้า แต่สายตาลึกล้ำ ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ 

 

 

“จินเหยียน เจ้าไปรักษากับนักเวทย์ผู้รักษาเถอะ” กอร์ตั้นหันไปพูดเบาๆ กับจินเหยียนที่กำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้น 

 

 

“ครับ ท่านดยุก” จินเหยียนลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป ที่พื้นรอยเลือดชัดเจนอยู่ 

 

 

“ท่าดยุกฮิลล์ ข้าขอกล่าวลาเช่นกัน” องค์ชายพยักหน้าแล้วพูดเบาๆ 

 

 

“ข้าไม่ไปส่งฝ่าบาทนะ” กอร์ตั้นดูค่อนข้างเหนื่อย เรื่องที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะจัดการเรียบร้อยแล้ว แต่เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ ทั้งสองเป็นหลานสาวที่รักของตนเอง ต่างก็เป็นความหวังในอนาคตของตระกูลฮิลล์ แต่กลับเกิดเรื่องความขัดแย้งรุนแรงเช่นนี้ ถ้าแก้ไขไม่ได้ เช่นนี้ต่อไปก็จะยิ่งยุ่งยาก กอร์ตั้นขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด เรื่องนี้เขาไม่ได้บอกแคทเธอรีนผู้เป็นแม่ของพวกนางสองคน ถ้าแคทเธอรีนรู้เข้า ก็ไม่รู้ว่าจะปวดหัวขนาดไหน 

 

 

หลังจากที่องค์ชายสองกล่าวลากอร์ตั้นแล้ว เขาก็ออกไปกับจินเหยียน 

 

 

จินเหยียนได้รับการรักษาจากนักเวทย์ผู้รักษาแล้ว อาการบาดเจ็บที่ต้นขาของเขาดีขึ้นอย่างรวดเร็ว แค่พริบตาก็ผสานกันแล้ว 

 

 

กลางดึก รถม้าขององค์ชายยังจอดอยู่ในซอยห่างไกล 

 

 

“คืนนี้ทำอะไรหยาบเกินไปหน่อยหรือเปล่า?” องค์ชายพูดเสียงเบา 

 

 

ความเงียบงันเกิดขึ้นในรถม้า 

 

 

หลังจากนั้นไม่นานเสียงก็ดังขึ้นเบาๆ 

 

 

“ชั่วพริบตานั้น ข้ารู้สึกว่าหัวใจของข้าถูกนางพรากไป” เสียงนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่คือจินเหยียนนั่นเอง! 

 

 

องค์ชายเงียบลง แต่หัวใจของเขากลับสับสนมากขึ้น ไม่เพียงแต่จินเหยียน แต่ที่จริงก็รวมถึงเขาด้วย เขารู้สึกว่าเขาได้สูญเสียตัวเองในขณะนั้นด้วย คืนนี้แคลร์ดูมีประกายแพรวพราวยิ่งกว่าดวงอาทิตย์เสียอีก 

 

 

“นางไม่ใช่แคลร์คนเก่าอย่างแน่นอน” จินเหยียนพูดอย่างเคร่งขรึม 

 

 

“ไม่ใช่อย่างแน่นอน” องค์ชายพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง 

 

 

“มารอดูกันว่านางคู่ควรกับคำสาบานของข้าหรือไม่” ดวงตาของจินเหยียนเปล่งประกายแปลกๆ ออกมา 

 

 

องค์ชายเงียบ จากนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย 

 

 

“เจ้ากลับไปพักผ่อนให้เต็มที่” องค์ชายชี้ไปที่อาการบาดเจ็บของจินเหยียน 

 

 

“ไม่มีอะไรร้ายแรง” จินเหยียนพูด 

 

 

“อืม ข้ากลับแล้ว คนจะได้ไม่สงสัย” 

 

 

กลางดึกที่เงียบสงัด 

 

 

แคลร์นอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าที่เย็นชา ระยะห่างระหว่างนางกับราเซียนั้นใหญ่มาก คราวนี้ถ้าไม่ใช่เพราะราเซียไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้จริงๆ คนที่ตายอาจเป็นนางเองก็ได้ แต่เรื่องนี้ทำให้นางได้รับความภักดีจากจินเหยียน หึ! แคลร์ส่งเสียงเบาๆ การที่นางทำแบบนั้นกับจินเหยียนต่อหน้ากอร์ตั้นนั้นก็เพราะตอนนี้นางอ่อนแอเกินไป ก่อนที่นางจะแข็งแกร่ง นางต้องมีบุคคลที่ซื่อสัตย์ที่สุดเพื่อปกป้องนางให้ดีที่สุด และจินเหยียนก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด 

 

 

นางจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น เพราะอำนาจต้องมาจากความเข้มแข็ง 

 

 

แคลร์ลุกขึ้นนั่งแล้วเข้าสู่การทำสมาธิ 

 

 

ในเวลานี้ เสียงเคาะเบาๆ ดังขึ้นที่หน้าต่าง 

 

 

แคลร์ลืมตาขึ้นช้าๆ ใครมาเคาะหน้าต่างแทนที่จะเข้าทางประตูกัน? แคลร์ลุกขึ้นลงจากเตียงแล้วเปิดหน้าต่าง ด้านนอกหน้าต่างคือชายที่มีเสื้อคลุมปิดบังใบหน้า แต่แคลร์กลับยิ้ม เพราะคนนี้คืออูมารินั่นเอง 

 

 

“ท่านอาจารย์ ดึกขนาดนี้ท่านมีเรื่องอะไรหรือ?” แคลร์ถามพร้อมหันตัวไปด้านข้างเพื่อให้คนที่อยู่นอกหน้าต่างเข้ามา นางรู้ ว่าอูมาริมาหานางดึกขนาดนี้ แถมยังไม่เข้าทางประตูหน้า เขาจะต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ 

 

 

“แคลร์ ข้าได้ยินเรื่องคืนนี้แล้ว” อูมาริถอดเสื้อคลุมออกหลังจากเข้ามาในห้องแล้ว เขาเผยให้เห็นใบหน้าของเขาซึ่งปกติเรียบเฉย แต่คราวนี้ดูเต็มไปด้วยความกังวลอย่างแท้จริง 

 

 

“ข้าไม่เป็นไร ท่านอาจารย์ ท่านก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือ? ตอนนี้ข้าก็สบายดีและยืนอยู่หน้าท่าน” แคลร์ยิ้มและยักไหล่เพื่อบอกว่านางไม่เป็นไร 

 

 

“แต่ว่า เจ้าก็เกือบตาย” ใบหน้าของอูมาริดูไม่ดีเลย ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สถานการณ์ชัดเจนแล้ว 

 

 

ก็จริง ถ้าไม่ใช่เพราะแคลร์หลอกราเซียว่าดยุคกอร์ตั้นมา เกรงว่าแคลร์อาจจะกลายเป็นศพไปแล้ว แม้ราเซียจะถูกลงโทษหลังเกิดเรื่องอย่างไร ก็ไม่ช่วยอะไรขึ้นมา 

 

 

“ข้ายังมีชีวิตอยู่ ท่านอาจารย์ ไม่ต้องกังวล ข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไป” แคลร์ยิ้มอย่างมั่นใจ 

 

 

“สิ่งนี้ข้าให้เจ้า เจ้าสามารถฉีกมันออกจากกันได้ในช่วงเวลาคับขัน ส่วนสถานที่ข้าตั้งไว้ในห้องลับของบ้านข้า มันเป็นสถานที่เงียบสงบและปลอดภัยมาก” อูมาริหยิบม้วนหนังสือส่งให้แคลร์ 

 

 

แคลร์งง เพราะคำพูดของอูมาริบ่งบอกว่าสิ่งนั้นดูเหมือนจะเป็น…แคลร์รับมาดูแล้วก็ตกใจอย่างมาก นี่คือคัมภีร์เวทย์เคลื่อนย้ายจริงๆ! นางเห็นในหนังสือภาพประกอบวัตถุเวทย์ในห้องสมุดของโรงเรียนมาก่อน แคลร์จึงจำได้ในพริบตา ความล้ำค่าของสิ่งนี้วัดด้วยเงินไม่ได้เลย! เพราะสิ่งล้ำค่าเช่นนี้ไม่สามารถซื้อได้แม้ว่าจะมีเงินก็ตาม สิ่งนี้เทียบเท่ากับการทำให้คนมีสองเส้นชีวิต ดังนั้นคนที่มีม้วนคัมภีร์นี้จะไม่ส่งต่อให้ใครอย่างง่ายดาย เห็นได้ชัดว่าสิ่งล้ำค่าเช่นนี้ไม่สามารถสร้างขึ้นในระดับของอูมาริได้ ดังนั้นนางพอคิดว่าเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้มา แต่ตอนนี้กลับมามอบให้กับแคลร์อย่างง่ายดาย! แคลร์ก็รู้สึกซาบซึ้งอย่างมาก 

 

 

“ไม่! ท่านอาจารย์ นี่มันล้ำค่าเกินไป ท่านเก็บไว้ใช้ในยามที่ตัวท่านอยู่ในเวลาคับขันจะดีกว่า” แคลร์ส่ายหัวและส่งม้วนคัมภีร์คืนให้อูมาริ 

 

 

“แคลร์ ฟังข้านะ เจ้ารับมันไว้ ข้ามีลางสังหรณ์ว่าเจ้าจะใช้สิ่งนี้ได้ดีกว่าข้า ตามใจข้าเถอะ” อูมาริยืนกราน 

 

 

“ท่านอาจารย์…” แคลร์ซาบซึ้งใจมาก เมื่ออูมาริรู้ว่านางเจอกับเรื่องอันตรายก็มอบของขวัญล้ำค่าเช่นนี้ให้ ความปรารถนาดีเช่นนี้ นางจะจดจำอยู่ในใจตลอดไป แคลร์สาบานอย่างลับๆ ในใจ 

 

 

“ดึกแล้ว พักผ่อนดีๆ นะ ข้าจะออกไปแล้ว เมื่อเจ้ามีเวลา ข้าจะสอนเวทมนตร์อื่นๆ ให้ เพียงแค่โล่ไฟยังไม่เพียงพอหรอก” อูมาริเปิดหน้าต่างแล้วออกไป จากนั้นเขาก็หายวับไปจากสายตาแคลร์ 

 

 

แคลร์ยังคงบีบม้วนคัมภีร์ล้ำค่าในมือของนาง หัวใจของนางรู้สึกอบอุ่น 

 

 

เรื่องระหว่างแคลร์และราเซีย มีเพียงดยุกกอร์ตั้น องค์ชายสอง จินเหยียนและผู้ที่กอร์ตั้นไว้ใจเท่านั้นที่รู้ เพราะคนอื่นๆ ไม่มีใครรู้ พอราเซียไม่ปรากฏตัวที่โรงเรียนเป็นเวลาหลายวัน ในที่สุดก็มีคนอดไม่ได้ที่จะถามแคลร์ ในเวลานี้แคลร์จึงได้รู้ว่าราเซีย สาวอัจฉริยะไม่เพียงแต่ได้รับการสนับสนุนจากเด็กสาวสูงศักดิ์เหล่านั้นเท่านั้น แต่ยังมีชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ตามจีบมากมาย แม้ว่าราเซียจะอายุเพียงสิบสองปี และยังห่างจากพิธีมงคลถึงสี่ปี แต่นางก็มีหน้าตาสวยงามเป็นที่ประทับใจ แถมไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องภูมิหลังว่าอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนรักนางมาก ผู้สนับสนุนที่ทรงพลังเช่นนี้ จะไม่ดึงดูดความสนใจของผู้คนได้อย่างไร? 

 

 

หลังเลิกเรียนแคลร์นั่งอยู่คนเดียวบนม้านั่งริมทะเลสาบของโรงเรียนโดยนึกถึงเนื้อหาการบรรยายของอาจารย์ในชั้นเรียนไปด้วย ชายและหญิงผู้สูงศักดิ์หลายคนที่อยู่ไม่ไกลมองมาที่นาง 

 

 

หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจเดินไปหาแคลร์ เหล่าหญิงชนชั้นสูงเดินอยู่ข้างหน้า ในขณะที่ชายสองสามคนกลับเดินตามหลัง ดูท่าคงกลัวว่าแคลร์จะกลืนพวกเขาทั้งเป็น 

 

 

………………………………………………………………………………….