บทที่ 12 ความเดือดดาลของหลี่มู่ ProjectZyphon
พวกเขาต่างเหงื่อตก เมื่อตระหนักได้ว่ากลุ่มอิทธิพลของตนเมินเฉยขุนนางเมืองหนุ่มผู้นี้เป็นการรนหาที่ตายที่บ้าบิ่นเพียงใด ก็ทำเอาตกใจกันแทบวิญญาณหลุดลอย ในความคิดพวกเขา คนแบบนี้จะเหมือนลูกพลับที่บีบได้อย่างง่ายดายที่ไหนกัน นี่มันคนโหดเหี้ยมที่พรางตัวเป็นหมูเพื่อกินเสือเสียมากกว่า
ในครั้งนี้พรรคเสินหนงเตะแผ่นเหล็กเข้าอย่างจัง[1]
จะจบลงอย่างไรก็อยู่ที่ท่านซือคงจิ้งแล้วกระมัง
ตู้ม!
หลี่มู่กระแทกเท้าไปที่เสาหินอีกต้น
เสาหินขนาดสองคนโอบทลายลงราวกับเป็นเพียงแค่แป้งสาลี
เศษหินปลิวว่อนราวกับฝนตก ทับแมลงพิษที่คลานอยู่บนพื้นจนเละเป็นเนื้อสีสันต่างๆ คนพรรคเสินหนงที่ควบคุมแมลงก็ต่างกรีดร้องแล้วล่าถอยไป
หลี่มู่ทะยานขึ้นไปอีกครั้งดุจสัตว์ดึกดำบรรพ์ในร่างคน มุ่งหน้าไปทางส่วนลึกของป่าหินพรรคเสินหนง
“ช่วยคนก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
เขามองหาเจ้าทุกข์จางหลี่และฉินเอ๋อร์
ตู้ม
เสียงระเบิดดังลั่นมาจากกลางป่าหิน เสาหินหลายต้นพังทลายลงจนเกิดฝุ่นควันปกคลุมทั่วฟ้า มีเสียงร้องเจ็บปวด โหยหวน และตื่นตระหนกดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย
เสมือนมีเสือบุกเข้าไปอยู่ในเล้าไก่ก็ไม่ปาน
หลังจากนั้นไม่นาน….
“พวกเจ้า…ทำเรื่องเช่นนี้อย่างไม่เกรงกลัวฟ้าดิน สมควรตาย พวกเจ้าจงตายซะให้หมด!”
เสียงตะโกนจากหลี่มู่ที่โมโหจนเกือบถึงขีดสุดราวกับสายฟ้าฟาด ดังสนั่นมาจากส่วนลึกของป่าหิน
จากนั้นก็มีเสียงร้องโหยหวนอย่างหวาดกลัวและเสียงร้องขอความเมตตาของศิษย์พรรคเสินหนงดังตามมา
ไม่นาน กลิ่นคาวเลือดฉุนจมูกก็ลอยออกมาจากส่วนลึกของป่าหิน
มีคนจำนวนไม่น้อยถูกปลิดชีพ
หลี่มู่ดื่มด่ำกับการเข่นฆ่า
หม่าจวินอู่ที่ยืนอยู่ภายนอกมองเหตุการณ์นั้นจากระยะไกล เขาก็คาดเดาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
ตอนที่พรรคเสินหนงก่อตั้งขึ้นแรกๆ เป็นการรวมตัวกันของนักสมุนไพรและชาวไร่ที่ปลูกสมุนไพร ซึ่งทำไปเพื่อความอยู่รอดเท่านั้น นับว่าเป็นกลุ่มธรรมดาเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง จากนั้นจึงค่อยๆ ยิ่งใหญ่ขึ้น เมื่อมีอาชญากรมากมายเข้าร่วมก็เริ่มขยายใหญ่ ครั้นประมุขพรรคคนปัจจุบันเข้ามาก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เข้าสู่ด้านมืดอย่างรวดเร็ว
หลายปีที่ผ่านมา พรรคเสินหนงเปรียบเหมือนโรคร้ายในอำเภอเมืองขาวพิสุทธิ์ก็ว่าได้ พวกเขาทำเรื่องชั่วร้ายแทบทุกอย่าง หลายปีนี้มีหญิงสาวจำนวนหนึ่งหายไปอย่างไร้ร่องรอย หลักฐานล้วนชี้มาทางพรรคนี้ ว่ากันว่าพวกนางถูกลักพาตัวมายังฐานที่มั่นพรรคเสินหนงให้เหล่าศิษย์พรรคเสินหนงกระทำการหยามเกียรติ ซ้ำประมุขพรรคเสินหนงใช้คนทดลองยาเพื่อฝึกวิชาพิษ และเลี้ยงแมลงพิษด้วยตับและหัวใจคนเป็น พูดได้ว่าเหี้ยมโหดมาก
นอกจากศิษย์พรรคเสินหนงและแขกผู้มาเยือน ผู้อื่นหากโดนจับไปก็มีเพียงหนทางแห่งความตาย
ครั้งนี้ จางหลี่และลูกสาวถูกจับมายังฐานที่มั่น จะต้องตายอย่างแน่นอน
หม่าจวินอู่ดูออกว่าท่านขุนนางเมืองไม่ใช่พวกโหดเหี้ยม ก่อนนี้บุกเข้าพรรคเสินหนงก็เพียงเพราะจะช่วยคน นอกจากตัดหัวจตุรเทพที่ฆ่าองครักษ์จางหรู ก็ไม่ได้สังหารหมู่ศิษย์ธรรมดาในพรรค แต่ในเวลานี้คาดว่าคงเห็นสภาพราวนรกในส่วนลึกของป่าหิน ทั้งยังเห็นศพเจ้าทุกข์ จึงคลุ้มคลั่งลงมือฆ่าฟันเช่นนี้
เสียงร้องน่าเวทนาดังออกมาจากส่วนลึกของป่าหินพรรคเสินหนง
ผู้คนที่เฝ้าดูอยู่ภายนอกต่างขนลุกขนพองไปตามๆ กัน
ขุนนางเมืองหนุ่มคลุ้มคลั่งไปแล้ว
……
“อะไรนะ?”
ผู้ช่วยขุนนางเมืองโจวอู่ลุกขึ้นยืนด้วยความตกตะลึง ถ้วยชาลายครามสีแดงในมือร่วงลงสู่พื้นจนแตกเป็นชิ้นๆ
“ใต้เท้า หลี่มู่เป็นจอมยุทธ์ยอดฝีมือเข้าขั้นน่าหวาดกลัว เพียงดาบเดียวก็จัดการพรรคเสินหนงจนราบคาบ จตุรเทพร่วมมือกันก็ไม่รอดเงื้อมมือหลี่มู่ที่ออกแรงเพียงสี่ท่า หนึ่งดาบหนึ่งคน ทั้งหมดโดนสะบั้นคอขาดไปแล้ว…” ผู้ที่วิ่งกลับมารายงานคือข้ารับใช้สกุลโจว อยู่ในสภาพหอบตัวโยน ใบหน้ายังคงขาวซีดด้วยความกลัว ขณะที่พูดก็ยังรู้สึกขนลุกซู่
“เป็นไปได้อย่างไร? เจ้า…ดูผิดไปหรือเปล่า” น้ำเสียงโจวอู่พลันแหบแห้งลงเล็กน้อย ในใจเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีขึ้น
“ไม่ผิดแน่ขอรับ” ข้ารับใช้กระหืดกระหอบ คล้ายยังไม่หลุดพ้นจากความน่าสะพรึงกลัวก่อนหน้านี้
โจวอู่ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ สีหน้าย่ำแย่ประหนึ่งกินหนูตาย พูดไม่ออกแม้เพียงครึ่งคำ
อีกด้าน นายทะเบียนเฝิงหยวนซิงโบกมือให้สัญญาณว่าไปสืบมาเพิ่ม
เมื่อข้ารับใช้ออกไป เฝิงหยวนซิงยืนขึ้น ยกมือคำนับแล้วกล่าวว่า “ใต้เท้า พวกเราคาดการณ์ผิดพลาด เจ้าหลี่มู่ผู้นี้มุ่งร้าย หวังจะแสร้งทำเป็นหมูเพื่อกินเสือ ก่อนหน้านี้พวกเราถูกมันหลอกเข้าแล้ว พวกเราต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไรเป็นการด่วน เชื่อว่าเรื่องนี้จะแพร่ไปทั่วทั้งอำเภอเมืองอย่างรวดเร็ว จากนั้นทุกฝ่ายก็จะเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อหลี่มู่”
โจวอู่พยักหน้า แต่ยังคงพูดอะไรไม่ออก
หากหลี่มู่เป็นเพียงเหวินจิ้นซื่อ ไม่มีอะไรน่ากังวล แค่ถอยหลังหนึ่งก้าว หากหลี่มู่เป็นเพียงยอดฝีมือก็คงไม่ถึงตาย แต่ปัญหาในตอนนี้คือหลี่มู่ไม่เพียงเป็นยอดฝีมือที่น่าหวั่นเกรง แต่ยังดำรงตำแหน่งขุนนางเมือง สองสิ่งนี้รวมเข้าด้วยกันแล้วช่างน่ากลัวยิ่งนัก
ในจักรวรรดิฉิน แม้ว่าขุนนางเมืองจะเป็นขุนนางฝ่ายบริหารที่มีอิสระในตำแหน่งต่ำสุด แต่ก็มีอำนาจตัดสินใจเด็ดขาด ด้านการทหารและการปกครองอยู่ภายใต้การควบคุมของขุนนางเมือง ถึงแม้บ้านสกุลโจวเป็นใหญ่ในอำเภอขาวพิสุทธิ์ ทว่าเมื่อเปรียบเทียบในมุมมองที่อำนาจและพลังรวมกัน ก็เสียเปรียบมากแล้ว
………..
ในเวลาเดียวกัน
นายตรวจการเจิ้งหลงซิงนั่งหน้าเคร่งเลื่อนลอยอยู่ในห้องลับ
อารมณ์บนใบหน้ายังไม่จางหายไปหมด
ผู้ที่คิดไปเองว่าควบคุมทุกอย่างเอาไว้แล้วอย่างเจิ้งหลงซิงได้รับแรงกระทบเป็นอย่างมาก เขาพลันรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวตลก แอบอยู่ในมุมมืดและวางแผนทุกอย่างเอาไว้ แต่แท้จริงแล้วก็ถูกปั่นหัวในกำมือขุนนางเมืองหนุ่มคนนั้น
เจิ้งหลงซิงเข้าใจในทันที ในช่วงที่ผ่านมาขุนนางเมืองเก็บตัวอยู่ด้านหลังที่ว่าการไม่ใช่เพราะกลัวโดนสังหารหรือไม่กล้าพบผู้คน แต่จริงๆ แล้วเขาไม่ได้สนใจว่าผู้คนจะคิดอย่างไร พวกเขาไม่ได้อยู่ในสายตาเลยต่างหาก
เขานึกเสียใจภายหลังยิ่งนัก
การลอบสังหารครั้งแรกของพรรคจันทราโลหิตล้มเหลว เขารับรู้ข่าวสารแต่กลับมองข้าม และตัดสินพลังของหลี่มู่ผิดไป
ก้าวผิดหนึ่งก้าว ก้าวที่สองก็ผิดตาม
ตอนนี้จะทำอย่างไรดีล่ะ?
เสือขี้เกียจและไร้พิษสงถูกกระตุกหนวดจนกลายร่างเป็นสัตว์ร้ายกระหายเลือดกินคน ไร้หนทางจะควบคุมได้แล้ว
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะเขาเอง
“ไม่ได้ ข้าต้องรีบแล้ว” เจิ้งหลงซิงที่นั่งนิ่งอยู่นานดึงสติกลับ กระตือรือร้นขึ้นมา ผลุงตัวขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “ทหาร ถ่ายทอดคำสั่งลงไป เตรียมม้าและไพร่พลไปสนับสนุนท่านขุนนางเมือง”
……
หลี่มู่กำลังโกรธเกรี้ยว
โกรธมากๆ
เขารู้สึกคล้ายว่าในอกเต็มไปด้วยความร้อนรุ่ม ใกล้จะระเบิดออกมา
ภาพดุจนรกบนดินที่เห็นในฐานที่มั่นพรรคเสินหนงแล่นผ่านในความคิดเขาไม่หยุด
นางจางหลี่และฉินเอ๋อร์แม่ลูกตายในสภาพเปลือยเปล่า…
แม่ลูกที่กำลังรอความเป็นธรรมถูกคนของพรรคเสินหนงทรมานจนตายด้วยวิธีที่โหดร้ายที่สุด
นอกจากแม่ลูกคู่นี้ หลี่มู่เห็นศพไร้นามอีกมากมาย เหมือนฆ่าวัวฆ่าแกะแล้วโยนไว้ในพื้นที่ว่างของป่าหิน ศิษย์พรรคเสินหนงบางคนต้มเนื้อมนุษย์ไว้เลี้ยงงูและสัตว์ร้าย ใบหน้าของพวกเขาเรียบเฉยเหมือนเป็นเรื่องที่เคยชินไปแล้ว…
ยังมีบางคนมีสภาพเหมือนสัตว์ ถูกขังไว้ในที่คล้ายคอกหมู ไม่รู้ว่าโดนขังมานานเท่าไหร่แล้ว สีหน้าดูเฉยชา ร่างผมโซและเต็มไปด้วยรอยบาดแผล พวกเขาล้วนพิการ แววตาเลื่อนลอย ไม่มีความโกรธสักนิด ราวกับเป็นแกะที่เฝ้ารอเวลาไม่มีผิด
ฐานที่มั่นพรรคเสินหนง แท้จริงก็คือโรงเชือดของอสูร
หลี่มู่ถูกทุกอย่างนี้กระตุ้นให้ปลดปล่อยแรงโกรธออกมา
ดวงตาของเขาลุกโชนด้วยเพลิงโทสะ ในสมองมีความคิดเพียงอย่างเดียว…
ฆ่า!
ฆ่าล้างสัตว์ร้ายในคราบคนพวกนี้ให้สิ้น
ดาบองครักษ์ชำรุดไปนานแล้ว เขาจึงกระโจนเข้าไปกลางวงศิษย์พรรคเสินหนง ส่งทั้งหมัดและฝ่ามือเข้าใส่ จัดการสังหารกลุ่มสัตว์เดรัจฉานด้วยแรงมหาศาล วาดเท้าครั้งหนึ่งเตะเสาหินลอยกระเด็น ท่ามกลางเสียงดังกระหึ่ม ก้อนหินพังทลายลง ไม่รู้ว่าศิษย์พรรคเสินหนงตายไปแล้วกี่คน หูของเขาได้ยินแต่เสียงโหยหวนร้องขอชีวิตไม่ขาดสาย แต่หลี่มู่กลับไม่ใจอ่อนเลยสักนิด
ภายใต้การระเบิดพลังกายอันน่ากลัว ภายในพรรคเสินหนงไม่มีศัตรูเหลืออยู่สักคน
ที่น่ากลัวไปกว่านั้นก็คือ จอมยุทธ์ขั้นรวมกำลังและขั้นรวมปราณไม่สามารถหยุดยั้งหลี่มู่ที่ปล่อยหมัดตามใจในยามโกรธได้เลย
เขามุ่งหน้าไปในส่วนลึกของป่าหินพรรคเสินหนงเหมือนเสือล่าฝูงแกะ อานุภาพเกินต้านทาน
ในถ้ำหินที่อยู่ตรงส่วนลึกของป่าหิน
บรรยากาศหนักอึ้งเกินบรรยาย
ประมุขพรรคซือคงจิ้งมีสีหน้าคร่ำเคร่ง เปลี่ยนมาสวมเกาะอ่อนสีดำเรียบร้อย คนพรรคเสินหนงที่มีตำแหน่งสูงหลายสิบชีวิตเตรียมอาวุธครบครัน ศิษย์เหล่านี้เป็นผู้คุ้มกฎที่แข็งแกร่งที่สุดในพรรคเสินหนง รวมทั้งเป็นมือสังหารไร้จิตใจที่ซือคงจิ้งฟูมฟักขึ้นในหลายปีนี้ มีพลังการต่อสู้ดุจกองทัพทหาร
นี่เป็นไพ่ตายที่แท้จริงของพรรคเสินหนง
“สิ้นสุดแล้ว พรรคเสินหนงจบสิ้นลงแล้ว ย่อยยับแล้ว…”
ซือคงจิ้งหลั่งเลือดในใจ
สิ่งที่ทุ่มเทแรงใจทำมายี่สิบกว่าปี ยามนี้กำลังมลายหายไป เหมือนกับการเฉือนเนื้อของเขาออก
ซือคงจิ้งรู้แจ้งแก่ใจดีว่าหากฐานที่มั่นถูกทลายราบคาบ สถานะของเขาจากประมุขพรรคจะกลายเป็นอาชญากรที่มีรางวัลนำจับ เจิ้งหลงซิงไม่มีอำนาจพอจะปิดบังเรื่องนี้ได้ หลังจากนั้นเขาคงเหลือเพียงเส้นทางที่ต้องหนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว ความรุ่งเรืองและทรัพย์สินตลอดยี่สิบปีสลายเป็นควันทันตา
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะขุนนางเมืองผู้นี้คนเดียว
“ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็ถูกทางการหมายหัวตามล่า ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ฆ่าขุนนางเมืองผู้นี้เสีย ระบายความโกรธออกไป แค้นที่ทำลายพรรคของข้า ไม่ขออยู่ร่วมฟ้าด้วย!”
ความชั่วร้ายภายในใจซือคงจิ้งทวีความรุนแรงขึ้น
“พี่น้องทั้งหลาย ออกไปกับข้า ล้างแค้นให้พี่น้องของเรา ใครที่กล้าลบหลู่พรรคเสินหนงจะต้องตาย”
เขาตะโกนลั่น เรียกขวัญกำลังใจ เตรียมพาคนพุ่งทะยานออกไปจากถ้ำหิน
ยังไม่ทันสิ้นเสียงดี
ตู้ม!
ที่ประตูใหญ่ของถ้ำหินเกิดเสียงดังลั่น
มีคนทุบประตูอยู่ภายนอก ทำให้ภายในถ้ำสั่นไหวจนมีหินและดินตกลงมาจากบนเพดาน
………………………….
[1] เตะแผ่นเหล็ก ในที่นี้เปรียบเปรยถึงการเจอคนที่นึกว่ารังแกง่าย แต่ที่แท้อีกฝ่ายฝีมือร้ายกาจกว่า