ตอนที่ 461 คะนึงหา อย่าลืมข้า

ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods

มู่ยิ่งเสว่ซึ่งอยู่ในชุดดำ ตะลึงไป นางกำถุงหอมในมือไว้อย่างแน่นแฟ้น จากนั้นก็พลันระเบิดน้ำตาออกมา

นางและฉินมู่เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่พบพานกันโดยบังเอิญ การที่จะกล่าวถึงความรู้สึกลึกล้ำอะไรนั่นเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งเพ ในตอนนั้น นางเพียงแค่มีความประทับใจแง่บวกต่อเขาเท่านั้น และรู้สึกว่ารูปร่างหน้าตาของเขาก็ไม่เลว เขายังมีบุคลิกลักษณะอันสง่างามที่สอดคล้องกับรสนิยมของนางอีกด้วย

สำหรับอาจารย์พิษแล้ว ยากนักที่จะหาชายซึ่งมีวาสนาผูกพันกับนางได้ ส่วนใหญ่แล้วก็จะกลัวนางจนแทบตาย หรือไม่ก็ตายเพราะถูกนางวางยาพิษไปหมด

แต่ฉินมู่เป็นผู้ที่สามารถรับตัวตนของนางได้

ผู้คนแห่งแผ่นดินตะวันตก เคารพนับถืออาจารย์พิษ แต่ไม่มีใครกล้ารักพวกนาง

มีอาจารย์พิษรุ่นก่อนๆ จำนวนไม่น้อยที่แก่ตายอย่างเดียวดาย พวกนางมีนิสัยใจคอประหลาด และวิธีการก็อำมหิต ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่จะไม่มีใครกล้ารักใคร่พวกนาง

ฉินมู่ได้เก็บรักษาถุงหอมที่นางมอบให้เขา ถั่วแดงกำนั้น และได้นำมันติดตัวมาด้วยเมื่อมายังเมืองขุนเขาสายฟ้าแห่งแผ่นดินตะวันตกเพื่อตามหานาง มู่ยิ่งเสว่ได้กล่าวว่านางรู้ว่าเขามิได้มาหานาง แต่เมื่อนางมองไปยังถุงบรรจุถั่วแดงพวกนั้น ด้านที่อ่อนแอในเบื้องลึกหัวใจนางก็ถูกแตะต้อง

คนแปลกหน้าอาจพบพานโดยบังเอิญ มีความคะนึงหากันและกันโดยไม่รู้ตัว

ฉินมู่มิได้มายังแผ่นดินตะวันตกเพียงเพราะแผนการของจักรพรรดิและราชครู แต่ก็เพราะเขามีนางในหัวใจด้วย

เด็กโง่ เดินทางหมื่นลี้เพื่อคนแปลกหน้า มันคุ้มค่าแล้วหรือ

แต่ทว่า ฉินมู่ดูจะเป็นคนเช่นนั้น เขาและเสียงซีอวี่เป็นคนแปลกหน้าที่พบพานกันโดยบังเอิญ แต่เขาก็ยังไล่ตามทวงความยุติธรรมให้กับนางโดยไม่มีความคิดเป็นอื่น เขาช่วยชีวิตแม่ลูกคู่นี้ไว้โดยไม่ลังเลที่จะผลักตนเองเข้าไปในอันตราย

ธุระเรื่องราวของเสียงซีอวี่และธิดาไม่เกี่ยวข้องกับเขาเลยแม้แต่น้อย แต่เขาก็ยังกระทำมัน เขาถึงกับพาเสียงฉีเอ๋อกลับมายังแผ่นดินตะวันตก เพื่อทวงถามความเป็นธรรมให้พวกนาง

แม้ว่ามันจะเป็นความคิดของจักรพรรดิและราชครูที่ปะปนมาด้วย แต่มู่ยิ่งเสว่มั่นใจว่าเป้าหมายของเด็กโง่งมผู้นี้นั้นก็เพื่อตามหาความยุติธรรมให้สองแม่ลูก

การตัดสินใจอันทื่อมะลื่อในสายตาของคนอื่น เป็นจรรยาบรรณของเด็กโข่งผู้นั้น และเป็นหลักการอันมิอาจฝ่าฝืน

การศึกษาหลักการเบื้องหลังเพื่อแสวงหาความรู้ นั้นก็คือการที่ความรู้และการกระทำเป็นหนึ่งเดียว

โดยการศึกษาบางอย่างหรือบางวิชาชีพไปจนถึงที่สุด นั้นก็คือการศึกษาหลักการเบื้องหลังเพื่อแสวงหาความรู้

แต่ทว่า มันไม่จำเป็นที่จะต้องมาจากหัวใจของคนคนนั้น

หัวใจและจิตคิดเป็นหนึ่ง ก็ไม่จำเป็นที่จะแตกต่างไปจาก ความรู้และการกระทำเป็นหนึ่ง

มันคือสัญญาณของผู้บรรลุขั้นปรมาจารย์

มู่ยิ่งเสว่ตกตะลึง

ครั้งแรกที่พวกเขาพบกัน พวกเขาเป็นศัตรูที่ชื่นชมความสามารถซึ่งกันและกัน นางได้พ่ายแพ้ไปในตอนนั้น วิชาพิษของนางพ่ายแพ้ให้แก่ของเขา และนางก็ชื่นชมเด็กโข่งผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง แม้ว่านางจะกำนัลถั่วแดงและขโมยจูบของเขา แต่นั่นก็ยังมิใช่ความรัก

แต่ในการพบกันคราวนี้ มิใช่วิชาพิษที่นางมองเห็น แต่เป็นนิสัยใจคอของเขา

นิสัยใจคอของฉินมู่ได้เอาชนะหัวใจของนาง

เรื่องราวของตระกูลเสียงมีสาเหตุมาจากนาง มันเป็นยาพิษของนางที่ได้ล้มยอดฝีมือมากมายแห่งตำหนักสวรรค์แท้ และบ่อนทำลายวรยุทธของพวกเขา นั่นแหละตระกูลอวี้จึงสามารถเข้ายึดครองตำหนักสวรรค์แท้ได้สำเร็จในรวดเดียว

โดยปราศจากเสาหลักทั้งหลายของตระกูลเสียง พวกเขาก็พ่ายแพ้ ความตายอันน่าสังเวชของผู้คนมากมายในเวลานั้น ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับนาง

เรื่องราวของตระกูลเสียงเกิดขึ้นจากข้า ดังนั้นข้าไม่อาจปล่อยให้หนุ่มน้อยของข้าไปแบกรับความรับผิดชอบแทนข้าได้!

มู่ยิ่งเสว่เงยหน้าขึ้น และความมั่นใจก็ไหลบ่าเข้ามาในตัวนางอีกครั้งเมื่อนางเผยยิ้ม “ในแผ่นดินตะวันตกของพวกเรา ผู้หญิงดูแลกิจการทั้งหลายทั้งปวง เหตุไฉนข้าจึงจะปล่อยให้หนุ่มน้อยของข้าต้องเผชิญกับเคราะห์กรรมที่ข้าก่อด้วยล่ะ พี่สาวน้องสาวแห่งเมืองขุนเขาสายฟ้า!” เสียงของนางก้องกังวานไปด้วยความอ่อนหวานและความฮึกหาญไปพร้อมๆ กัน “เตรียมสัมภาระของพวกเจ้า และพร้อมเข้าสู้ศึก!”

ในเมืองขุนเขาสายฟ้า ผู้ฝึกวิชาเทวะจำนวนนับไม่ถ้วนที่เชี่ยวชาญในวิชาพิษ ก็เก็บข้าวของสัมภาระ และไม่นานก็มารวมตัวกัน พวกเขามองไปที่ประมุขของตนและเห็นว่านางนั้นเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ใบหน้าอันสะคราญของนางเอิบอาบเปล่งประกายราวกับไข่มุก นางดูน่าลุ่มหลงเป็นอย่างยิ่ง

“พี่สาว พวกเราจะไปที่ใด” หญิงผู้หนึ่งเอ่ยถาม

มู่ยิ่งเสว่กระโดด และเถาวัลย์เขียวก็เลื้อยเข้ามาจากในอากาศ ลงมาช้อนรับเท้าของนางเพื่อยกร่างนางขึ้นไป เสียงของนางเต็มไปด้วยเสน่ห์และสรวล นางกล่าว “แน่นอนว่าพวกเราก็จะต้องไล่ตามพี่เขยของพวกเจ้าไป และยัดถุงถั่วแดงคะนึงหานี้คืนใส่มือเขาน่ะสิ พวกเราจะต้องทำให้แน่ใจว่าเขาจะเก็บถุงนี้ไว้อย่างถูกต้องเหมาะสม และไม่ลืมเลือนการคะนึงหานี้ หรือข้า มู่ยิ่งเสว่!”

“ได้เลย!” เด็กสาวคนอื่นๆ หัวเราะกันอย่างอึงอล “รีบๆ ออกไปกันเร็วเข้า! พี่เขยดีๆ แบบนี้ พวกเราปล่อยให้นังเท้ากีบน้อยที่ไหนคว้าไปไม่ได้นะ! พวกเรารีบไปแย่งชิงพี่เขยกลับมา!”

“แย่งชิงพี่เขยกลับมา!”

ฉินมู่กลับไปยังหุบเขาฝังเทพยดาแห่งตระกูลหลิ่ว โลงศพสีดำสนิทมากมายเข้ามาร่วมทางกับเขา งอกขาออกมาและวิ่งตามไปเป็นขบวน

บนท้องฟ้า มีโลงศพลอยเลื่อนอยู่อีกมากหลาย ครึ้มราวกับเมฆฝน

ท่ามพลางพวกมัน ก็มีโซ่ลากที่โลงศพทองคำอันใหญ่มหึมาและสะดุดตาเป็นอย่างยิ่งไปด้วย และฉินมู่ก็พิศวงสุดๆ ว่าทำไมหลิ่วหรูยินถึงยืนกรานที่จะนำสิ่งอันตรายเช่นนี้ไปด้วย แต่ทว่า เมื่อเขาได้ยินว่าเป็นความคิดของธิดานาง เขาก็ไม่ตั้งคำถามอีกต่อไป

เด็กหญิงน้อยผู้นี้ หลิ่วเจินชิง ทั้งชาญฉลาดและกลอกกลิ้ง ในเมื่อนางต้องการนำโลงศพทองคำไปด้วย มันก็จะต้องมีประโยชน์ใช้สอยอย่างแน่นอน

ขณะที่ฉินมู่นำกองกำลังตระกูลหลิ่วตรงไปยังหุบเขาแม่น้ำกระบี่ เตรียมที่จะเข้ารวมกลุ่มกับเหออีอีและกลุ่มอื่นๆ เขาก็พลันได้ยินเสียงดังกังวานมาจากข้างหลังพวกเขา “หนุ่มน้อย รอข้าด้วย!”

ฉินมู่หันกลับไปมอง และตกตะลึงอย่างช่วยไม่ได้ ผู้ฝึกวิชาเทวะแห่งเมืองขุนเขาสายฟ้าพากันนั่งมาบนหลังสัตว์พิษและแมลงพิษทุกชนิดทุกประเภท รีบรุดตะบึงมาอันเต็มไปด้วยความคึกคักจอแจ มีทั้งแมงมุม ตะขาบ คางคก งู นกพิษ สัตว์เถื่อน ตัวต่อ และพวกมันก็มืดฟ้ามัวดินไปหมด

และยังมีพืชพิษมากมายที่ถูกปลุกพรายวิญญาณโดยผู้ฝึกวิชาเทวะทั้งหลาย และมนุษย์ต้นไม้พิษร้ายแรงที่ก้าวอาดๆ ไปข้างหน้า ยังมีเถาวัลย์เรียวบางกับดรุณีบุปฝาจากดอกไม้พิษที่กระพือกลีบดอกอันบอบบางของพวกนางมา และถึงกับมีปลาพิษร้ายที่งอกเงยขาเพื่อวิ่งตะบึงมาบนแผ่นดิน

นำหน้าพวกเหล่านั้นมาทั้งหมดคือมู่ยิ่งเสว่ผู้ซึ่งดูมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ และนางก็ถลาเข้ามาหาเขาผ่านเส้นทางที่กองทัพโลงศพเปิดเอาไว้ให้ โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง นางกระโดดขึ้นไปบนหลังกิเลนมังกร และยัดถุงหอมเข้าไปในมือของเขา ก่อนที่จะกอดเขาเพื่อประทับจูบอย่างหนักหน่วงลงไปที่ข้างแก้ม

ฉินมู่งงงัน และเด็กสาวผู้นี้ก็ยืดอกผยองกล่าวด้วยเสียงอันดัง “ข้าต้องการให้เจ้าเก็บถุงหอมคะนึงหานี้ไว้ติดตัวเจ้าตลอดไป และไม่มีวันโยนมันทิ้ง ไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต เจ้าทำได้หรือไม่”

ด้วยความฮึกหาญอัดอก ฉินมู่ประกาศก้อง “ทำได้!”

มู่ยิ่งเสว่หันกลับไปและโบกมือแก่พวกสาวๆ แห่งเมืองขุนเขาสายฟ้า “เขาบอกว่าทำได้! พี่สาว น้องสาว ป้าและน้าๆ พวกเราไปถล่มตำหนักสวรรค์แท้ และเปลี่ยนแปลงโลกหล้ากันเถอะ!”

เสียงโห่ร้องกึกก้องมาจากข้างหลังพวกเขา

ข้างๆ กิเลนมังกร โลงดำเล็กๆ โลงหนึ่งเปิดฝาออก และหลิ่วเจินชิงก็โผล่หัวของนางขึ้นมา นางกอดอกและทำแก้มป่องอย่างไม่สบอารมณ์

“นังเท้ากีบน้อย” นางบ่มพึมพำเมื่อปรายตามองมู่ยิ่งเสว่

โลงศพของหลิ่วหรูยินลอยมาข้างๆ และประมุขตระกูลหลิ่วผู้นี้ก็กระซิบกระซาบ “อย่าไปสนใจนังเท้ากีบน้อยนี่เลย ตอนนี้ทำเป็นผยองไปเถอะ เมื่อนางตาย พวกเราค่อยทำให้นางกลายเป็นคนตระกูลหลิ่ว!”

“ฮึ่ม!”

ธงทิวปลิวสะบัดในหุบเขาแม่น้ำกระบี่ และฉินมู่ตกตะลึงในจำนวนของตระกูลใหญ่มากอิทธิพลแห่งแผ่นดินตะวันตกที่มารวมตัวกันและตั้งค่ายอยู่ในบริเวณรอบๆ

มันน่าจะเป็นครั้งแรกที่แผ่นดินตะวันตกมีเรื่องใหญ่ที่ผู้คนมารวมตัวคับคั่งขนาดนี้ ธงของตระกูลเหอ ตระกูลฟาง ตระกูลกง ตระกูลซี และตระกูลฝู ล้วนแต่ถูกชักขึ้นสูง และยังมีตระกูลน้อยใหญ่อื่นๆ ที่เหออีอีได้เชื้อเชิญมาอีก

ตระกูลใหญ่ทั้งหลายล้วนแต่เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ กัน ตระกูลเหอเชี่ยวชาญด้านพยุหะค่ายกล ตระกูลฟางเชี่ยวชาญด้านควบคุมภูเขา ตระกูลกงเชี่ยวชาญด้านควบคุมแม่น้ำ ตระกูลซีเชี่ยวชาญด้านควบคุมต้นไม้ใบหญ้า ขณะที่ตระกูลฝูเชี่ยวชาญในการควบคุมลมฟ้าอากาศ

ตระกูลทรงอิทธิพลอื่นๆ ก็มีความเชี่ยวชาญเฉพาะที่แตกต่างกันไป

ผู้คนที่มารวมตัวกันเกือบทั้งหมดเป็นสตรี จำนวนของพวกนางนั้นนับว่าน่าตระหนก

กองทัพของสตรีนับแสนได้ทำให้ฉินมู่ตกตะลึง

แม้ว่าจักรวรรดิสันตินิรันดร์จะค่อนข้างเปิดกว้าง และสตรีสามารถเป็นขุนนางเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าร่วมกองทัพได้ แต่ก็นับได้เพียงสองส่วนจากสิบส่วนเท่านั้น บุรุษยังคงเป็นคนกลุ่มใหญ่ แต่กระนั้นในแผ่นดินตะวันตก สตรีในกองทัพมีถึงแปดส่วน ขณะที่บุรุษมีเพียงสองส่วนเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ส่วนใหญ่แล้วผู้ชายก็จะทำแต่งานระดับล่างในกองทัพ

นี่เป็นโอกาสอันหาได้ยากของตระกูลใหญ่ทั้งหลายในแผ่นดินตะวันตก หากว่าสามารถล้มล้างตระกูลอวี้ได้ ความเสื่อยถอยของตระกูลเสียงก็จะเท่ากับว่าพวกนางก็จะเป็นอิสระจากตำหนักสวรรค์แท้มากกว่าเดิม นี่จึงเป็นเหตุให้พวกนางมาที่นี่เพื่อปฏิวัติ

ฉินมู่สูดลมหายใจลึกและกำหมัดแน่นเมื่อเขามองไปยังทิศทางของตำหนักสวรรค์แท้

ในการเดินทางมายังแผ่นดินตะวันตก เขาได้นำมาเพียงแต่กิเลนมังกรและเสียงฉีเอ๋อ มีเพียงแค่เขา หนึ่งสัตว์ขี่ และเด็กหญิงอ่อนแอคนหนึ่ง โดยปราศจากกำลังทหารใดๆ กระนั้นเขาก็สามารถรวบรวมกองทัพเป็นแสนๆ คนของเหล่าสตรีที่ตระเตรียมจะเข้าโจมตีสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดินตะวันตก ตำหนักสวรรค์แท้!

เมื่อเขาคิดมาถึงตรงนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นจนกระดูกสั่นเกรียวกราว และจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาก็แทบบินหลุดออกจากร่าง!

เขาจูงมือเสียงฉีเอ๋อ เดินเข้าไปในเมืองต้นไผ่พร้อมกับมู่ยิ่งเสว่ หลิ่วหรูยินและธิดาของนาง ประมุขของตระกูลใหญ่ทรงอิทธิพลทั้งหลายต่างมารวมตัวกันที่นี่ และกำลังรอการมาถึงของเขาอย่างใจจดใจจ่อ!

ฉินมู่โค้งคารวะจนแทบหัวจรดพื้นและกล่าวด้วยเสียงอันกึกก้อง “จ้าวลัทธิมารฟ้าฉินมู่แห่งแผ่นดินภาคกลาง ขอน้อมคารวะพี่สาวทั้งหลาย!”

หญิงเหล่านั้นมากมายรีบโค้งคารวะกลับไป “จ้าวลัทธิ ไม่ต้องมากพิธีหรอก”

ฉินมู่กระตุกมือเสียงฉีเอ๋อ และนางก็รีบโค้งคารวะเช่นกัน

“ฉีเอ๋อขอน้อมคารวะท่านน้าและท่านป้าทั้งหลาย!”

ทุกๆ คนรีบคารวะกลับไป “พวกเรามิกล้า องค์หญิงน้อย โปรดลุกขึ้นเถิด!”

ฉินมู่ยืดตัวตรงและแย้มยิ้มอย่างกว้างขวางไปยังพวกนาง “สตรีมากมายได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่เด็ดขาด อันกล้าที่จะจุดดวงตะวันและจันทราขึ้นมาบนฟ้าใหม่! พี่สาวทั้งหลาย น้องชายผู้นี้ได้เดินทางรอนแรมมาจากแผ่นดินภาคกลาง และหมายที่จะเป็นกำลังความสามารถของพี่สาวทุกท่านที่ตำหนักสวรรค์แท้! พี่สาวอีอี พวกเราออกเดินทางได้หรือยัง”

เหออีอีเรียกเมืองต้นไผ่ และมันก็ลุกขึ้นยืน ในเวลาเดียวกันนั้นประมุขตระกูลทั้งหลายก็ถ่ายทอดคำสั่งลงไป พื้นดินสะเทือนเลื่อนลั่น และมวลเมฆก็พวยพุ่งไปข้างหน้า กองทัพสตรีหลายแสนไพร่พลก็ยาตรามุ่งหน้าไปยังตำหนักสวรรค์แท้

กิเลนมังกรเหลียวหลังกลับไปมอง และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างสะทกสะท้อน ปรมาจารย์ไม่ดูยิ่งใหญ่เกรียงไกรขนาดนี้เลยในครั้งกระโน้น จ้าวลัทธิอย่างไรก็เป็นจ้าวลัทธิ เขามาแผ่นดินตะวันตกแค่แผล็บเดียว ก็จีบสาวๆ ได้เป็นแสนคน…

ห่างไกลออกไปบนท้องฟ้า ราชครูสันตินิรันดร์และเสียงซีอวี่ยืนอยู่บนก้อนเมฆและมองลงไปยังภาพอันยิ่งใหญ่อลังการจากที่ไกลๆ

เสียงซีอวี่อึ้งสุดๆ อึ้งจนพูดไม่ออก

ราชครูสันตินิรันดร์ก็จนด้วยวาจาเช่นกัน

“ราชครู ท่านคาดหวังผลลัพธ์นี้มาตั้งแต่แรกหรือเปล่า” ในที่สุดเสียงซีอวี่ก็ได้สติ และหันไปมองชายกลางคนข้างๆ นางอย่างพินิจพิเคราะห์ “แม้แต่ข้า ไหน่ขุยคนก่อนก็ยังไม่มีความสามารถและพลังอำนาจเหมือนกับจ้าวลัทธิฉิน เขาถึงกับสามารถรวบรวมไพร่พลเรือนแสนได้ด้วยการเพรียกขานเพียงครั้งเดียว นี่จ้าวลัทธิฉินจะไม่น่ากลัวไปหน่อยหรอกหรือ”

ราชครูสันตินิรันดร์ระบายลมหายใจสั่นสะท้านและพึมพำ “ข้ารู้ว่าเขาจะต้องก่อเรื่องวุ่นวาย และดึงดูดความสนใจของตำหนักสวรรค์แท้เป็นแน่ แต่ข้าไม่รู้ว่าเขาจะทำได้ดีขนาดนี้ ตำหนักสวรรค์แท้จะต้องรู้สึกระแวงภัยจากเรื่องนี้ และที่ดีไปกว่านั้นก็คือ ป้าโก่วก็จะไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะเผยตัวออกมา หลังจากที่เขาเพลี่ยงพล้ำเสียที เทพเจ้าที่ซ่อนตัวอยู่ในตำหนักสวรรค์แท้ก็จะต้องเผยตัวออกมา และทำให้ข้ามีโอกาสจู่โจมสังหารเขา…”

เขามองไปยังกองทัพสตรีอันยิ่งใหญ่เกรียงไกรและอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทิ้ม พลางส่ายหน้าไปมา “น่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว ความเป็นหนึ่งเดียวนี้น่าสะพรึงกลัวเกินไปจริงๆ แต่ทว่า พรสวรรค์ของจ้าวลัทธิฉินก็คือเรื่องนี้นี่เอง เพราะถึงอย่างไร แม้แต่ข้าก็ยังถูกเขาหลอกให้ไปเข้าร่วมลัทธินักบุญสวรรค์ หากว่าเจ้าเด็กร้ายกาจนี่คิดจะก่อกบฏล่ะก็…”